สังคม

เจ้าอาวาสวัดดังเกาะสีชังสึกแล้ว ยักยอกเงินกฐินกว่า 11 ล้าน อ้างถูกหญิงตีสนิทหลอกลงทุน

23 ต.ค. 2568

617 views

ชาวบ้านเสื่อมศรัทธา เจ้าอาวาสวัดดังเกาะสีชัง ยักยอกเงินกฐินกว่า 11 ล้านบาท ล่าสุดลาสิกขาแล้ว อ้างถูกหญิงตีสนิทหลอกลงทุน ตำรวจรับตัวส่งดำเนินคดี

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีชาวบ้านในพื้นที่เกาะสีชัง ต.ท่าเทววงษ์ อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี ร้องเรียนให้ พระครูสาธิตกิตติญาณ เจ้าอาวาสวัดราษฎร์นิยมธรรม ศรีราชา ในฐานะเจ้าคณะอำเภอเกาะสีชัง ตรวจสอบถึงการกระทำของเจ้าอาวาสแห่งหนึ่งในเกาะสีชัง และยังเป็นเจ้าคณะตำบล ว่ามีการยักยอกนำเงินจากการทอดกฐินของทางวัด ตั้งแต่ปี 2564 ไปใช้ส่วนตัว รวมมูลค่ากว่า 11 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีบรรดาญาติพี่น้องของเจ้าอาวาส ยึดครองการทำหน้าที่ต่างๆ ภายในวัดและศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่อีกด้วย

ต่อมาพระครูสาธิตกิตติญาณ เจ้าอาวาสวัดราษฎร์นิยมธรรม ศรีราชา ในฐานะเจ้าคณะอำเภอเกาะสีชัง ได้ส่งเรื่องให้ทางสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดชลบุรี ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด

และจากการตรวจสอบ พบพฤติกรรมไม่โปร่งใสของเจ้าอาวาส ไม่ได้นำเงินจากงานทอดกฐินสามัคคีที่ประชาชนร่วมบริจาคบูรณะอุโบสถ เข้าบัญชีทางวัด แต่เก็บเป็นเงินสดและบางส่วนถูกนำเข้าบัญชีตัวเอง

โดยทางสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดชลบุรี ตรวจสอบพบว่าเงินจากงานทอดกฐินสามัคคี ตั้งแต่ 2564 จนถึงปัจจุบัน ไม่ได้ถูกโอนเข้าบัญชีวัด ประกอบด้วย งานทอดกฐินสามัคคี ปี 2565 จำนวนเงิน 6 ล้านบาท ปี 66 จำนวนเงิน 2.1 ล้านบาท ปี 67 จำนวนเงิน 2.9 ล้านบาท และล่าสุดปี 68 งานทอดกฐินพระราชทาน ซึ่งมีนายธวัชชัย ศรีทอง อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และเป็นคนเกาะสีชังโดยกำเนิด เป็นประธานในพิธี ได้เงินจำนวน 3 ล้านบาท แต่โชคยังดีเงินทอดกฐินพระราชทาน ถูกควบคุมดูแลโดยสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดชลบุรี ไว้แล้วจึงไม่สามารถนำไปได้

ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าอาวาสได้เดินทางเข้าพบ พระเทพวชิรปัญญาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระรามหลวง วัดชัยมงคล รักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดชลบุรี เพื่อทำการลาสิกขา ก่อนเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับ พ.ต.ต.ณัฐพงษ์ สุทธิพัฒนกูล สว.เวรสอบสวนเจ้าของคดีที่ สภ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี

จากการสอบสวน นายเอ ผู้ก่อเหตุอ้างว่าถูกหญิงสาวรายหนึ่ง เข้ามาตีสนิทเป็นเวลานาน จนกระทั่งในปี 2565 เริ่มมีการชวนลงทุนหลากหลายชนิด จนกระทั่งติดต่อหญิงรายดังกล่าวไม่ได้แล้ว

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากพบพฤติกรรมโอนเงินจำนวนหลักแสนหลายครั้ง โดยโอนให้หญิงสาวที่กล่าวอ้าง รวมถึงญาติพี่น้อง อาทิ น้องชาย น้องเขย ที่ทำหน้าที่ไวยาวัจกรวัด และพี่สาว ที่ทำหน้าที่ดูแลอาศรม รวมถึงนำไปซื้อรถยนต์กระบะในชื่อตัวเอง จำนวน 1 คัน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหายักยอกทรัพย์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบและรวบรวมหลักฐานทั้งหมด เพื่อส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


คุณอาจสนใจ

Related News