ศาลไต่สวนพยาน 6 ปาก คดี "ทักษิณ" ชั้น 14 แพทย์รับไข้ถึงกับปาดน้ำตา ไม่คิดว่าจะต้องมาขึ้นศาล

วันนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไต่สวนพยานนัดที่ 5 คดีที่คุณทักษิณ รักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งพยานวันนี้เป็นกลุ่มผู้บริหารโรงพยาบาลตำรวจ และแพทย์ผู้ทำการรักษา ระหว่างไต่สวนแพทย์ที่เป็นคนรับตัวคุณทักษิณเข้าโรงพยาบาลตำรวจ ถึงขั้นร้องไห้ในศาล



วันนี้ศาลนัดไต่สวนพยาน 6 ปาก พยานรายที่ 1 คือ พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ อดีตนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ ปัจจุบันเป็น "ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ" ซึ่งเป็น 1 ในแพทย์ ที่แพทยสภามีมติลงโทษพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมเป็นเวลา 3 เดือน จากกรณีการรักษาตัวของคุณทักษิณที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ



ศาลได้สอบถามเกี่ยวกับการเข้ารักษาตัวตั้งแต่วันแรกของคุณทักษิณ เหตุผลของการเลือกใช้ห้องพักชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจระหว่างการพักรักษาตัว รายละเอียดใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล ค่ายา ค่าห้องพักทั้งหมด 27 ฉบับ รวมถึงการใช้ยานอกบัญชีโรงพยาบาลเพื่อใช้รักษาอาการป่วย



ซึ่งพลตำรวจโท โสภณรัชต์ ให้ข้อมูลต่อศาลได้บางส่วน เนื่องจากดำรงตำแหน่งนายแพทย์ใหญ่ ในช่วงเริ่มต้นของการรักษาตัวของจำเลย แต่ไม่ได้อยู่ในช่วงท้ายจนถึงการพักโทษ และยืนยันว่า ห้องพักที่คุณทักษิณพักรักษาตัวเรียกว่า "ห้องแยก ขนาดปกติ ไม่ใช่ห้องพิเศษ"



นอกจากนี้ศาลยังให้ส่งเอกสารเป็นข้อมูลของผู้ป่วยที่เคยพักรักษาที่ห้องพักชั้น 14 เพิ่มเติม ว่าเคยมีใครมานอนพักรักษาตัวก่อนคุณทักษิณบ้าง และรายชื่อผู้ป่วย ซึ่งเป็นผู้ต้องขังที่เคยเข้าพักชั้น 14 หลังจากที่คุณทักษิณออกจากโรงพยาบาล รวมถึงแผนกรับส่งตัวผู้ป่วยของโรงพยาบาล ต้องส่งเอกสารชี้แจงถึงการเลือกห้องพักชั้น 14 ให้คุณทักษิณเข้าพักรักษาตัวในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ด้วย



พยานคนที่ 2 พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ คนปัจจุบัน เข้ามาดำรงตำแหน่งนายแพทย์ใหญ่ต่อจาก พลตำรวจโท โสภณรัชต์ และเป็นแพทย์อีก 1 คน ที่แพทยสภาลงโทษให้พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม เนื่องจากเป็นคนเขียนใบความเห็นทางการแพทย์ และเป็นผู้ให้ความเห็นในการผ่าตัดรักษาโรค



ศาลได้ซักเกี่ยวกับการใช้ยานอกโรงพยาบาล เหตุผลในการเลือกห้องพักชั้น 14 ซึ่ง พลตำรวจโท ทวีศิลป์ ให้เหตุผล 2 ข้อ คือ 1.เพื่อแยกตัวกักโรคในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 เพราะคุณทักษิณเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ และ 2.ควบคุมความปลอดภัยในฐานะผู้ต้องขังของเรือนจำ ส่วนห้องดังกล่าวเป็นห้องพิเศษคุณทักษิณต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเพิ่ม (ซึ่งจะขัดแย้งกับพลตำรวจโท โสภณรัชต์ ที่ให้การกับศาลว่าเป็นห้องแยก ขนาดปกติ ไม่ใช่ห้องพิเศษ)



พยานรายที่ 3 คือ พันตำรวจเอกนายแพทย์ ชนะ จงโชคดี เป็นหมอเฉพาะทางศัลยกรรมสมองและไขสันหลัง และเป็นแพทย์คนแรกที่ตรวจรักษาคุณทักษิณในคืนที่ไปถึงโรงพยาบาลตำรวจ ยอมรับว่า ห้องพักชั้น 14 เป็นห้องพิเศษ แต่ก่อนหน้านี้ได้ปรับเป็นวอร์ดโควิดทำให้มีอุปกรณ์การแพทย์ครบถ้วน ยกเว้นการใส่ท่อช่วยหายใจที่ยังไม่สามารถทำได้



จากนั้นศาลได้ซักเรื่องการรักษา อาการป่วยของคุณทักษิณในคืนนั้น และศาลได้ถามว่าในการรักษาคุณทักษิณ ได้คำนึงถึงเรื่องข้อกฎหมายด้วยหรือไม่ ซึ่ง พันตำรวจเอกนายแพทย์ ชนะ ก็ตอบด้วยเสียงสั่นเครือว่า "หน้าที่ของตนเองคือการดูแลผู้ป่วย ตามจรรยาบรรณของแพทย์ ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาขึ้นศาลแบบนี้" ก่อนจะปาดน้ำตา หลังจากนั้นได้ขอหยุดเพื่อดื่มน้ำ ก่อนจะเบิกความต่อ



หลังจากเบิกความเสร็จ พันตำรวจเอกนายแพทย์ ชนะ ได้เดินไปคุยกับ พลตำรวจโท โสภณรัชต์ ก่อนจะมีการลูบหลังปลอบใจ เมื่อนักข่าวมีโอกาสจึงสอบถามว่า ร้องไห้หรือไม่ พันตำรวจเอกนายแพทย์ชนะ ยอมรับว่าร้องไห้จริง เพราะรู้สึกว่าทำตามหน้าที่ของแพทย์ แต่กลับต้องมาขึ้นศาล



พยานรายที่ 4 คือ พลตำรวจตรีนายแพทย์ สามารถ ม่วงศิริ รองนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นแพทย์ผู้ช่วยการผ่าตัดอาการบาดเจ็บที่ไหล่ขวาของคุณทักษิณ และควบคุมดูแลการพักรักษาหลังการผ่าตัด ซึ่งอาการบาดเจ็บครั้งนี้เกิดระหว่างพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ



ศาลได้ซักถามเรื่องใบรับรองแพทย์ เจ้าตัวยอมรับออกให้จริง แต่ไม่ทราบว่าถูกนำไปใช้เพื่อขยายระยะเวลาการรักษาตัวของคุณทักษิณเป็น 120 วัน



พยานรายที่ 5 พลตำรวจตรีนายแพทย์ ศุภฤกษ์ พัฒนปรีชากุล นายแพทย์อายุรกรรมโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านที่เกี่ยวข้องกับโรคประจำตัวของคุณทักษิณ ให้ความเห็นต่อศาลถึงความจำเป็นในการพักรักษาตัว หรือไม่พักรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ



พยานรายที่ 6 คือ พลตำรวจโทนายแพทย์ สุรพล เกษประยูร ที่ปรึกษาโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัดส่องกล้อง และได้รับการประสานให้มาดูอาการบาดเจ็บที่นิ้วและหัวไหล่ขวาของคุณทักษิณ ระหว่างพักรักษาตัว และเป็นคนผ่าตัดให้ถึง 2 ครั้ง



ศาลได้สอบถามถึงขั้นตอนในการรักษา การผ่าตัด การพักฟื้น ซึ่งพยานรายนี้ได้ขอส่งเอกสารสรุปการผ่าตัดให้ศาลเพิ่มเติม

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/f3fBcNMjVLI