สังคม

จับแก๊งคอลฯ เครือข่ายใหญ่ มีสาขาในหลายประเทศ ใช้เครื่องมือสุดไฮเทค พบของกลางเยอะที่สุดตั้งแต่จับมา

โดย thichaphat_d

13 เม.ย. 2567

775 views

วานนี้ (12 เม.ย.2567) เวลา 10.30 น. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงผลจับกุมและตรวจยึดอุปกรณ์ทางเทคโนโลยี ที่ใช้ในขบวนการคอลเซ็นเตอร์ รวมทั้งบัญชีม้า และเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก

โดย บชก.และกรมศุลกากร ร่วมกันสืบสวนจนทราบเบาะแสว่าจะมีพัสดุต้องสงสัยที่น่าจะเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติส่งมาจากต่างประเทศ เข้ามายังประเทศไทย เพื่อส่งต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านทางสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

จาการตรวจสอบที่ด่านศุลดากรเชียงแสน พบกล่องลังกระดาษ และกล่องพลาสติกต้องสงสัยมีผ้าห่อหุ้มมิดชิดกว่า 10 กล่องใหญ่ ซุกซ่อนไว้โคนต้นไม้ริมแม่น้ำโขง พื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย กับ สปป.ลาว เมื่อเข้าตรวจสอบพบเครื่องคอมพิวเตอร์ All In One จำนวน 94 ชุด พร้อมอุปกรณ์ส่วนควบอื่น ๆ, โทรศัพท์มือถือ จำนวน 347 เครื่อง, สมุดจดบันทึกเป็นภาษาจีน จำนวน 15 เล่ม และสิ่งของอื่น ๆ จำนวนมาก

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า เมื่อตรวจสอบข้อมูลภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ พบข้อมูลที่น่าเชื่อว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นเครื่องมือที่กลุ่มมิจฉาชีพและแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำมาใช้ในการหลอกลวงประชาชน เนื่องจากปรากฏข้อมูล ข้อความแชทสนทนาจำนวนมาก ลักษณะคล้ายสคริปต์การสนทนา วิธีการขั้นตอนการทำงาน

เริ่มต้นตั้งแต่การสร้างโปรไฟล์ ในโซเชียลมีเดีย มีภาพชาย-หญิงทั้งยุโรป และเอเชียหน้าตาดีอิริยาบถต่าง ๆ จำนวนมาก, ข้อความแชทสนทนาเชิงชู้สาว คล้ายกลุ่มคนร้าย Romance Scam หรือการหลอกให้รัก, ข้อความแชทสนทนาชักชวนลงทุนรูปแบบต่าง ๆ

ข้อความขอคำปรึกษาวิธีการแก้ปัญหาระหว่างคนร้ายด้วยกัน, ตัวอย่างบทสนทนาในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยพบข้อมูลผู้เสียหายเป็นชาวจีน ญี่ปุ่น ชาวต่างชาติฝั่งยุโรปและอเมริกา ส่วนในสมุดบันทึกที่มีข้อความภาษาจีน พบว่าคล้ายไดอารี่ของพนักงาน ที่มีการจดขั้นตอนวิธีการทำงาน และบันทึกการทำงานในแต่ละวันเอาไว้ด้วย

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังพบถุงพลาสติก 1 ถุงใหญ่ ภายในถุงบรรจุกล่องโทรศัพท์ 5 กล่อง ภายในพบโทรศัพท์มือถือใส่ซิมการ์ด, สมุดบัญชีธนาคาร, บัตร ATM พร้อมกระดาษจดรหัสบัตร ATM และ รหัสการเข้าใช้งานแอปพลิเคชันธนาคาร พร้อมใช้งาน

นอกจากนี้ ยังพบกล่องพัสดุที่ส่งมาจากต่างประเทศ และผู้รับตามชื่อที่กล่องพัสดุปฏิเสธการรับ 2 ราย กล่องพัสดุรายแรกนั้นถูกส่งมาจากประเทศอังกฤษ ภายในพบซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ เครือข่าย Vodafone ในยุโรป จำนวน 4,998 อัน

ส่วนพัสดุรายที่ 2 ถูกส่งมาจากประเทศญี่ปุ่น ภายในพบอุปกรณ์เครื่องรับสัญญาณอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียม ยี่ห้อ Starlink บริษัท SpaceX ของอีรอนมัส จำนวนกว่า 10 เครื่อง ซึ่งเป็นการพบอุปกรณ์ชนิดนี้เป็นครั้งแรก สำหรับมูลค่าของทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ครั้งนี้ ประมาณ 5.4 ล้านบาท

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า สำหรับบริเวณที่ตรวจยึดอุปกรณ์เหล่านี้อยู่ตรงข้ามกับอาณาจักรคิงส์โรมัน เขตพิเศษของสปป.ลาว ทำให้เชื่อว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์อาจย้ายฐานปฏิบัติการใหม่ เพราะระบบสตาร์ลิงค์นั้นเป็นโทรศัพท์โหลดอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมที่ยึดได้ทั้งหมด 10 เครื่อง จะทำให้คนร้ายสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมได้ทันทีโดยไม่ต้องพึ่งอินเตอร์เน็ตพื้นฐานด้วย

“เราเชื่อว่าคนร้ายแก๊งนี้เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่มีสาขาในหลายประเทศ ถ้าที่ไหนไม่ปลอดภัยก็จะเปลี่ยนไปยังอีกที่หนึ่ง ถ้าประเทศไหนปลอดภัยก็จะเข้าไปทำในประเทศนั้น ๆ เพราะเราไม่เคยเจอของกลางเยอะขนาดนี้มาก่อน จึงเชื่อว่ากำลังขยายฐานและเป้าหมายไปทั่วโลก เป็นปัญหาของโลกที่ประเทศต่าง ๆ ต้องร่วมมือกันปราบปราม เพราะเป็นภัยสังคมอย่างรุนแรง” ผบช.ก. กล่าว

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า ตนกำลังเสนอรักษาการ ผบ.ตร. เพื่อตั้งคณะทำงานขึ้นมาจัดการปัญหานี้เป็นการเฉพาะ รวมทั้งประสานกับตำรวจต่างประเทศทั้งจากอังกฤษ ที่เป็นต้นทางของซิมการ์ดโวดาโฟน ลาว เขมร พม่า และ จีน เราจะทำเต็มที่ แต่จะได้ผลแค่ไหน อยู่ที่ความร่วมมือของตำรวจประเทศนั้น ๆ เพราะการเข้าไปสืบสวนในต่างประเทศต้องใช้ความร่วมมือ และการขยายผลเป็นหลัก

ด้าน พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป. กล่าวว่า จากการสืบสวนขยายผลถึงกลุ่มคนที่เกี่ยวข้อง ในกลุ่มแรกพบว่าซิมการ์ดถูกส่งจากประเทศอังกฤษมาให้กับคนไทยคนหนึ่งที่อยู่ที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และกำลังจะนำส่งต่อไปให้ชาวจีนที่คิงส์โรมันฝั่งสปป.ลาว

ส่วนของกลางชุดที่ 2 เป็นเครื่องรับสัญญาณอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมความเร็วสูงถูกส่งมาจากประเทศญี่ปุ่น ผ่านทางการขนส่งทางอากาศมายังอำเภอเชียงแสน เพื่อส่งต่อให้กับชาวจีน และชาวไทยที่คิงส์โรมันเช่นเดียวกัน ส่วนชุดที่สามซึ่งเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และสมุดบันทึกเราได้แปลภาษาจากภาษาจีน

พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ตัวอุปกรณ์ชุดที่สามนี้น่าจะเคยถูกใช้คอลเซ็นเตอร์มาก่อนในพื้นที่ประเทศเมียนมา โดยพบข้อมูลผู้เสียหายเป็นชาวยุโรป,จีน และญี่ปุ่น เพราะพบข้อมูลบทสนทนาต่าง ๆ การพูดคุยเกี่ยวกับกลุ่มเหยื่อ สิ่งที่น่าสนใจคือ อุปกรณ์เหล่านี้มีการจ้างพนักงานที่เป็นชาวจีน ลาว เมียนมา และชาวไทย และในส่วนที่สี่เป็นบัญชีม้า เชื่อว่าจะถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นการพนันออนไลน์ หรือการฉ้อโกงออนไลน์จะขยายผลดำเนินคดีต่อไป



รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/rbCDMf21V04

คุณอาจสนใจ

Related News