รวบ 3 จนท.เทศบาลพิจิตร ปลอมเอกสารคนพิการ-ผู้ป่วยติดเตียง สมัครบัตรกดเงินสด ถอนเงินไปใช้กว่า 2 ล้าน

ตำรวจกองปราบรวบ 3 สาว เจ้าหน้าที่เทศบาลจังหวัดพิจิตร ปลอมเอกสารผู้พิการ-ผู้ป่วยติดเตียงกว่า 60 ราย ทำบัตรกดเงินสด-ขอสินเชื่อธนาคารกว่า 2 ล้านบาท



นางสาวนุจรีย์ อายุ 42 ปี ตำแหน่งนักวิชาการเงินและบัญชี แผนกกองคลัง นางสาวจุฬาพร อายุ 55 ปี ตำแหน่งนักจัดการงานทั่วไป แผนกธุรการ และนางสาวอมรรัตน์ อายุ 51 ปี ตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล แผนกธุรการ ถูกตำรวจกองปราบปราม กองกำกับการ 4 บุกจับคาสำนักงานเทศบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดพิจิตร หลังตรวจสอบพบว่าทั้ง 3 คน ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง แล้วไปยื่นขอสินเชื่อ ทำบัตรเครดิต-บัตรกดเงินสด เพื่อเอาเงินมาใช้ส่วนตัว



ต้นเรื่องของคดีนี้มาจากธนาคารเกียรตินาคินภัทร ได้มาแจ้งความว่า พบความผิดปกติของกลุ่มลูกค้า เพราะมีลูกค้าถึง 23 คน จากที่ทำงานเดียวกัน มาสมัครขอสินเชื่อบัตรกดเงินสด พออนุมัติก็พบความผิดปกติในการใช้บัตร



ต่อมาธนาคารกสิกรไทยก็มาแจ้งความว่าเจอลูกค้าที่มาจากที่ทำงานเดียวกันราว 40 ราย มาขอสมัครสินเชื่อบัตรกดเงินสด และมีพฤติกรรมการกดเงินที่ต้องสงสัยเหมือนกัน เจ้าหน้าที่จึงเขาตรวจสอบและพบว่า 2 ธนาคารมีเงินสดที่ถูกกดออกจากบัตรไปราว 2 ล้านบาท



พันตำรวจโทเจษฎา แก้วจาเครือ รองผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม เปิดเผยแผนประทุษกรรมของทั้ง 3 คน ว่า พวกเธอจะไปตระเวนตามบ้านที่มีผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้มีรายได้น้อย แล้วอ้างว่าจะเข้ามาช่วยเหลือเรื่องสวัสดิการต่างๆ พอได้บัตรประชาชนมา จะเอาภาพบัตรประชาชนของผู้เสียหายไปตัดต่อ ทำบัตรพนักงานเทศบาลปลอมขึ้นมา แล้วปลอมหนังสือรับรองเงินเดือน เพื่อยืนยันว่าชื่อของผู้เสียหายเป็นพนักงานของเทศบาลจริง และยังปลอมรายการเดินบัญชี โดยเปลี่ยนเอาชื่อผู้เสียหายมาใส่ในรายการเดินบัญชีของตัวเอง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ



ก่อนจะนำเอาเอกสารปลอมเหล่านี้ไปยื่นขออนุมัติสินเชื่อบัตรกดเงินสดกับทางธนาคาร โดยใช้วิธีการพูดคุยกับตัวแทนของธนาคารผ่านทางออนไลน์ เมื่อทางธนาคารโทรศัพท์มาสอบถามข้อมูล ผู้ต้องหาก็สามารถตอบได้หมด เพราะมีข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหายอยู่ในมือ ธนาคารจึงอนุมัติบัตรให้



ส่วนที่อยู่การจัดส่งบัตรก็จะให้ส่งมาที่เทศบาล โดยมีผู้ต้องหา 2 คน ที่ทำหน้างานอยู่ในแผนกธุรการคอยดูเอกสารที่มาส่งทำให้ไม่มีใครในสำนักงานรู้เรื่อง จากนั้นเอาบัตรไปกดเงินสดที่ตู้ ATM ใกล้สำนักงานเทศบาล ส่วนเงินเอาไปใช้หนี้นอกระบบ สินเชื่อต่างๆ และเล่นพนันหวยออนไลน์



จากการตรวจค้นภายในบ้านพักของผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เจอใบแจ้งหนี้ที่ไม่ใช่ชื่อของตัวเอง 507 ชุด บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด 116 ใบ เอกสารปลอมที่เตรียมยื่นขอสินเชื่อเพิ่มอีก 35 ชุด เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และรายการเดินบัญชี และในคอมพิวเตอร์ยังเจอภาพของผู้เสียหายที่โดนตัดต่อด้วย



เบื้องต้นนางสาวนุจรีย์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนนางสาว จุฬาพร และนางสาว อมรรัตน์ ยังให้การปฏิเสธ จากแนวทางการสืบสวนของตำรวจพบว่า ทั้ง 3 คน มีหนี้สินทั้งในและนอกระบบ แต่ละคนหลักแสนถึงหลักล้าน



เบื้องต้นทั้ง 3 คนถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ



สำหรับผู้เสียหายที่ถูกกลุ่มผู้ต้องหานำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ หากได้รับเอกสารติดตามหนี้สินจากธนาคารทั้งที่ตัวเองไม่ได้ใช้ ไม่ได้สมัคร ควรติดต่อธนาคารทันที อย่าเพิกเฉย เพราะอาจจะถูกธนาคารใช้สิทธิฟ้องร้องบังคับคดีทางศาลได้

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/q9IbXkJjdXY