"หมอสุภัทร" หลั่งน้ำตา ยันพร้อมให้ตรวจสอบ เชื่อถูกตรวจสอบจัดซื้อ ATK เป็นการกลั่นแกล้งชัดเจน

หมอสุภัทรหลั่งน้ำตา ท่ามกลางเครือข่ายภาคประชาชนให้กำลังใจ ยืนยัน พร้อมให้ตรวจสอบ และย้ำชัด การถูกตรวจสอบจัดซื้อ ATK ถือเป็นการกลั่นแกล้งชัดเจน



ในวงเสวนา เวทีกระจายอำนาจ ปฏิรูประบบราชการไทย พร้อมให้กำลังใจ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล สะบ้าย้อย จ.สงขลา ที่หอศิลป์วัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร กรณีกระทรวงสาธารณสุขตั้ง คณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง จากการจัดซื้อ จัดจ้าง จัดหา ATK ร่วมกับ ชมรมแพทย์ชนบท เมื่อครั้ง เข้ามาช่วยตรวจคัดกรองโควิด -19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางการระบาดในขณะนั้น



หลังทุกคนพูดให้กำลังหมอสุภัทรแล้ว บนเวทีช่วงหนึ่ง นพ.สุภัทร ได้ขึ้นเวทีพร้อมเปิดใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ว่า หากย้อนเวลากลับไปได้ ก็ยังยืนยันว่า จะทำเช่นเดิม เพราะนี่ไม่ใช่ความเห็นแค่ตนคนเดียว แต่เป็นการร่วมหารือกับทีมแพทย์ชนบทหลายคน



หลายโรงพยาบาลหลายที่มองว่าในขณะนั้นสถานการณ์ในกรุงเทพเริ่มวิกฤต การลงพื้นที่ ต้องประสานคนทำงานในแต่ละชุมชน จัดหาพื้นที่ จัดระบบการตรวจ และการลงประวัติการตรวจเพื่อให้ตรงตามระเบียบราชการ

ซึ่งในการจัดหา ATK เคยทำมาก่อนในพื้นที่ อำเภอจะนะ จึงได้ประสานบริษัท นำวิวัฒน์ ที่เคยจัดซื้อกันอยู่ พร้อมขอราคาส่วนลด จนได้ในราคา 230 บาท ซึ่งใช้เครดิต โรงพยาบาลจะนะ ในการสั่งซื้อไปก่อน เพื่อให้สามารถเร่งการดำเนินการจัดซื้อได้ และจัดทีมแพทย์ บุคลากรมาร่วมตรวจคัดกรอง 3 ครั้ง ในหลายชุมชน



โดยในการตรวจมีการลงประวัติข้อมูล ในระบบตามระเบียบ เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้น ไปใช้สำหรับการเบิกจ่ายจาก สปสช. ซึ่งในตอนนััน ใช้เงินไป 17 ล้าน เบิก สปสช.ได้ 30 ล้าน เงินส่วนที่เหลือ นำเข้าโรงพยาบาลเป็นเงินบำรุงโรงพยาบาลตามปกติ ซึ่งหลายๆ โรงพยาบาลก็ทำเช่นนี้



หมอสุภัทร กล่าวด้วยว่า เมื่อย้อนกลับไปช่วงที่อาจเป็นปัญหา ที่ทำให้ถูกตรวจสอบ คือทางชมรมแพทย์ชนบทเคยทักท้วง กระทรวงสาธารณสุขและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธาณสุขในการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคล็อคสุดท้ายปลาย ปี 64 เพราะมองว่าสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย และมีวัคซีนเพียงพออยู่ จนมาสุดท้าย มติ ครม. อนุมัติการจัดซื้อวัคซีนตาม ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยื่นของบประมาณไป แต่สุดท้ายวัคซีนที่จัดซื้อก็กลับถูกส่งต่อไปยัง รพสต. และปล่อยจนหมดอายุ



และอีกประเด็น คือกรณีที่ตนเคยใช้ Facebook โพสต์แสดงความเห็น เรื่องนโยบายสิ่งแวดล้อมของพื้นที่ จังหวัดสงขลา จึง ถูกตำหนิจากต้นสังกัด ว่าการเป็นข้าราชการ ต้องไม่แสดงความคิดเห็นขัดกับนโยบายของรัฐบาล



ผมรู้สึกว่าข้าราชการเป็นอาชีพ ที่มีความหมายและข้าราชการดีดีในพื้นที่มีเยอะ เพียงแต่โดนจำกัดด้วยกฎระเบียบด้วยผู้บังคับบัญชา จนแทบไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ซึ่งตนเองเข้าใจว่า การที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัยเหมือนการมีมีดปักหลัง เพื่อไม่ให้เคลื่อนไหวหรือทำอะไรอีก แต่ทุกครั้ง ก็ได้ทำการชี้แจงไว้แก้ข้อกล่าวหาจนเรื่องเงียบไป

จึงมองว่าสิ่งที่ควรจะทำ คือ การออกมาบอกกล่าวสังคม เพื่อก่อให้เกิดการปฏิรูประบบราชการ เปิดโอกาสให้ราชการสามารถกระทำการใดใดได้ ให้มีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่



ด้านนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 เผยว่าเคยมีโอกาสได้ไปพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในขณะนั้น เพื่อสอบถามว่าเหตุใดจึงต้องย้ายหมอสุภัทรจากโรงพยาบาลจะนะ ไปเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย นี่มันเป็นการกลั่นแกล้ง ตอนนั้นก็ได้รับคำตอบว่า คุยกับหมอไม่รู้เรื่อง เพราะอีโก้สูง และ เขาทิ่มตำผมมากเกินไป ซึ่งคำตอบที่ได้รับค่อนข้างแปลก และรู้สึกไม่เป็นธรรม จนมารู้ข่าวว่า จะถูกให้ออกจากราชการ ยิ่งช็อค เพราะ หมอสุภัทรไม่ใช่คนที่จะแก่งแย่งชิงดีกับใคร ทำงานด้วยใจสาธารณะจริงๆ



หากกระทรวงสาธารณสุขไม่แสดงความชัดเจนในเรื่องหมอสุภัทร ตนในฐานะประชาชน อาจต้องทำเรื่องขอตรวจสอบการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข ในช่วงที่โควิด-19 ระบาด ว่านั่นคือ การบริหารจัดการที่ผิดพลาด พร้อมกล่าวทิ้งท้ายขอให้ นพ.สุภัทรเข้มแข็ง และสู้ให้เต็มที่ ทางผู้เข้าร่วมเสวนาได้ทยอยนำดอกไม้มอบให้นายแพทย์สุภัทร เพื่อเป็นกำลังใจให้



นายแพทย์สุภัทร กล่าวทิ้งท้ายพร้อมน้ำตาว่า สิ่งที่ตนทำในขณะนั้น คือความภาคภูมิใจที่ได้ช่วยชีวิตประชาชน เป็นช่วงหนึ่งของความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิต โดนตรวจสอบบ้างก็ไม่เป็นไร เราเป็นข้าราชการใช้เงินประชาชน ต้องให้ตรวจสอบได้ แต่ครั้งนี้ชัดเจนถือเป็นการกลั่นแกล้ง

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/tBIFV8akw30