กีฬา

“หมิว พรปวีณ์” ประกาศถอนตัวซีเกมส์ ผิดหวัง “สมาคมแบดฯ” ตัดเบี้ยเลี้ยง-ไม่ใส่ใจ ร่ายยาวอดทนมาหลายปี

27 ต.ค. 2568

8.4K views

“หมิว พรปวีณ์” นักแบดมินตันสาวมือ 1 ของไทย และมือวางอันดับ 6 ของโลก ยื่นหนังสือถอนตัวซีเกมส์ ร่ายยาว ผิดหวัง “สมาคมแบดฯ” ตัดเบี้ยเลี้ยง-ไม่ใส่ใจ อดทนมานานหลายปี ลั่น ไม่สามารถร่วมงานกับผู้บริหารชุดนี้ได้อีก

หมิว พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย พร้อมด้วย ภควัฒน์ วิไลลักษณ์ หรือ “โค้ชท็อป” อดีตนักแบดมินตันทีมชาติไทย และผู้ฝึกสอนของ “หมิว“ ได้ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย และ นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีเนื้อหาใจความว่า

“หนูชื่อ พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทยค่ะ หนูขอเรียนให้ทุกท่านทราบว่า ช่วงที่ผ่านมา หนูรู้สึกไม่สบายใจกับหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในสมาคมฯ โดยเฉพาะการทํางานของ ”ฝ่ายพัฒนากีฬาบางส่วน“ ที่หนูรู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นธรรมกับนักกีฬา และมีบางเรื่องที่มีการใช้อำนาจไม่เหมาะสม รวมถึงคำพูดและการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนากีฬาบางท่าน ที่ทำให้หนูรู้สึกเสียใจและหมด กำลังใจเป็นอย่างมาก หนูต้องอดทนกับความรู้สึกนี้มานานหลายปี และไม่อยากให้รุ่นน้องๆ ต้องมาเจอกับสิ่งเหล่านี้อีกต่อไป

สำหรับการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ หนูตั้งใจอย่างมากที่จะลงแข่งขันเพื่อประเทศชาติ หนูยอมสละสิทธิ์จากการแข่งขัน Australia Open 500 และลีกที่ประเทศจีน ทั้ง ๆ ที่รายการเหล่านั้นมีเงินรางวัลมูลค่าหลายล้านบาท ซึ่งหนูสามารถนำมาเป็นทุนค่าใช้จ่ายในการดูแลตัวเองได้เพราะที่ผ่านมา หนูต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการฝึกซ้อม และเดินทางแข่งขันเองเกือบทั้งหมด แต่หนูเลือกที่จะอยู่ เก็บตัวฝึกซ้อม เพื่อเตรียมความพร้อมให้ดีที่สุดในการรับใช้ชาติ เพราะหนูอยากทำหน้าที่เพื่อประเทศไทยอย่างเต็มที่จริง ๆ ค่ะ

แต่หลังจากที่หนูได้เฝ้ารอคำตอบและการชี้แจงจากสมาคมฯ มาระยะหนึ่ง หนูกลับรู้สึกว่าหลายอย่างไม่ได้รับการแก้ไข หรือปรับปรุงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น และยังมีเหตุการณ์บางอย่าง รวมถึงคำพูดและการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนากีฬาบางท่าน ที่ทำให้หนูรู้สึกผิดหวังมาก

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ หนูจึงขอ ถอนตัวจากการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ในครั้งนี้ เนื่องจากหนูไม่สามารถทำงานร่วมกับฝ่ายพัฒนากีฬาได้อย่างสบายใจอีกต่อไป

สุดท้ายนี้ หนูไม่ได้มีปัญหาเรื่องการที่ กกท. ตัดเบี้ยเลี้ยงหรือเงินสนับสนุน แต่หนูรู้สึกผิดหวังกับความไม่ใส่ใจ และการไม่ดูแลนักกีฬาในส่วนที่สมาคมฯ ควรรับผิดชอบ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทุกอย่างหนูก็ต้องดูแลตัวเองแทบทั้งหมด  ด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้น หนูขอเรียนตามตรงว่า ใจของหนูไม่สามารถร่วมงานกับผู้บริหารชุดนี้ได้อีกต่อไปค่ะ ตราบใดที่ผู้บริหารชุดนี้ยังอยู่ ทุกอย่างก็คงจะเหมือนเดิม และไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

หนูขอเรียกร้องให้สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย มีการเปลี่ยนแปลงดังนี้

1. เปลี่ยนประธานฝ่ายพัฒนาแบดมินตัน เพื่อคัดเลือกบุคคลที่มีความคิดและวิสัยทัศน์ มาทำงานด้วยความเป็นธรรม โปร่งใส และมีระบบการทำงานที่ให้เกียรตินักกีฬามากกว่านี้

2. สมาคมแบดมินตันฯ ควรกลับมาเป็น “ศูนย์กลางในการสนับสนุนและพัฒนา” ทั้งนักกีฬาเยาวชนและทีมชาติไทยอย่างแท้จริง ไม่ใช่ปล่อยให้นักกีฬาต้องรับภาระทุกอย่างด้วยตัวเอง

หนูขอเป็นตัวแทนของน้องๆ ที่ไม่ได้รับความยุติธรรม เพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ไม่ต้องมาเจอกับสิ่งแบบที่หนูเคยเจออีกต่อไปค่ะ“

หมิว เปิดเผยว่า ตนเองยอมรับว่าคุณหญิงปัทมา ทำให้วงการแบดมีชื่อเสียง และมั่นคงมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ปัญหาสมาคมที่ยังมีอยู่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ นักกีฬาต้องแก้ปัญหาเองโดยตลอดมา ตนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และไม่ได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ จึงรู้สึกว่าไม่สามารถที่จะปฏิบัติงาน หรือร่วมงานกับทางสมาคม หรือฝ่ายบริหารชุดนี้ได้

ตนเป็นนักกีฬาอิสระ และเคยอยู่ในสังกัดสมาคมเหมือนกัน ซึ่งการทำงานของชุดบริหารชุดนี้ทำให้ไม่สามารถอยู่ และทำผลงานให้กับสมาคมได้ ในช่วงนั้นจึงต้องออกมาเป็นนักกีฬาอิสระ ยืนยันว่าการมายื่นจดหมายเพื่อที่จะถอนตัวในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ แล้ววันนี้ก็อยากจะได้รับการเปลี่ยนแปลงว่า ถ้ายังเป็นแบบนี้รู้สึกว่ารุ่นน้อง รุ่นเยาวชน ในภายภาคหน้าจะไม่สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงแน่นอน

วันนี้ที่ออกมาพูดเพราะอยากเป็นกระบอกเสียงให้กับทุกคน ว่าคุณออกมาเป็นเด็กนอกสมาคมต้องเจออะไรบ้าง และต้องรับทุกสถานการณ์ คุณไม่รู้ว่าเค้าจะกลั่นแกล้งหรือเปล่า ซึ่งการออกมาเป็นนักกีฬาอิสระทำให้รู้สึกน้อยใจและไม่ได้รับการดูแล

เรื่องที่รู้สึกไม่โอเคนั้น หมิวยกตัวอย่างว่า อย่างเช่นกรณีของน้องหวา กับมิกซ์ คู่ผสม ที่ไม่ได้รับการคัดเลือกให้ติดซีเกมส์ ซึ่งตนรู้จักกับหวา เป็นเพื่อนที่ตีแบดกันมาตั้งแต่เด็ก รู้ถึงความอดทน และความพยายามตลอด 20 กว่าปีที่ตีมา เพื่อที่จะมาติดทีมชาติ เขาทุ่มเทขนาดไหน แล้ววันนี้ เค้าได้ทำตามกฎทุกอย่างที่เข้าเกณฑ์แล้ว แต่ก็ยังมีอะไรไม่รู้ที่ไม่สามารถติดได้ ตนเองยอมรับในกฎกติกาที่ทางบริหารฝ่ายพัฒนาชุดนี้ตั้งใจให้ซีเกมส์ครั้งนี้เป็นการแข่งขันที่เราได้เหรียญทอง ซึ่งคิดว่าการส่งชุดใหญ่ลงไม่มีผิดไม่มีถูก เราสามารถส่งได้ แต่ต้องคิดถึงใจเขาใจเราว่าเด็กที่ทำตามสิทธิ์มา เขาได้รับอะไรหลังจากนั้น

และการแก้ไขปัญหาว่าเด็กต้องการเยียวยา เช่น ส่งแข่งรายการโอเพ่นแทนการไม่ติดซีเกมส์ได้ไหม คิดว่าเด็กทุกคนเข้าใจ และยอมรับในสิ่งที่สมาคมตัดสินใจ แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือให้ไปฟ้องร้องกันเอง เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม

ตนมองว่าสมาคม เป็นเหมือนผู้ปกครองแล้วเด็กมีปัญหา เราควรที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหา ไม่ใช่ให้ไปฟ้องร้องเพื่อความเป็นธรรม

ส่วนเรื่องเบี้ยเลี้ยง จากการที่ไม่ได้เข้าไปทดสอบร่างกายตามที่ กกท.กำหนด เรื่องนี้ ตนไม่ได้ติดใจอะไรที่หักเงิน แล้วถ้าถอนตัวจากการแข่งขัน ตนก็ยินดีคืนเงิน แต่สิ่งที่รู้สึกว่าไม่ดูแลคือ รู้อยู่แล้วว่าแบดมินตันแข่งทุกอาทิตย์ แต่ทางสมาคมไม่แจ้ง กกท. ให้รับทราบเลยหรือว่าติดการแข่งขัน และไม่สามารถมาทดสอบได้ และสามารถผ่อนผันได้หรือไม่ รู้สึกว่าน้อยใจ ที่ไม่ได้ดูแลเราอย่างดี และทุกการฝึกซ้อม ก็จ่ายเองทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นค่าซ้อม ค่าอุปกรณ์ และลูกแบดก็มีราคาแพงขึ้น

สำหรับการทดสอบร่างกายก็ยังไม่ได้รับแจ้งว่าให้เข้ามาทดสอบเพราะทางสมาคมต้องประสานเราว่ามีการจองวันทดสอบมาวันไหนแต่ก็ยังไม่ได้รับข้อความหรือส่งมาทางสโมสรเลยก็ยังไม่ได้มาทดสอบ

เชื่อว่าถ้าสมาคมบอกให้เข้ามาทดสอบสมรรถภาพร่างกายตามที่นัด จะไม่ถูกหักเงิน ทุกคนต้องเข้ามาอยู่แล้ว และคงไม่มีใครตั้งใจไม่ทดสอบร่างกายเพื่อจะโดนหักเงินหรอก คิดว่าทุกคนมีระเบียบวินัยในระดับหนึ่งในการดูแลตัวเอง

หลังจากนี้หากมีการพูดคุย ตนเองก็ยินดีที่จะร่วมตีซีเกมส์ ซึ่งหลังจากนี้อยากจะพูดคุยหรือเข้ามาปรับความเข้าใจก็ยินดีที่จะร่วมงาน หรือถ้ามีการเปลี่ยนแปลงก็จะยิ่งดี

ยอมรับว่าอยากเล่นซีเกมส์มาก เพราะเป็นประเทศเรา และอยากให้ปัญหานี้จบให้เร็วที่สุด เพราะอยู่ในช่วงการฝึกซ้อม ซึ่งมันกวนใจตนเองมาระดับหนึ่ง หากสมาคมต้องการจะมาคุย ก็ขอให้เร็วที่สุด เพราะตนต้องมีเวลาฝึกซ้อม และอยู่กับตัวเองมากที่สุด เพื่อที่จะรับความกดดันการแข่งขันที่จะมาถึง อยากประสานงานถึงฝ่ายพัฒนา

ด้านโค้ชท็อป กล่าวเสริมหมิว ถึงกรณีเรื่องเบี้ยเลี้ยงว่าการ หักเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาทราบมาตั้งแต่ต้นปี และมีการพูดคุยกับสอบถามโค้ชมาโดยตลอด แต่สิ่งที่นักกีฬาอยากได้ไม่ใช่เรื่องของเงิน แต่อยากได้การแอ็คชั่น หรือเทคแคร์จากสมาคม ไม่ว่าจะโดนหักเบี้ยเลี้ยงหรือค่าอุปกรณ์ที่เกิดความล่าช้า แต่ภาระทุกอย่างกลับมาตกที่นักกีฬา และต้นสังกัด เพราะฉะนั้นนักกีฬาก็เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ

สมาคมบอกว่าต้องการสองเหรียญทอง ซึ่งทุกคนพร้อมสู้ พร้อมรับใช้ชาติ หมิวถอนตัวเจาะรายการออสเตรเลียน โอเพ่น และลีกอาชีพที่จีน ซึ่งเค้ายิ่งกลับมานั่งคิดว่าเงินตรงนี้ที่ถอนตัว เขาสามารถเอาไปใช้จ่ายในค่าฝึกซ้อมต่างๆ แต่เค้ายินดีถอนตัว แต่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ยืนยันไม่ได้มีปัญหากับองค์กร และสมาคม แต่คณะทำงานมีผลกระทบโดยตรงต่อนักกีฬา

นายอุดมศักดิ์ ชื่นครุฑ เลขาธิการสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย ระบุว่า ทางเราเพิ่งรับทราบกรณีของหมิว ซึ่งมีอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ เรื่องการถอนตัวไม่เล่นซีเกมส์ ซึ่งทางสมาคมคงจะรับเรื่องมาก่อน และปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นการกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย เรื่องของการถอนตัว

ที่จริงแล้วไม่อยากให้นักกีฬาถอนตัว เดี๋ยวจะหารือก่อนว่า มีแนวทางไหนที่จะทำให้หมิว ซึ่งเป็นนักแบดขวัญใจคนไทยได้กลับมาเล่นในซีเกมส์

กรณีฝ่ายพัฒนานักกีฬา ในกรณีนี้ที่แจ้งมาเรื่องการทดสอบร่างกายต่างๆ ก็จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับการกีฬาแห่งประเทศไทยด้วยเช่นกัน ซึ่งการทดสอบร่างกายของซีเกมส์จะแบ่งเป็น 3 ช่วง คือช่วงแรก ธันวาคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์ // ช่วง2 คือมีนาคม ถึงกรกฎาคม และช่วงที่3 เดือนสิงหาคมถึงซีเกมส์

ซึ่งช่วงที่มีปัญหา คือธันวาคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ที่น้องๆ หลายคนใน 26 คน / มีเพียง 3 คน ที่มาทดสอบสมรรถภาพร่างกายช้า และจะถูกตัดเบี้ยเลี้ยงในรอบแรก

แต่ในรอบ2 น้องๆ ทุกคนได้รับเบี้ยเลี้ยงครบทุกคน 153 วัน เนื่องจากสมาคมพยามคุยกับกกท.ว่า นักกีฬาแบดต้องแข่งขันตลอด ค่อนข้างยากในการมาทดสอบร่างกาย ซึ่งทาง กกท.ชี้แจงมาว่า ได้ปรับให้จากเดิมกำหนดวัน เปลี่ยนเป็นให้นักกีฬาแบดมาในห้วงเวลาที่กำหนดไว้ และจะบริการและทดสอบร่างกายให้น้องๆ นักกีฬา แต่เนื่องจากการสื่อสาร ทำให้หมิวได้รับข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนเท่าที่ควร ซึ่งทางสมาคมจะรับเรื่องมา และปรับปรุงแก้ไขให้ดีที่สุด

ส่วนกรณีของมิก กับ หวา ที่ไม่ติดซีเกมส์ เดิมทั้งคู่มีรายชื่ออยู่ใน 26 ท่านด้วย แต่สุดท้ายสมาคมต้องตัดตัวเหลือ 20 คนตามกฎที่จะลงเล่นซีเกมส์ ซึ่งในกรณีนี้น้องมิกซ์ กับหวาไม่ได้ติดใน 20 คน ที่จะเป็นชุดใหญ่ลงเล่นซีเกมส์ แต่สมาคมได้มีการนัดพูดคุยกับน้องทั้งสองคน เพียงแต่ว่าการเจรจา หรือการเยียวยายังไม่ออกมาเป็นรูปธรรมเท่านั้น ซึ่งหากมีความคืบหน้าก็จะแจ้งให้สื่อและชาวไทยทราบอีกครั้ง

สำหรับเรื่องการตัดเงิน ปกติ กกท.มีกฎห้วงเวลาการทดสอบร่างกายมาอยู่แล้ว ปีนี้ทาง กกท. มีหลายชนิดกีฬาที่ต้องดูแล และเป็นช่วงซีเกมส์ อาจทำให้กฎระเบียบเข้มงวด ซึ่งทางสมาคมยอมรับว่าการสื่อสารกับนักกีฬา ประชาสัมพันธ์ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ เพราะเป็นครั้งแรกที่ กกท.ตัดงบเบี้ยเลี้ยงในการเก็บตัว

ทั้งนี้ สมาคมยินดีที่จะเจรจา และหารือกับนักกีฬาอยู่แล้ว ยิ่งนักกีฬาที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ ท็อปวงการแบดมินตัน ต้องดูแลให้ดีที่สุด

ส่วนประเด็นประธานฝ่ายพัฒนานั้น มองว่าอยากให้ช่วยประเทศชาติไปก่อน ส่วนการหารือกับฝ่ายพัฒนา อาจจะทางทันหรือไม่ทันซีเกมส์ ให้เป็นเรื่องการพูดคุยเบื้องต้นก่อน ส่วนจะได้บทสรุปอย่างไรนั้น เอาซีเกมส์เป็นหลักก่อน

ขณะที่นายธนัช อัศวนภากาศ กรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บอกว่า เรื่องการทดสอบร่างกายนักกีฬาที่อยู่ในโครงการเก็บตัวซีเกมส์ทั้งหมด 26 คน เป็นระดับชั้นนำของประเทศ มีเพียง 3 คน ซึ่งขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อที่เข้าการทดสอบช้าในห้วงแรก ส่วนอีก 23 คนมาทดสอบตามช่วงเวลา ซึ่งช่วงเวลาที่ให้ทดสอบมีประมาณสองสัปดาห์ ส่วนเรื่องซีเกมส์ก็น่าเสียดาย ซึ่งทางสมาคมอยากให้แฟนๆ พี่พี่น้องชาวไทยได้มีความสุข กับผลการแข่งขันของนักกีฬา เราจึงเลือกนักกีฬาที่ดีที่สุดเข้าร่วม

ตนเองไม่อยากให้นำเรื่องซีเกมส์ การเป็นตัวแทนทีมชาติ มาเป็นข้อต่อรองลักษณะนี้ มองว่าไม่ดี และประชาชนอยากเห็นเล่นแข่งขันของหมิว และซีเกมส์ครั้งนี้ หลายประเทศเค้าตั้งใจที่จะมาโค่นทีมหญิงของเรา เพราะทีมหญิงเราครองแชมป์หกสมัยติดต่อกันแล้ว จึงจัดชุดที่ดีที่สุด ซึ่ง ตนเชื่อว่ายังมีเวลาทบทวน

ทางด้านโค้ชท๊อป ก็ตอบโต้เลขากับฝ่ายประชาสัมพันธ์ ที่ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองยังไม่เห็นว่ามีการประเด็นรับรู้ปัญหาของน้องจริงๆ คือเรื่องของการไม่ได้รับการใส่ใจการเตรียมทีมที่ดี ไม่ใช่ว่าน้องไม่อยากเล่น และน้องไม่ได้มีปัญหากับ กกท.หรือโอลิมปิก ประเด็นคือน้องมีปัญหาในการเตรียมตัว แต่ไม่เห็นสมาคมพูดถึงเรื่องนี้ ว่าจะช่วยเหลือเยียวยาอย่างไร พูดแต่ว่าช่วยชาติ ซึ่งน้องยินดีช่วยชาติอยู่แล้ว ส่วนที่บอกว่าสมาคมแจ้งแล้ว ตนเองมีเอกสารว่าไม่ได้มีการแจ้ง ไม่ได้ระบุรายละเอียด

ทางด้านเลขาธิการสมาคม จึงกล่าวย้ำว่า หน้าที่ในการหารือหรือแก้ไขข้อผิดพลาดอยู่ในภารกิจที่ตนเองต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด คิดว่าอาจจะวันนี้ ถึงสองวันนี้ จะต้องปรึกษากับท่านนายกสมาคม คณะบอร์ดผู้บริหารของสมาคม เข้ามาแก้ไขปัญหาของหมิว อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเยียวยา

คุณอาจสนใจ

Related News