สังคม
ร้องพี่ชายถูกวิสามัญผิดตัว! น้องชายยันล้านเปอร์เซ็น ไม่ใช่โจรลักสายไฟ จี้เปิดกล้องพิสูจน์
12 เม.ย. 2567
202 views
ชายเผาถ่านหอบหลักฐานร้องกองปราบ หลังพี่ชายโดนตำรวจ สภ.เขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา วิสามัญเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นคนร้ายลักตัดสายไฟ
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พานาย สมพงศ์ ปิ่นแก้ว มาร้องขอความเป็นธรรมที่กองปราบปราม หลังนาย อำพล ตันเจริญ อายุ 50 ปี พี่ชาย ถูกตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา วิสามัญผิดตัว เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นคนร้ายลักสายไฟในโรงงานแห่งหนึ่ง ในอำเภอพนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อคืนวันที่ 9 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา
ตามสำนวนของตำรวจระบุว่า คืนวันเกิดเหตุ คือ 9 เมษายน ตำรวจ สภ.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา รับแจ้งว่ามีคนร้าย 4 คน อาวุธครบมือ ขโมยตัดสายไฟในโรงงานแห่งหนึ่ง ที่บ้านหนองเหียง ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา จึงเข้าจับตัว แต่เกิดปะทะกัน และคนร้ายหลบหนีไปได้ ตำรวจจึงวางกำลังเฝ้าที่โรงงานต่อ เพราะคาดว่าคนร้ายจะวกกลับมาเอาของ
กระทั่ง 11 โมงของวันที่ 10 เมษายน มีรถกระบะคันหนึ่งขับผ่านมา ตำรวจจึงเชื่อว่าเป็นคนร้าย เลยเข้าจับกุม แต่ฝั่งตำรวจอ้างว่า ผู้ต้องสงสัยได้ใช้อาวุธปืนยิงสวน จึงต้องวิสามัญ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายอำพล ส่วนผู้ต้องสงสัยอีก 3 คน ขับรถหลบหนีไปได้
แต่นาย สมพงศ์ ซึ่งเป็นน้องชายของผู้ตาย เล่าว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเข้าใจผิด และวิสามัญผิดตัว เพราะคืนวันที่ 9 เมษายน เขาและพี่ชายซึ่งมีอาชีพเผาถ่านอยู่ด้วยกันที่บ้านพัก ไม่ได้ไปไหนเลย และไม่รู้เรื่องการลักสายไฟด้วย ซึ่งวันที่ 10 เมษายน เขากับพี่ชาย ขับรถมากันแค่ 2 คน ตระเวนเก็บท่อนไม้ข้างทางเพื่อนำมาเผาทำถ่านขาย ระหว่างทางใกล้โรงงานที่เกิดเหตุพี่ชายลงไปปัสสาวะข้างทาง จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด จึงรีบตะโกนบอกให้พี่ชายขึ้นรถ แต่พี่ชายถูกยิงเสียชีวิตคาที่แล้ว และยังมีเสียงปืนยิงมาที่รถหลายนัด เขาจึงจำเป็นต้องขับรถหนีออกไป ทิ้งให้พี่ชายเสียชีวิตตรงนั้น
พอกลับมาก็เล่าให้แม่ฟังแล้ว แกะแผ่นป้ายทะเบียนออก ก่อนจะหนีไปซ่อนตัวในป่าเพราะกลัว เนื่องจากไม่รู้ใครยิงพี่ชาย จากนั้นไปดูศพนายอำพลที่จุดเกิดเหตุ แต่ตำรวจกันพื้นที่ไม่อนุญาตให้เข้าไป กระทั่งช่วงบ่าย ตำรวจได้บุกมาที่บ้านเพื่อเชิญญาติทั้ง 6 คน ไปสอบปากคำเค้นว่า เขา และพี่ชายเป็นพวกลักตัดสายไฟใช่ไหม เขาก็ยืนยันว่าไม่ใช่ และไม่มีปืนด้วย ที่สำคัญ พี่ชายที่โดนวิสามัญเป็นคนพิการหลังค่อม มีสติไม่สมประกอบ เดินไม่ปกติจะไปก่อเหตุขโมยได้ยังไง
ส่วนกรณีที่ทาง ผกก.สภ.เขาหินซ้อน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ระบุยืนยันว่า นายสมพงศ์และผู้ตายกระทำความผิดล้านเปอร์เซ็นต์ โดยมีพยานหลักฐานชัดเจน นายสมพงศ์ยืนยันว่าตนและพี่ชายก็ไม่ได้กระทำความผิดล้านเปอร์เซ็นต์เช่นเดียวกัน
นายเอกภพ ระบุว่า เรื่องนี้ไม่ได้เชื่อฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แต่ที่พานาย สมพงศ์ มาร้องเพื่อให้ได้พิสูจน์ข้อเท็จริง ตอนนี้สังคมฟังความฝั่งนายสมพงศ์แล้ว จึงอยากให้ตำรวจออกมาให้ข้อมูลบ้าง โดยเฉพาะกล้อง Bodycam ของตำรวจ ที่นายเอกภพมองว่าควรเอามาเปิดให้ครบ เพราะจะเป็นภาพบันทึกเหตุการณ์ทุกอย่างแต่แรกในวันที่ 10 เมษายนว่า ฝั่งนายสมพงศ์ยิงปืนใส่ตำรวจจริงหรือไม่ และเป็นไปตาม พ.ร.บ.อุ้มหายด้วย ไม่ควรอ้างว่าเก็บไว้ใช้ในสำนวนคดี เพราะมิเช่นนั้นตำรวจก็จะถูกตราหน้าต่อไปว่าเป็นฝ่ายผิด
การที่ผู้กำกับการ สภ.เขาหินซ้อน ออกมาให้สัมภาษณ์ยันว่าฝ่ายผู้ตายผิดล้านเปอร์เซ็น ส่วนตัวมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะในฐานะผู้บังคับบัญชา ควรจะต้องวางตัวเป็นกลาง ในกรณีที่มีความขัดแย้งระหว่างตำรวจกับประชาชน ควรจะต้องออกมาพูดรับฟังความทั้งสองด้านมากกว่าตัดสินว่าใครผิดใครถูก
ล่าสุด นาย เอกภพ ได้ประสานตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทราแล้ว เพื่อให้เข้ามาช่วยดูสำนวนคดี และให้ความเป็นธรรมกับคดีที่เกิดขึ้น
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Sc2jEAanWVk
แท็กที่เกี่ยวข้อง ร้องกองปราบ ,พี่ชายถูกวิสามัญผิดตัว ,วิสามัญผิดตัว ,พี่ชายไม่ใช่โจร