สังคม

‘บิ๊กโจ๊ก’ ของขึ้น! ชี้หน้าโต้เดือด ‘อดีตคณบดีนิติศาสตร์ จุฬาฯ’ ยันไม่เคยโกงข้อสอบ ซัดมีผลประโยชน์ทับซ้อน

3 ชั่วโมงที่แล้ว

27 views

เมื่อวานนี้ (6 พ.ย.68) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน เป็นประธานการประชุม พิจารณาศึกษาปัญหาและแนวทางการปฏิรูประบบราชการตำรวจในด้านการบริหารงานบุคคลและการดำเนินการทางวินัยของข้าราชการตำรวจ กรณีศึกษา พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เรื่องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.ทุจริตข้อสอบของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย พล.ต.สุรเชษฐ์ และตัวแทนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย ศ.ทัชมัย ฤกษะสุต ประธานสภาคณาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ผศ.ปารีณา ศรีวนิชย์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  มาชี้แจงต่อ กมธ. ซึ่งใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง

โดยในการชี้แจงบางช่วง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวหาว่า ผช.ปารีณา ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ มีผลประโยชน์ทับซ้อน และไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนว่าตนคือคนโกงสอบ แต่ยอมรับว่า ได้ซองเอกสารจากลูกน้องที่ตกเป็นผู้ต้องหา แต่ไม่ทราบว่า ในซองเอกสารดังกล่าวคืออะไร จึงมองว่าการตั้งคณะกรรมการสอบสวนดังกล่าวเป็นไปโดยไม่ชอบ อีกทั้งยังมองว่า อดีตคณบดีฯ มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับการตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีการสอบ เพราะมีสามีเป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ซึ่งได้รับการแต่งตั้งในสมัยของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็น ผบ.ตร.ในขณะนั้น ซึ่งตนมองว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็นคู่กรณีของตน และเชื่อว่า อดีตคณบดีฯ อาจจงใจกลั่นแกล้งเพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนในเรื่องนี้

ด้าน อดีตคณบดีนิติศาสตร์จุฬาฯ โต้กลับเรื่องนี้ทันทีว่า การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเรื่องการโกงข้อสอบเป็นไปโดยถูกต้องตามกระบวนการ และไม่ได้กลั่นแกล้งบุคคลใด ที่ผ่านมาตนยังได้อำนวยความสะดวกให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการนำรถเข้ามาจอดภายในคณะ เพราะโดยปกติแล้วไม่มีนิสิตคนใดสามารถนำรถเข้ามาจอดได้ รวมถึงการเลื่อนสอบในกรณีต่าง ๆ จนตนถูกครหานินทาจากนิสิตและอาจารย์คนอื่น ๆ ด้วยซ้ำ ส่วนกรณีที่พาดพิงไปถึงว่า ตนเป็นภรรยาของอดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ในสมัยของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็ยืนยันว่า สามีของตนสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 มาตั้งแต่ยศนายร้อย จนขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้ เพราะเหลืออายุราชการเพียง 1 ปี ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของ สตช.

“ขอเอาเกียรติภูมิของความเป็นอาจารย์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาเป็นประกัน หากตั้งใจจะกลั่นแกล้ง คงไม่เชิญบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ด้วย เพราะยึดหลักนิติศาสตร์ คือการหาความจริงให้ได้ ส่วนการแจ้งความเอาผิดที่ใช้เวลานาน เพราะทางคณะไม่ทราบมาก่อน จนกระทั่งมีข่าวออกมาจึงต้องแจ้งความ หากปล่อยนิ่งเฉยไว้ก็อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้” ผศ.ปารีณากล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงท้ายของการชี้แจง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถึงกับขึ้นเสียงและชี้นิ้วไปทางอาจารย์จุฬาฯ ระหว่างตั้งคำถามกับ ผศ.ปารีณาว่า ที่บอกว่า สามีของ ผศ.ปารีณา ไม่ได้ถูกแต่งตั้งโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะสามีท่าน 33% ขึ้นโดยลำดับอาวุโส ซึ่งตำรวจรู้กัน ว่าต้องขึ้นผู้บัญชาการประจำ แต่สามีท่านขึ้นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ถ้าไม่ใช่คนของ ผบ.ตร. ไม่มีทางขึ้นผู้บัญชาการหลักได้ ตำรวจรู้ดี ท่านอย่าบิดเบือนข้อเท็จจริง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า อยากฝากถึงอาจารย์จุฬาฯว่า ต่อให้ตนได้ข้อสอบมา และต่อให้ตนเปิดอ่าน ถ้าเป็นข้อสอบที่สอบไปแล้ว ก็คือข้อสอบเก่าใช้ไม่ได้ ขอให้อาจารย์ให้ความเป็นธรรม และตนมองว่าอาจารย์ยังไม่ควรมาในวันนี้ เพราะถือว่า เป็นเหยื่อที่ถูกใครให้มาก็ไม่รู้ ขอย้ำว่า ต่อให้ตนได้ข้อสอบวันนี้แล้วเปิดอ่านและลอกมาเลย ข้อสอบนั้นก็ใช้ไม่ได้ เขาเรียกว่าแนวข้อสอบ ซึ่งข้อเท็จจริงก็ไม่ใช่ความจริง ส่วนข้อสอบก็ให้กับตำรวจชั้นประทวน ซึ่งเป็นลูกน้องของตน ต้องแจ้งข้อหากับตำรวจชั้นประทวน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้แจ้งความ ตนอยากจะถามว่า อาจารย์ในฐานะเป็นนักกฎหมาย เหตุใดจึงฟังความข้างเดียว เหตุใดจึงไม่สอบถามให้รอบด้าน

ทั้งนี้ นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะรองประธาน กมธ. ซึ่งทำหน้าที่ประธาน แทนนายรังสิมันต์ (ไปเข้าห้องน้ำ) ได้เตือน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่า ขอให้ใจเย็น ๆ  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จึงกล่าวว่า “ของขึ้นครับ"

ด้าน ศ.ทัชมัย ชี้แจงตอบโต้ว่า เราไม่ได้เป็นเหยื่อ แต่อธิการบดีสั่งการให้มาชี้แจงต่อ กมธ. ทำให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์พยายามที่จะตอบโต้อีกครั้ง แต่นายปิยรัฐ ได้ปรามอีกครั้งขอให้ใจเย็น ๆ ก่อนที่ ศ.ทัชมัยจะชี้แจงต่อว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พูดเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เรื่องแนวข้อสอบ และหากใครอยากได้แนวข้อสอบก็มีอยู่ในเว็บไซต์ เพราะแนววิชาการก็จะออกอยู่ในประเด็นเดิม ซึ่งคนที่เป็นบัณฑิตควรจะต้องรู้ ข้อสอบอาจจะออกใหม่ แต่ประเด็นจะซ้ำเดิม ซึ่งเป็นแกนของวิชานั้น ๆ เพราะฉะนั้นการมีแนวข้อสอบไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ส่วนในซองนั้นเป็นข้อสอบหรือไม่ เราก็ยังไม่เชื่อ แต่เรารู้ว่ามันสำคัญ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีการทักท้วงกัน และสิ่งที่กรรมการพิจารณา ไม่ใช่พิจารณาเฉพาะจากคำพูดของพยาน แต่พิจารณาจากหลักฐาน อะไรที่ไม่มีเอกสารหลักฐานเราก็ไม่ตัดสิน

และก่อนจะปิดการประชุม พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 หรือ ตำรวจไซเบอร์ 1 หนึ่งในหน่วยงานที่ กมธ.เชิญมาชี้แจง ได้เดินทางมาจากทำเนียบรัฐบาล หลังการแถลงข่าว MOU ปราบสแกมเมอร์ร่วมกับนายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงต่อ กมธ.ในประเด็นเกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว โดยชี้แจงว่า ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือตำรวจไซเบอร์ ให้อำนาจหน้าที่ในการสืบสวนคดีในลักษณะดังกล่าว อีกทั้งการสืบสวนในคดีนี้เป็นการขยายผลจากอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในคดีเว็บพนันออนไลน์ของมินนี่ ซึ่งมีพยานหลักฐานเป็นจำนวนมาก โดยต่อมาพบข้อมูลการพูดคุยสนทนาในเชิงลักษณะการนำข้อสอบออกจากห้องสอบ เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอาญา จึงเข้าข่ายขอบเขตอำนาจที่สามารถดำเนินการได้

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์  ยืนยันว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้เป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานไปถึง อีกทั้งในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน และการออกทีวีหลายครั้งก็ยืนยันว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไม่ใช่ผู้ต้องหาและให้เกียรติมาโดยตลอด ส่วนเรื่องคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นอำนาจหน้าที่ของ ผบ.ตร.ที่ดำเนินการ ตนไม่ทราบในส่วนนี้ ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องกับการโกงข้อสอบขณะนี้ทราบว่าอัยการได้ส่งสำนวนกลับมาให้ตรวจสอบเพิ่มเติมใน 5 ประเด็น ซึ่งขณะนี้ทราบว่าตำรวจเจ้าของคดีอยู่ระหว่างการดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามประเด็นที่อัยการส่งสำนวนกลับมา

ภายหลังชี้แจ้งต่อกรรมาธิการ พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ให้สัมภาษณ์ ยืนยันว่า ตนไม่ได้โกงข้อสอบและไม่ได้มีพยานหลักฐานใด ๆ มาถึงตนด้วย ถึงแม้ผู้ดูแลข้อสอบของจุฬาฯ จะนำเอกสารมาให้กับตำรวจชั้นประทวนนายหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกน้องของตน เเต่ข้อสอบดังกล่าวตนไม่เคยได้รับ เเละไม่เคยถูกเปิดด้วยซ้ำ อีกทั้ง การตั้งคณะกรรมการวินัยนั้น จะต้องดำเนินการก็ต่อเมื่อกระทำความผิดหรือถูกกล่าวหาในคดีอาญา แต่กรณีนี้ตนยังไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหา และไม่ได้ถูกดำเนินคดีในคดีอาญา แต่กลับถูกตั้งคณะกรรมการวินัย มองว่าไม่เป็นธรรมกับตน เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ




รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/_KAQM6q5Gcs

แท็กที่เกี่ยวข้อง  บิ๊กโจ๊ก ,สุรเชษฐ์หักพาล

คุณอาจสนใจ

Related News