สังคม

เคลียร์กันลงตัว! ผกก.ยอมชดใช้ ปม ตร.ไล่จับชนท้ายรถคนร้ายพุ่งทะลุรั้วบ้านพัง ยันจะเร่งจับคนร้ายให้ได้

โดย weerawit_c

30 มิ.ย. 2567

144 views

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ 'นิพา พิมเจริญ' โพสต์ขอความช่วยเหลือในกลุ่ม "ทนายอาสา ปรึกษาในกลุ่มฟรี โดยทนายอาชีพ" ระบุ "ช่วยด้วยค่ะ เมื่อวันพุธที่ผ่านมามีรถมาพุ่งชนรั้วบ้านเป็นรถคนร้ายค่ะหนีตำรวจแล้วทิ้งรถหลบหนีไป ตำรวจชนท้ายเลยทำให้พุ่งมาชนรั้วบ้านค่ะอยากทราบว่าเราจะไปตามเรื่องกับใคร ทำได้แต่ไปลงบันทึกประจำวันค่ะตกใจแพนิคกับเหตุการณ์มากค่ะ"


ทั้งนี้ ทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวป็นบ้านของนายวิชัย บัวงาม อายุ 52 ปี ซึ่งขณะนั้นมี น.ส.ประไพ ยิ้มถิ่น อายุ 78 ปี และ ด.ญ.หนูดี อายุ 6 ปี อยู่หน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิ่งไล่จับคนร้ายผ่านคุณยายและน้องหนูดีเข้าไปปลุกปล้ำกัน พร้อมทั้งยิงปืนขู่คนร้ายจำนวน 1 นัด ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไป โดยเจ้ากน้าที่ตำรวจได้ทำกุญแจมือและติ้วตกทิ้งไว้ เหตุเกิดเมื่อเวลา 07.39 น.วันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา


โดยมีคลิปกล้องตำรวจขณะไล่จับคนร้ายเมื่อเวลา 07.36 น.จากวัดวัดอุบลวนาราม (วัดบัว) ต.ปลายบาง มาตามซอยศรีประวัติ และรถตำรวจได้ชนท้ายรถคนร้ายจนพุงทะลุกำแพงข้าน ก่อนจะวิ่งไล่จับคนร้ายเข้าไปในซอย จนถึงบ้านนายวิชัย วิ่งผ่านยายประไพที่นั่งถอนหญ้าอยู่หน้าบ้าน และผ่านน้องหนูดีที่ยืนรอไปโรงเรียน จากนั้นจับคนร้ายได้ชื่อนายเก่ง ไม่ทราบนามสกุล ก่อนที่คนร้ายจะดิ้นหลบหนีไปได้ ตำรวจจึงได้ยิงปืน 1 นัด ตอนเวลา 07.39 น.


กล้องวงจรปิดร้านช่างรถภายในซอยศรีประวัติบันทึกภาพรถคนร้ายได้เมื่อเวลา 07.37 น. รถเก๋งซูซุกิ เซียส สีเทา ขับออกมาตรงโค้งโรงผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ โดยขับออกไปในเลนสวนทาง จากนั้นรถกระบะของเจ้าหน้สที่ตำรวจได้ขับตามออดมาในเลนสวนเช่นกัน ก่อนที่ทั้งสองคันจะเลี้ยวขวาเข้าซอยผดุงสวัสดิ์ และไปเกิดเหตุชนกำแพง


เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (29 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้านบ้านเครปริมคลอง ขายเครปญี่ปุ่น หมู่ 2 เชิงสะพานคลองยายส่อน ต.ศาลากลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี พบ น.ส.นิภา พิมพ์เจริญ อายุ 34 ปี เจ้าของร้านเครป ผู้เสียหาย นำผู้สื่อข่าวดูรั้วปูนที่ได้รับความเสียหาย พบว่ากำแพงข้านอยู่ห่างจากถนนหลวงซอยผดุงสวัสดิ์ (5029) ประมาณ 3 เมตร ตั้งอยู่เชิงสะพาน ฝั่งขาออก มุ่งหน้าไป ศาลายา พบกำแพงแตกเสียหายทั้งแผง ซึ่งมีความกว้าง 3 เมตร สูง 1.5 เมตร นอกจากนี้ยังพบกำแพงที่ติดกันมีรอยร้าว เสากำแพงแตก คาดว่า น่าจะต้องทำใหม่ถึง 2 ช่อง กำแพง ผ่านมา 4 วันสภาพกำแพงยังพังเสียหายเหมือนเดิม


จากการสอบถาม น.ส.นิภา พิมพ์เจริญ อายุ 34 ปี เจ้าของร้านเครป เปิดร้านมาประมาณ 2 ปี เปิดเผยว่า เหตุเกิดวันพุธที่ 26 มิถุนายน เวลาประมาณ 07.00 น. ขณะเกิดเหตุตนอยู่บนบ้าน ตอนแรกได้ยินเสียงรถหวอตำรวจก่อน นึกว่าเป็นรถพยาบาล สักพักได้ยินเสียงดังโครมและเสียงคนตะโกนโหวกเหวกโวยวายว่าหยุดๆ ตนจึงเปิดหน้าต่างแล้วลงมาเห็นรถคนร้ายคาอยู่ที่รั้วบ้านสภาพรั้วบ้านพัง มีรถตำรวจอยู่ข้างๆ จึงสอบถามผู้คนขับรถจักรยานยนต์ที่เห็นเหตุการณ์ เขาบอกว่าไล่กันมาจากทางนู้น ขับรถย้อนศรมาจากวัดบัวเนื่องจากรถติด แล้วมาพุ่งชนรั้วบ้านตน รถเขาก็เสียหลักมา ตนก็งงเพราะไม่ใช่ที่ที่จะต้องเสียหลัก เพราะเป็นทางที่รถไม่ต้องหักมาทางนี้


น.ส.นิภากล่าวว่า จึงถามไปอีกจึงทราบว่ารถตำรวจชนท้ายรถคนร้าย ทำให้รถคนร้ายเสียหลักมาชนกำแพงบ้านตน จากนั้นคนร้ายได้วิ่งเข้าไปในซอย 1 คน แล้ววิ่งตรงไป 1 คน ยายบ้านในซอยเห็นคนร้ายมีการต่อสู้ยิงปืน 2 นัดเกิดขึ้นในบ้านของยาย หลังเกิดเหตุก็ลงมาดูทำไมถึงเป็นอย่างนี้ก็ตกใจ แล้วจึงเดินไปบันทึกประจำวันที่โรงพัก


จากนั้นได้เดินเข้าไปถามร้อยเวร ว่าจะทำยังไง เขาบอกว่าต้องรอประกันของตำรวจ เพราะวันนั้นประกันของรถคนร้ายไม่ได้มา ตำรวจให้ตนไปจับคนร้าย เป็นฝ่ายคนร้ายแล้วที่จะต้องมาชดใช้ค่าเสียหายตรงนี้ แล้วคนร้ายหนีไปแล้วตนจะทำยังไง ตนเป็นชาวบ้านจะไปรู้เรื่องหรือเขาจะจับกันยังไง หรือคนร้ายหนีไปทางไหน


น.ส.นิภากล่าวอีกว่า ตรงนี้น้ำใจไม่มี สังกะสีเก่าๆ ไม่เอามาปะให้ก่อน รั้วเป็นรูน่าเกลียด ตนก็อายคนผ่านไปผ่านมาก็มอง แล้วตนขายเครป ลูกค้าก็ถามเขารับผิดชอบไหมจะให้ตนบอกว่าอย่างไร แล้วก็อ้ำๆ อึ้งๆ จะให้ตนพูดอย่างไร ก็ยังไม่เห็นมีใครติดต่อมา ตนก็ร้อนใจ เมื่อวานก็โทรไปที่โรงพักเขาขอเบอร์ไว้ ก็เงียบไม่มีใครติดต่อมา พอเช้าตนโทรไปอีก คนรับสายเขาบอกไม่รู้ต้องให้โทรไปเจ้าของคดี ตนเดือดร้อนเพราะมันเป็นแบบนี้แล้วทุกข์ใจกังวลกับตรงนี้ ได้แค่ใบบันทึกประจำวันมา 1 ใบ เหมือนตนเอาผิดกับใครไม่ได้ บ้านตนก็อยู่เฉยๆ อยากให้เขาซ่อมให้ ขณะเกิดเหตุร้านยังไม่เปิด ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ประมาณค่าเสียหายไว้ 10,000 บาท 4 วันแล้วยังไม่มีความรับผิดชอบอะไรออกมาจากตำรวจเลย มีแต่ตนที่โทรๆๆๆ ไป


น.ส.ประไพ อายุ 78 ปี เจ้าของบ้านที่คนร้ายและตำรวจวิ่งไล่กันเข้าไป กล่าวว่า วันเกิดเหตุที่บ้านอยู่กัน 4 คนประกอบด้วยตน นายต้า อายุ 31 ปี หลายเขย น.ส.กานต์ อายุ 27 ปี หลานสาว และ ด.ญ.หนูดี อายุ 6 ปี เป็นลูกสาวกานต์ ขณะนั้นตนนั่งถอนหญ้าอยู่หน้าบ้าน โดยหนูดี ยืนรออยู่ท้ายรถเพื่อจะไปโรงเรียน เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 คนวิ่งไล่คนร้ายเป็นชาย ผ่านบ้านไปด้านหลังที่เป็นสวนของญาติ มีการกอดรัดต่อสู้กัน และยิ่งปืน 1 นัด แต่คนร้ายต่อสู้หลบหนีไปได้


น.ส.ประไพกล่าวอีกว่า เมื่อคนร้ายวิ่งเข้ามาในบ้าน ผ่านตนและหลานสาวอายุ 6 ขวบที่กำลังจะไปโรงเรียน ตนจึงไปอุ้มหลานไปไว้ท้ายรถ แล้วตนเดินมาดูอีกครั้งมันเรียกตนว่า “แม่” ตำรวจจึงบอกว่าคนร้ายเป็นลูกตน ตนถึงบอกว่าไม่ใช่ตนไม่รู้จัก จากนั้นตำรวจจับคนร้ายได้ แต่คนร้ายมันหลุดไปแล้วตำรวจก็ยิงปืน 1 นัด ตอนยิงปืนตนก็ตกใจ หลานก็ตกใจแต่กอดตนอยู่ ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้เลยตั้งแต่เกิดมา หลานเขยตนยังว่ากับหลานสาว ว่าทำไมไม่ขอโทษสักคำ มายิงปืนในบ้านตนแบบนี้


ด้าน นายวิชัย อายุ 52 ปี ลูกชายนางประไพ เปิดเผยว่า หลานสาวตนอายุ 6 ปี กำลังจะไปโรงเรียนตอนเช้ายืนอยู่ตรงโรงรถข้างที่เขายิงกันตรงหลังบ้าน ตำรวจ 2 คนเขาจับคนร้ายได้แล้ว เอาปืนจ่อที่หัวแล้ว แต่มันสลัดหลุดไป แต่ตำรวจก็ยิงปืนขู่มัน เรื่องแบบนี้มันใช่ไหม การกระทำแบบนี้มันไม่ใช่ แล้วถ้าเกิดแม่ตนตาย หรือช็อกขึ้นมาทำยังไง ใครรับผิดชอบ แค่กำแพงพังแค่นี้ตำรวจยังบอกไม่รับผิดชอบเลยมันใช่เหรอ


นายวิชัยกล่าวว่า หลายรอบแล้วตำรวจสืบปลายบางหลายเที่ยวแล้ว ที่สวนยังมีรอยเท้าคนร้ายและตำรวจอยู่เลย หลังเกิดเหตุลูกเขยตนพบกุญแจมือตกอยู่ที่สวนติดอยู่กับตาข่าย ดูเอาตำรวจเขาทิ้งกุญแจมือเลย ทิ้งไม้กระบองและนาฬิกาอีกเรือนหนึ่ง ไม่รู้ของใคร ทิ้งส่งแล้วพูดจาแบบว่า “คุณอยากแจ้งความไปเลย” มันใช่หรือตำรวจพูดอย่างนี้ได้อย่างไร วันนั้นมีทั้งเด็กคนนึงและแม่ผมที่แก่แล้ว และตำรวจมีการยิงปืนข้างหลัง มันใช่ไหม เขาบอกคนร้ายมีปืน ถ้าคนร้ายมีปืน คุณทำไมไม่ยิงตั้งแต่ปากซอย ตรงนั้นไม่มีคน มายิงอะไรตรงนี้ มันไม่ใช่


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจลงมาพูดคุยกับเจ้าของบ้าน แต่มีผู้ประสานงานโทรพูดคุยแล้ว แจ้งว่าจะรับผิดชอบให้เรียกช่างมาทำรั้วใหม่ได้เลย แต่ทางผู้เสียหายยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากไม่มีเงินสำรอง และกลัวว่าหากไปกู้เงินเขามาทำเกรงว่าจะเสียเงินฟรีแล้วไม่มีใครมารับผิดชอบ อาจเป็นหนี้สินเพิ่ม ซึ่งต้องรอจนกว่าจะมีคนออกมารับผิดชอบจ่ายค่าเสียหายก่อนจึงจะซ่อมรั้วบ้านได้ และอยากให้หน่วยงานมาช่วยทำเสากั้นกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอีกในอนาคต หวั่นว่าคราวหน้าจะถึงกับชีวิตหากชนมาโดนที่ร้านขณะขายเครป


ขณะที่ต่อมาเวลา 18.30 น. พ.ต.ท.ภาสกร กิตติวณิชานนท์ รอง ผกก.ป.สภ.ปลายบาง พร้อมด้วยจ.ส.ต.ประสิทธิ์ พรมจักร ส.ต.ท.พรเทพ จันทร์ฉาย และ ส.ต.ต.เจษฎา สง่ามั่งคั่ง ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ป.สภ.ปลายบาง เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นายที่ไล่จับคนร้ายในวันเกิดเหตุ เดินทางเข้าพบ นายวิชัย บัวงาม น.ส.ประไพ ยิ้มถิ่น และน้องหนูดี เพื่อขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งอธิบายการปฏิบัติงานในวันเกิดเหตุให้คนในบ้านได้เข้าใจ แต่ระหว่างพูดคุยนายวิชัย เกิดความไม่พอใจต้อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะผ่านมาถึง 4 วัน จนเป็นข่าวตำรวจทั้ง 3 คนเพิ่งจะติดต่อมา ทำให้นายสมพงษ์ (สงวนนามสกุล) ลูกผู้พี่ของนายวิชัยเข้ามาห้ามปราม และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางกลับไปก่อน เพื่อให้นายวิชัยและครอบครัวที่ไม่พอใจการทำงานของตำรวจทได้สงบสติอารณม์ เพื่อจะนัดพูดคุยใหม่อีกครั้ง


ด้าน ส.ต.ท.พรเทพ จันทร์ฉาย เปิดเผยว่า น้องตำรวจสายตรวจ 1 นายที่เข้าไปจับกุมกอดปล้ำกับคนร้ายได้รับบาดเจ็บ โดยตนขับรถไล่มาจากวัดบัว คนร้ายมาลื่นล้มตรงบริเวณนี้แล้วตนจับได้ จึงทำการล็อคตัวแล้วกำลังใส่กุญแจมือแล้วคนร้ายสะบัดอีก 1 รอบ ตอนที่วิ่งมาเห็นยายนั่งอยู่ตรงนี้ส่วนเด็กอยู่ตรงท้ายรถ แล้วคนร้ายวิ่งผ่ากลางมาตนจึงวิ่งตามมา ส่วนกุญแจมือที่ตกหล่นอยู่นั้น เพราะตนยังไม่ได้ทำการล็อคเพียงแค่กำลังจะใส่ข้อมือคนร้าย แต่คนร้ายสลัดหลุดไป ตนสืบทราบอยู่แล้วว่าคนร้ายพกปืนติดตัวตลอด เพราะเขามีปัญหากับแฟนเก่า ขณะที่ไปถึงวัดพบรถต้องสงสัยเขาเปิดฝากระโปรงท้าย มีคนอยู่ในรถแต่ไม่ออกมา เมื่อตนเดินเข้าไปแสดงตัวว่าเป็นตำรวจจะขอตรวจค้น เขาขับพุ่งออกมาเลย จากนั้นก็ขับไล่ตามมาจนรถคนร้ายพุ่งชนรั้วบ้าน แล้วคนร้ายวิ่งหลบหนีไปนั้น ก็ได้มีการตรวจค้นรถของคนร้าย พบยาไอซ์ 1กรัมและมีด 1 เล่ม และเงินสด 10,000 บาท แต่คนร้ายอีกคนหนึ่งเขามีกระเป๋าไปด้วยวิ่งสวนไปอีกทางหนึ่ง


ทั้งนี้ ขอโทษยายเจ้าของบ้านด้วยที่วิ่งผ่ากลางบ้านเขา เบื้องต้นตนต้องขอโทษจริงๆ เพราะว่าคนร้ายวิ่งมาตนก็ต้องวิ่งตาม เพราะหากคนร้ายวิ่งมาแล้วทำร้ายประชาชนก็อันตรายเหมือนกัน คนที่ยิงปืนคือตน ส่วนน้องสายตรวจคู่ตรวจเขามีปืนไฟฟ้า น้องเขาก็ยิงปืนไฟฟ้าใส่คนร้ายตรงนี้แต่เอาไม่อยู่ คนร้ายก็วิ่งไปตนก็วิ่งตามแล้วไปปล้ำกัน จนตนตะคุบคนร้ายไว้ได้แล้ว กำลังจะใส่กุญแจมือ แต่คนร้ายสะบัดแล้วไปบาดสายตรวจคู่ตรวจได้รับบาดเจ็บจนล้มลง แล้วคนร้ายทำท่าจะล้วงอาวุธอะไรตนจึงยิงใส่ไป แต่ยิงลงที่น้ำ ก็ขอโทษยายกับน้องตัวเล็กอีกครั้งเพราะเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ที่ต้องตามคนร้าย


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทางด้าน ดร.ชัยเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือดร.แก้ว ผู้ทรงคุณวุฒิประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และประธานกต.ตร. จังหวัดนนทบุรี ได้พาได้พานายจิระศักดิ์ พงษ์ศาสตร์ อายุ 29 ปี และ น.ส.นิภา พิมพ์เจริญ อายุ 34 ปี 2 สามีภรรยาผู้เสียหาย เดินทางพบ พ.ต.ท.ภาสกร กิตติวณิชานนท์ รอง ผกก.ป.สภ.ปลายบาง เพื่อติดตามความคืบหน้าของกรณีดังกล่าว หลังจากได้พูดคุยร่วม 30 นาที จึงได้ข้อสรุป โดยดร.แก้วได้ช่วยเหลือและมอบเงินเพื่อซ่อมแซมรั้วให้ผู้เสียหาย จำนวน 9,000 บาท


น.ส.นิภา กล่าวว่า ตนรู้สึกสบายใจมากขึ้น และได้รับการรับผิดชอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ดีใจมาก ตอนแรกรู้สึกว่าไม่ได้รับการติดต่อจากใคร และต้องไปหาคนรับผิดชอบรั้วบ้านยังไง ตนและครอบครัวต้องขอขอบคุณ ดร.แก้ว และรองผกก.ป.สภ.ปลายบาง ที่ช่วยเหลือ  


พ.ต.ท.ภาสกร กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ปลายบาง ได้รับแจ้งชายต้องสงสัย 2 คน มาจอดรถในวัดเขตพื้นที่สภ.ปลายบาง มีพฤติกรรมคล้ายจำหน่ายยาเสพติด จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พอคนร้ายเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขับรถหลบหนี และมีการไล่ล่าติดตามเพื่อจับกุม ทำให้รถยนต์เกิดการเฉี่ยวชนเสียหลักไปชนกำแพงรั้วบ้านของประชาชนได้รับความเสียหาย และคนร้ายได้วิ่งหลบหนี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตามจับใส่กุญแจมือได้ 1 ข้าง ก่อนจะสะบัดหลุดวิ่งหนี และทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บด้วย จากนั้นจึงได้กลับมาตรวจสอบที่รถยนต์ต้องสงสัย ตอนนี้อยู่ระหว่างเร่งติดตามคนร้ายอยู่ เบื้องต้นได้พบมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครอง (ยาไอซ์) ซึ่งเมื่อวานนี้ (29 มิ.ย.) ได้มาพูดคุยกับผู้เสียหาย โดยมีดร.แก้ว เข้ามาร่วมพูดคุยและเจรจาร่วมกัน พร้อมชดใช้ค่าเสียหายจนเป็นที่พอใจ


ส่วนรถยนต์ของผู้ต้องหา ยี่ห้อซูซุกิ รุ่นเซียส สีเทา สภาพด้านหน้ารถพังเสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง โดยตรวจสอบชื่อผู้ครอบครองเป็นผู้หญิง เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเรียกมาสอบสวนเพิ่มเติม


ดร.แก้ว กล่าวว่า ตอนนี้ได้ข้อสรุปคือได้รับผิดชอบค่าเสียหายเพื่อซ่อมแซมรั้วให้เรียบร้อย และจะดำเนินการเร่งล่าจับตัวคนร้ายให้ได้ ในส่วนที่ทำให้ประชาชนเกิดความไม่สบายใจก็ต้องขอโทษด้วย


ด้าน นายจิระศักดิ์ พงษ์ศาสตร์ อายุ 29 ปี เจ้าของบ้าน กล่าวว่า ตนไปทำงานส่วนแฟนอยู่บ้านเปิดร้านขายของ และมีเหตุการณ์ตำรวจไล่จับคนร้าย ก่อนรถคนร้ายเสียหลักพุ่งชนรั้วและหลบหนีไปได้ ซึ่งหลังเกิดเหตุรั้วบ้านของตนได้รับความเสียหาย และยังไม่มีใครออกมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็ไม่รู้รายละเอียดอะไร แต่โทรไปสอบถามประกันเขาบอกว่ามันไม่เข้าเงื่อนไข ตอนนี้ตนได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ และอยากให้ตำรวจออกมารับผิดชอบซ่อมแซมรั้วบ้านให้ตนเหมือนเดิม เท่าที่ทราบตำรวจตามไล่จับคนร้าย 2 คน ซึ่งคนร้ายได้หลบหนีไป โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถตามจับกุมได้


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/h5FNkiUl6Es

คุณอาจสนใจ

Related News