สังคม

เตรียมปิดรับแจ้งความ ‘คดีดิไอคอน’ ล็อตแรก - คุมตัว ‘บอสพอล’ ฝากขังศาลอาญา ทนายยังไม่ยื่นประกัน

โดย petchpawee_k

11 ชั่วโมงที่แล้ว

11 views

ตำรวจเตรียมปิดรับแจ้งความ "คดีดิไอคอน" ล็อตแรก เพื่อรวบรวมผู้เสียหายสรุปสำนวนฟ้องผู้ต้องหาภายใน 48 วัน – สรุปยอด 9 วัน ผู้เสียหาย 2,170 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 841 ล้านบาท – ส่วนหมายจับล็อต 2 ไม่ว่าดารา-หรือพระสงฆ์ หากพบกระทำผิดดำเนินคดีหมดไม่ละเว้น

วานนี้ (18 ตุลาคม 2567) พลตำรวจตรีโสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงความคืบหน้าคดีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ว่าปัจจุบันมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความรวม 9 วัน เป็นจำนวน 2,170 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 841 ล้านบาท และยังคงมีผู้เสียหายทยอยเข้าแจ้งความต่อเนื่อง  ขณะที่รวมผู้เสียหายแจ้งความทั่วประเทศแล้ว 4,027 คน ยอดความเสียหาย 1,252 ล้านบาท  


อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนเตรียมจะปิดรับแจ้งความล็อตแรกภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อให้ทันต่อการรวบรวมสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหาต่อพนักงานอัยการภายใน 48 วัน (4 ผัดฝากขัง) แต่ก็ผู้เสียหายก็ยังสามารถเข้าแจ้งความได้อยู่ โดยพนักงานสอบสวนก็จะขึ้นเป็นเลขคดีใหม่

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าผู้ต้องหาเอานอมินีของตนเองมาแจ้งความในฐานะผู้เสียหาย เพื่อให้การสอบสวนของตำรวจเกิดความล่าช้านั้น ทางพนักงานสอบสวนก็วางแนวทางป้องกันและแก้ปัญหาไว้แล้ว ยืนยันสำนวนทั้งหมดจะทันต่อการสั่งฟ้องแน่นอน


ส่วนความคืบหน้าการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องล็อตที่ 2 นั้น ยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นดารา หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือแม้แต่พระสงฆ์ หากตรวจสอบพบว่าเข้าข่ายกระทำความผิด ตำรวจก็จะดำเนินคดีทั้งหมดไม่ละเว้น ซึ่งกรณีที่มีคนมาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับพระรูปหนึ่งนั้น ตำรวจก็จะรับเรื่องตรวจสอบ แต่ขณะนี้ตนเองยังไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดหลักฐานที่มีการแจ้งความ


ส่วนการแจ้งข้อหาฟอกเงิน อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งตำรวจสามารถแจ้งได้ทันทีหากมีความผิดเข้าข่ายฟอกเงิน โดยตอนนี้ตำรวจตรวจยึดอายัดทรัพย์สินเป็นรถยนต์หรู 24 คัน , เงินสด 7.5 ล้านบาท , นาฬิกาหรู 51 เรือน , กระเป๋าแบรนด์เนมและทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 210 ล้านบาท


 ทั้งนี้ คดีนี้จะถูกโอนคดีให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอหรือไม่นั้น เรื่องดังกล่าวตำรวจสามารถทำได้เลย แต่สำนักนายกรัฐมนตรีสั่งให้ดีเอสไอเข้ามาช่วยเหลือในส่วนของการการสืบสวนเส้นทางการเงินและยึดอายัดทรัพย์ และตำรวจยังได้ประสานไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด ให้ช่วยส่งผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ มาเป็นที่ปรึกษาในคดีร่วมตรวจสอบการกระทำความผิดของผู้ต้องหา รวมถึงอยู่ระหว่างการประสานหน่วยงานต่างๆ ที่เข้าตรวจสอบบริษัทดิไอคอน เพื่อขอทราบถึงผลการตรวจสอบในทุกมิติ

--------------------------------------------

ตำรวจคุมตัว "บอสพอล" ผู้ต้องหาดิไอคอน ฝากขังศาลอาญา – พบ คืนก่อนฝากขัง มีอาการเครียด ต้องลุกขึ้นนั่งสมาธิกลางดีก – ขณะที่ศาลอาญารับฝากขัง ทนายความไม่ยื่นประกัน เพราะรู้ว่าโอกาสให้ประกันตัวมีน้อย อีกทั้ง 3 บอสดาราไม่ได้ประกัน ก่อนส่งบอสพอลเข้าเรือนจำทันที

วานนี้ (18 ต.ค.67) เวลา 09.15 น. ตำรวจควบคุมตัว บอสพอล เดินออกมาขึ้นรถเพื่อนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก โดย บอสพอล สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว รองเท้าแตะ สวมใส่หน้ากากอนามัย และเดินมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้ตอบคำถามหรือพูดอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนจะขึ้นรถไป

ทั้งนี้ มีรายงานข่าว ระบุว่า คืนก่อนฝากขังบอสพอล ภายหลังจากเสร็จสิ้นการสอบสวน เจ้าหน้าที่นำตัว “บอสพอล” เอามาควบคุมตัวไว้ที่ห้องขังของตึกศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง  โดยตลอดทั้งคืน บอสพอล ยังมีอาการเครียด ถึงกับต้องลุกขึ้นมานั่งสมาธิภายในห้องขังด้วย จนช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมอาหารเช้าเป็นข้าวกะเพราไข่ดาวมาให้ก่อนนำตัวไปฝากขัง

ต่อมาเมื่อเดินทางไปถึงศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่ได้นำตัวบอสพอไปที่ห้องเวรชี้ด้านหลังศาลตามกระบวนการ


โดยสรุปคำสั่งคดีดังกล่าว ดังนี้ ช่วงเช้าวานนี้ (18 ตค.67) พนักงานสอบสวน ปคบ. ได้นำตัว นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้ต้องหา มายื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 1 ต่อศาลอาญา ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 มาตรา 14 (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ซึ่งในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา


โดยคำร้องฝากขัง พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากพฤติการณ์การกระทำความผิดของผู้ต้องหา เป็นการร่วมกันกับผู้อื่นกระทำผิดที่มีลักษณะเป็นกลุ่มขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบ คดีมีความยุ่งยากสลับซับซ้อน ส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างทั่วราชอาณาจักร  มีผู้เสียหายจำนวนมาก จำนวนทุนทรัพย์สูง และเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี  

ทั้งนี้ ศาลอาญาพิจารณาคำร้อง ไต่สวนพนักงานสอบสวน และสอบผู้ต้องหาแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหา ตามคำร้องของพนักงานสอบสวน เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่ 18 – 29 ต.ค.นี้

อย่างไรก็ดี วานนี้ (18 ตค.67) ผู้ต้องหาไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในชั้นสอบสวนต่อศาลอาญา ดังนั้นเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการฝากขัง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะได้ควบคุมตัวผู้ต้องหานี้ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

กระทั่ง 11.53 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้นำตัวบอสพอล มาฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งมาโดยรถตู้กรมราชทัณฑ์ มีรถเจ้าหน้าที่ นำหน้ามาหนึ่งคัน บอสมาคันที่สอง แต่ฟิล์มกระจกของรถตู้ค่อนข้างมืดจึงไม่เห็นว่าบอสบอสพอนั่งมาในตำแหน่งใด ซึ่งบอสพอลถือเป็นบอสคนสุดท้ายใน 18 คน ที่เข้ามาฝากขัง

ขณะที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครก็ไม่เห็นทนายความของบอสพอล  ส่วนขั้นตอนเมื่อตัวผู้ต้องหามายังเรือนจำทางเจ้าหน้าที่จะนำไปตรวจประวัติพิมพ์ลายนิ้วมือตรวจสุขภาพก่อนจะแยกไปยังแดนกักโรค 5 วัน จึงจะอนุญาตให้ญาติสามารถเข้าเยี่ยมได้


ขณะเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล เปิดเผยภายหลังตำรวจควบคุมตัว บอสพอลไปขออำนาจศาลฝากขัง ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ว่า

จะยังไม่ยื่นประกัน โดยเป็นแนวทางในการทำงานของตนและทนายความของบอสอีก 14 คน ที่มองว่า คดีประเภทนี้ ในช่วงแรกโอกาสที่จะได้รับการประกันตัวนั้นมีน้อย ซึ่งวันก่อนก็รอดูผลประกันของ 3 คนที่ยื่นก่อน ถ้าได้ประกันก็อาจจะยื่นตาม แต่ในเมื่อไม่ได้ ก็จะไม่ยื่น ซึ่งทนายแต่ละคนได้มีการพูดคุยกับลูกความว่าให้อยู่ไปก่อน เดี๋ยวรอสักพักค่อยยื่นประกัน ทุกคนก็โอเค ดังนั้น ในส่วนของบอสพอลก็จะยังไม่มีการยื่นประกันตัว โดยตนได้พูดคุยกับบอสพอลแล้ว บอสพอลโอเคไม่ได้มีความเครียด และไม่ได้ฝากอะไร


ขณะที่ พลตำรวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า สำหรับ บอสพอล พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวท้ายคำร้องฝากขัง เช่นเดียวกับคนอื่น ส่วนรายละเอียดการสอบปากคำตนขอไม่เปิดเผย ทั้งนี้ ขอให้ความมั่นใจกับผู้เสียหายได้ว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ แต่ต้องขอระยะเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงาน เพราะมีผู้เสียหายยังทยอยเข้าแจ้งความต่อเนื่อง ตำรวจต้องสืบสวนสอบสวนให้ครอบคลุมในทุกมิติ ส่วนจะเรียกใครมาให้ปากคำเพิ่มเติมหรือไม่ เป็นไปตามกระบวนการอยู่แล้ว ยืนยันว่าตำรวจจะตรวจสอบผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด




รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/TZuhQFOKJvo

คุณอาจสนใจ

Related News