สังคม

กทม.จัดการจริงรถควันดำ ก่อนเข้าหน้าฝุ่น ปรับค่ามาตรฐานควันดำเข้มเหลือเพียง 20%

3 พ.ย. 2568

64 views

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสภาพรถยนต์ (ควันดำ) เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ณ อู่รถเมล์สาธุประดิษฐ์ และวินรถสองแถว สาย 1261 บริเวณใต้สะพานภูมิพล เขตยานนาวา ว่า เมื่อเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน กรุงเทพมหานครจะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝุ่น จริงๆ แล้วเราก็มีการเตรียมการตลอดเวลาที่ผ่านมา ฝุ่นPM2.5 ในกรุงเทพมหานคร มีสาเหตุหลักมาจาก 3 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ สภาพอากาศที่ปิดในช่วงฤดูหนาว ทำให้การไหลเวียนของอากาศไม่ดี ฝุ่นจากรถยนต์โดยเฉพาะรถดีเซลที่มีการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ และการเผาชีวมวลจากพื้นที่รอบข้างหรือในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งกรุงเทพมหานครได้เตรียมการรับมือปัญหาเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง โดยมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมควบคุมมลพิษ ตำรวจจราจร และกรมการขนส่งทางบก

การปรับปรุงมาตรฐานควันดำ : มีการปรับปรุงมาตรฐานการวัดควันดำให้เข้มข้นขึ้น โดยลดค่าการทึบแสงจากเดิม 30% เหลือเพียง 20% การวัดค่าการทึบแสงนี้จะใช้วิธีการเป่าควันดำผ่านกระดาษกรอง หากบันทึกแสงได้น้อยกว่า 20% จะถือว่าไม่ผ่านมาตรฐาน มาตรการใหม่นี้เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จากการตรวจสอบเมื่อวันก่อนพบว่า จากรถที่ตรวจสอบทั้งหมด 900 คัน มีรถที่ไม่ผ่านมาตรฐานจำนวน 21 คัน คาดว่ามาตรการใหม่นี้จะสามารถปรับปรุงคุณภาพอากาศได้ประมาณ 24%

Low Emission Zone + Green List: จากความสำเร็จของมาตรการห้ามรถบรรทุกในวงแหวนชั้นในปีที่แล้ว ปีนี้กรุงเทพมหานครได้ขยายผลให้ครอบคลุมทั้ง 50 เขต เมื่อมีการประกาศวันที่อากาศไม่ดี รถบรรทุกเกิน 6 ล้อขึ้นไปที่ไม่อยู่ในบัญชีสีเขียว (Green List) จะไม่สามารถเข้ามาในเขตกรุงเทพมหานครได้ โดยใช้ระบบกล้อง CCTV ออกใบสั่งอัตโนมัติ สำหรับเจ้าของรถที่ต้องการให้รถสามารถวิ่งได้ในช่วงอากาศไม่ดี จะต้องนำรถไปตรวจสภาพ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนไส้กรอง และสมัครเข้าสู่ Green List ส่วนรถที่มีมาตรฐานดีอยู่แล้ว เช่น รถ EV และรถยูโร 5-6 จะเข้าสู่ระบบ Green List อัตโนมัติ

Green List Plus: สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล 4 ล้อ กรุงเทพมหานครไม่ได้บังคับให้เข้าร่วม แต่ใช้มาตรการ "Green List Plus" โดยขอความร่วมมือจากเจ้าของรถ หากนำรถไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศ จะได้รับส่วนลดจากบริษัทรถยนต์ที่ร่วมโครงการ 9 บริษัท และบริษัทเปลี่ยนน้ำมันเครื่องต่างๆ โครงการนี้มีผลตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงต้นปีหน้า โดยครอบคลุมทั้งรถที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซล เพื่อจูงใจให้เจ้าของรถมีเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะดีขึ้นและปล่อยมลพิษน้อยลง

ลักษณะการตั้งจุดตรวจควันดำ: สำหรับการตรวจควันคำแทนที่จะไปตั้งจุดตรวจกลางถนนซึ่งอาจทำให้เกิดการจราจรติดขัด กรุงเทพมหานครเลือกใช้วิธีการตรวจสอบที่ต้นทาง เช่น อู่รถเมล์ ท่าเรือ โรงงานอุตสาหกรรม และไซต์ก่อสร้างต่างๆ รถทุกคันที่เข้ามาในไซต์ก่อสร้างในเขตกรุงเทพมหานครจะต้องเป็นรถที่อยู่ใน Green List เท่านั้น หากไม่เป็นไปตามเงื่อนไข อาจมีคำสั่งห้ามก่อสร้างหรือห้ามปฏิบัติการ วิธีการนี้จะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดและเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมมลพิษ

พบเหตุปัญหาฝุ่น กทม ส่วนหนึ่งมากจานครนายก: ด้านการปัญหาการเผาชีวมวล จากข้อมูลการศึกษาจุดเผาไฟ (Hotspot) พบว่าในเขตกรุงเทพมหานครมีพื้นที่นาข้าวประมาณเกือบแสนไร่ ซึ่งกรุงเทพมหานครสามารถควบคุมได้ค่อนข้างดี แต่ปัญหาหลักมาจากพื้นที่ใกล้เคียง เช่น จังหวัดนครนายก ที่มีจุดเผาไฟมากกว่า 5,000 ไร่ โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกข้าวต้นยาวที่เกษตรกรไม่สามารถนำฟางข้าวไปใช้ประโยชน์ได้ จึงต้องใช้วิธีการเผาซึ่งเป็นวิธีที่มีต้นทุนต่ำสุด ปัญหานี้เกิดจากข้อจำกัดด้านแรงงานและสภาพเศรษฐกิจของเกษตรกร จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน โดยมีการบูรณาการระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงคมนาคม และกรุงเทพมหานคร เพื่อให้การแก้ปัญหาตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การเข้าใจปัญหาที่แท้จริงจะช่วยให้การแก้ไขเป็นไปอย่างยั่งยืนและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า จากการตรวจสอบวันนี้พบว่า ภาพรวมของอู่รถเมล์ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ แต่เมื่อมาตรวจสอบรถสองแถว พบว่ามีรถที่เกินค่ามาตรฐานจำนวน 2 คัน โดยค่าเฉลี่ยการทึบแสงมากกว่า 30% ซึ่งแม้จะเป็นไปตามเกณฑ์เดิมแต่ก็เกินมาตรฐาน ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานใหม่ที่กำหนดไว้ที่ 20% ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการ จับปรับ ตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ก่อนที่รถทั้ง 2 คันดังกล่าวต้องไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และไส้กรอง และเข้าสู่โครงการ Green List ต่อไป ซึ่งโครงการ Green list. เป็นมาตรการที่กทม. ได้รณรงค์ให้ผู้ขับขี่ทุกคนมาร่วมกันเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และไส้กรอง เพื่อลดการปล่อย pm2.5 ซึ่งจากการทดลองพบว่ารถที่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองสามารถลดการปล่อย pm 2.5 ได้มากถึง 42%

ด้านอำนาจหน้าที่ในการควบคุมรถ จากการตรวจสอบรถที่มีปัญหา คือ รถที่มีป้ายทะเบียนสีเหลือง ซึ่งกทม. และกรมควบคุมมลพิษไม่มีอำนาจในการดำเนินการโดยตรง เนื่องจากต้องประสานงานกับตำรวจตามพระราชบัญญัติขนส่งและจราจรทางบก ปัญหานี้เป็น 1 ใน 10 ข้อเสนอที่ท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้เสนอต่อท่านนายกรัฐมนตรี โดยขอให้กรุงเทพมหานครเป็นเจ้าพนักงานขนส่งด้วย เพื่อให้สามารถช่วยตรวจสอบรถป้ายทะเบียนสีเหลืองได้โดยตรง

ส่วนรถทั่วไป 4 ล้อ ที่ตรวจพบควันดำ ปัจจุบันมีเวลาแก้ไข 30 วัน แต่มองว่าระยะเวลานี้ยาวเกินไป เพราะเจ้าของรถจะรอจนวันที่ 27-29 ก่อนจะแก้ไข ท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เสนอให้ปรับลดจาก 30 วัน เหลือ 3 วัน หากรถไม่แก้ไขภายใน 3 วัน ก็จะติดสีแดงห้ามใช้เด็ดขาด ขณะนี้กรมควบคุมมลพิษอยู่ระหว่างดำเนินการตามที่เสนอ

สำหรับช่วงพีคของปัญหาฝุ่นน่าจะอยู่ในช่วงเดือนมกราคม 69 แต่จากการดูพยากรณ์อากาศ วันพฤหัสบดี ศุกร์ และเสาร์นี้ (6-8 พ.ย.68) อาจจะเห็นสีส้มบ้าง โดยประชาชนสามารถติดตามค่าฝุ่นได้ ถ้าในกรุงเทพมหานครใช้แอปพลิเคชัน Air BKK ถ้าทั่วประเทศใช้ของกรมควบคุมมลพิษ Air4Thai สามารถเช็คค่าฝุ่นได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนั้นเชิญชวนประชาชนที่มีรถดีเซลนำไปเปลี่ยนไส้กรองและน้ำมันเครื่อง ปัจจุบันมีโปรโมชั่นค่าแรงฟรี ไส้กรองและน้ำมันเครื่องลดราคา สามารถเช็คโปรโมชั่นได้ทางมาตรการ Green List Plus และขอเชิญชวนประชาชนที่เห็นรถควันดำสามารถแจ้งผ่าน Traffy Fondue กรุงเทพมหานครจะรับเป็นเจ้าภาพไปติดตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ฝุ่นpm2.5 ,รถควันดำ

คุณอาจสนใจ