"บิ๊กเต่า" ไม่ได้จูบปาก แค่หอมแก้ม "พศ." พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาวงการสงฆ์ร่วมกัน

หลังจากเป็นประเด็นอยู่ 2 วัน เรื่องที่บิ๊กเต่าออกมาบอกว่า พศ.ใส่เกียร์ว่าง แต่หลังจากประชุมเมื่อวานนี้ บิ๊กเต่าบอกแล้ว หอมแก้มกันแล้ว พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาในวงการสงฆ์



เมื่อ 2 วันก่อน พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง บอกว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาและพระ ล้วนมีคอนเนคชั่นกันเป็นพวก เป็นเพื่อนกัน เกิดเหตุขึ้นมาก็ช่วยเหลือกัน สำนักพุทธคือความล้มเหลว ทำให้ตำรวจเหนื่อยมากขึ้น ต้องสังคายนาสำนักพุทธฯ ด้วย ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า แล้วแบบนี้จะทำงานด้วยกันได้ไหม



จนการประชุมที่เกิดขึ้นวานนี้ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับวงการสงฆ์ และออกมายืนยันว่า ทุกฝ่ายยังทำงานด้วยกันได้ และยอมรับว่า บิ๊กเต่าพูดแรงไป แต่เพราะเป็นคนตั้งใจทำงานจึงมีบุคลิกแบบนี้ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะจับมือเดินหน้าแก้ไขปัญหาวงการสงฆ์กันต่อ และเมื่อวานนี้บิ๊กเต่างดให้สัมภาษณ์ทั้งวัน



จนวันนี้บิ๊กเต่ามาที่ บก.ปปป. นักข่าวจึงมีโอกาสถามเรื่องการทำงานระหว่างตำรวจกับสำนักงานพระพุทธศาสนา บิ๊กเต่า บอกว่า ถ้าต้องการความเปลี่ยนแปลงจะมา "จ๊ะจ๋า ครับผม" อย่างเดียว มันไม่จบ มันต้องมีแรงกระแทกบ้าง เพื่อให้ตื่นตัว จะได้เดินไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อวานก็คุยกันด้วยดี ไม่ถึงขั้นจูบปากแค่หอมแก้ม



ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินของอดีตพระทั้ง 13 คน ยังต้องเดินหน้าต่อต้องพิสูจน์ให้แน่ชัดว่า เงินที่เอาไปให้สีกากอล์ฟใช่เงินวัดหรือไม่ อย่างกรณีของทิดยิ้ม หรือ อดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสประยุรวงศาวาสวรวิหาร ต้องตรวจสอบเส้นเงินย้อนหลังไป 3 ปี โดยเฉพาะเรื่องเงินที่ขนใส่รถกระบะมาให้สีกากอล์ฟหลายครั้ง ตำรวจก็มีพยานรู้เห็น ตรงนี้ต้องตรวจสอบให้ชัดว่าเป็นเงินทำบุญ เงินบริจาคของวัดหรือไม่



นอกจากนี้ตำรวจได้ขอข้อมูลเรื่องร้องเรียนของพระสงฆ์ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จากสำนักงานพระพุทธศาสนาด้วย เพื่อเอามาตรวจสอบว่ามีเรื่องร้องเรียนใดที่มีมูลหรือไม่ อย่างไร หากพบความผิดทางอาญาอาจจะต้องขยายผลดำเนินคดีด้วย

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/d9A6CKq9JrM