ตำรวจยืนยัน ไม่ได้ปกปิดข้อมูล ให้หมอกระต่ายกลายเป็นศพไร้ญาติ แต่ช่วงเวลาดังกล่าวไม่สามารถติดต่อญาติของหมอกระต่ายได้ ขณะที่ พ่อของสิบตำรวจตรีนรวิชญ์ ยืนยันให้ลูกถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ยังไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูลตอนนี้เพราะเครียด

จากกรณี สิบตำรวจตรี นรวิชญ์ บัวดก ผู้บังคับหมู่ กองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ขับรถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ ดูคาติ รุ่นมอนสเตอร์ ทะเบียน 1กผ9942 เชียงราย พุ่งชนแพทย์หญิงวราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย จักษุแพทย์ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะกำลังเดินข้ามทางม้าลายหน้าสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์



โดยจากคลิปจะเห็นว่า สิบตำรวจตรีนรวิชญ์ ได้ขี่มอร์เตอร์ไซด์มาเลนขวาสุด แล้วพุ่งชน หมอกระต่ายอย่างแรง จนร่างลอยกระเด็นไปไกลถึง 15 เมตร อาการสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ภัย ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ต่างมาช่วยกันเร่งนำส่งโรงพยาบาลราชวิถี แต่สุดท้ายหมอกระต่ายก็เสียชีวิต



ส่วนสิบตำรวจตรีนรวิชญ์ มอเตอร์ไซด์ล้ม ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่าย 3 โมง ของวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา



และนี่เป็นคลิปใหม่ ที่ทีมข่าวช่อง 3 ได้มาโดยเป็นช่วงเวลา ที่สิบตำรวจตรีนรวิชย์ ขี่บิ้กไบค์ มาจากแยกพญาไท ตรงข้ามโรงเรียนสันติราษฎร์ และ ได้เปลี่ยนเลนจากซ้ายสุด ไปเลนขวาสุดทันที โดยมุ่งหน้าไปทางอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และ สุดท้ายก็ไปชนหมอกระต่าย จนเสียชีวิต ซึ่งคลิปนี้ สิบตำรวจตรีถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงพฤติกรรมการที่ขี่บิ้กไบค์ เปลี่ยนเป็นเลนขวาสุดทันที ซึ่งผิดกฎจราจร



ขณะที่หลังเกิดเหตุ สิบตำรวจตรีนรวิชย์ ได้เดินทางไปมอบตัวกับ พนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยสิบตำรวจตรีนรวิชย์ บอกว่าเสียใจ รู้สึกสำนึกผิด และ ยอมรับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยก่อนเกิดเหตุ ได้ขี่รถแซงรถตู้ มาเลนขวาสุด โดยใช้ความเร็วประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยืนยันไม่เห็นหมอกระต่าย ขณะข้ามถนน จึงทำให้ พุ่งชนหมอกระต่ายทันที เพราะเบรคไม่ทัน ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ยังไม่ขอพูดคุยอะไรตอนนี้ เพราะติดธุระหลายอย่าง


นอกจากนี้ทีมข่าว ได้ไปที่ สน.ปทุมวัน เพื่อต้องการไปพูดคยกับ ร้อยตำรวจตรีนิคม บัวดก ฝ่ายตำรวจจราจร ซึ่งเป็นพ่่อของสิบตำรวจตรีนรวิชญ์ แต่ไม่พบตัว เนื่องจากอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจนอกสถานที่



โดยทีมข่าวได้รับการเปิดเผย จากพันตำรวจเอกพันษา อมราพิทักษ์ ผู้กำกับการ สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า ร้อยตำรวจเอกนิคม ยังคงรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยืนยันจะให้ลูกชายรับผิดทุกอย่างตามกฎหมาย โดยทุกอย่างขอให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นผู้ชี้แจง และขอความร่วมมือสื่อมวลชน ขอไม่ให้ติดต่อสัมภาษณ์ร้อยตำรวจตรีนิคม เพราะสภาพจิตใจยังไม่พร้อม

ขณะที่ในโลกโซเชียล ได้มีการตั้งข้อสังเกตุ การทำงานของตำรวจ ที่ปล่อยให้หมอกระต่าย ต้องกลายเป็นศพไร้ญาตินานถึง 2 ชั่วโมง โดยหมอรายหนึ่ง ได้โพสต์ในทวิสเตอร์ว่า ปกติแล้ว อาสาหรือกู้ชีพ จะเก็บเอกสารผู้ประสพอุบัติเหตุ มาให้โรงพยาบาล เพื่อให้หมอติดต่อญาติ แต่เคสหมอกระต่าย ตำรวจเก็บเอกสารไปหมด ถ้าผู้ตายเป็นคนทำงานในกรุงเทพแต่ไม่มีญาติ กี่วันถึงจะรู้ว่าตาย



รวมถึงข้อความว่า หมอกระต่ายกลายเป็นศพนิรนามอยู่โรงพยาบาล 2 ชั่วโมง เพราะตำรวจเก็บหลักฐานไอดีทุกอย่างไว้ รู้เรื่องเพราะโรงพยาบาลอีกที่โทรตามให้ไปอยู่เวร ตำรวจเลยบอกเกิดอุบัติเหตุ อาจารย์ก็โทรไปถามฉุกเฉิน ที่โรงพยาบาลต่าง ๆ จนมาเจอที่ราชวิถี


ขณะที่ พลตำรวจตรี จิรสันต์ แก้วแสงเอง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ชี้แจงถึงประเด็นที่พนักงานสอบสวน ปล่อยตัวชั่วคราว สิบตำรวจตรีนรวิชย์ โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ประกันตัว เพราะไม่มีพฤติกรรมหลบหนี และมามอบตัวเองเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนสั่งฟ้อง สิบตำรวจตรีนรวิชย์ ให้กับพนักงานอัยการทั้งหมด 7 ข้อหา ได้ภายในวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้



ส่วนประเด็นสำคัญ ที่พนักงานสอบสวนเก็บเอกสารส่วนตัวไว้ถึง 2 ชั่วโมง โดยไม่ได้แจ้งให้ทางโรงพยาบาลทราบ จนถูกมองว่าตั้งใจให้เป็นศพไร้ญาติหรือไม่นั้น ยืนยันว่าขณะนั้น ตลอดระยะ 2 ชั่วโมง ตั้งแต่เกิดเหตุ จนถึง โรงพยาบาล ตำรวจมีการประสานกับเพื่อนของคุณหมอกระต่ายโดยตลอด แต่ในช่วงแรกไม่สามารถติดต่อกับเพื่อนของหมอกระต่ายได้ เพราะโทรศัพท์ของหมอกระต่ายถูกล็อกไว้



จนกระทั่งมีเพื่อนคนแรก ติดต่อมาหมอกระต่ายทางมือถือ ในตอน 4 โมง 10 นาที และต่อมาเวลา 5 โมง 20 นาที อาจารย์หมอโทรศัพท์มาสอบถามว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นหมอกระต่ายจริงหรือไม่ และในเวลา 5 โมง 45 นาที ตำรวจไปที่โรงพยาบาลราชวิถีและเจอเพื่อนของหมอกระต่าย จึงทำให้รู้ว่าหมอกระต่ายเสียชีวิตแล้ว และก็ได้พบกับอาจารย์หมอที่โรงพยาบาลด้วย