สังคม
พบชาวบ้านแห่สแกนม่านตาแลกเงิน พาญาติพี่น้องมาเพียบ บอกไม่กลัวข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล
16 ต.ค. 2568
1.1K views
เข้าตรวจสอบชาวบ้านแห่สแกนม่านตาแลกเงิน พบพาญาติพี่น้องมาเพียบ บอกไม่กลัวข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล ด้านฝ่ายปกครองพร้อมตำรวจ เคยร่วมกันเข้าตรวจสอบ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีผู้เสียหาย ทำได้เพียงแจ้งเตือนเท่านั้น
วันที่ 16 ต.ค. 2568 กำลังเป็นกระแสข่าวดัง กรณีชาวบ้านแห่สแกนม่านตา อัตลักษณ์ เทียบเท่า DNA เพื่อแลกรับแจกเหรียญเป็นเงินคริปโต ครั้งละ 500-2,000 บาท ที่มีการตั้งสำนักงานออฟฟิศกระจายไปทั่วหลายจังหวัดในขณะนี้ ขณะที่ฝ่ายปกครองพร้อมตำรวจร่วมกันตรวจสอบแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะไม่มีผู้เสียหาย ทำได้เพียงแจ้งเตือนชาวบ้านเท่านั้น
ที่จังหวัดสุรินทร์ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีอาคารที่อยู่ในถนนหลักเมือง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เปิดเป็นร้านเกี่ยวกับอุปกรณ์ไอที ในแต่ละวันจะมีชาวบ้านทั้งเด็กวัยรุ่น คนหนุ่มสาว วัยกลางคน และผู้สูงอายุ มายืนออกันอยู่ที่หน้าร้านเพื่อรอสแกนม่านตา ซึ่งร้านดังกล่าวเปิดรับสแกนม่านตามานานแล้วเกือบหนึ่งปี และยังคงเปิดให้ชาวบ้านเข้าไปสแกนม่านตาตลอดทุกวัน
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตามที่รับแจ้ง พบว่าที่หน้าร้านมีชาวบ้านจำนวน 5 คน เป็นวัยรุ่น วัยทำงาน และผู้สูงอายุ กำลังใช้โทรศัพท์ยืนสแกนใบหน้าให้กับป้าคนหนึ่ง จากการสอบถามทราบว่า ทั้งหมดเป็นญาติพี่น้องกัน เดินทางมาจาก อ.ลำดวน จ.สุรินทร์ ซึ่งอยู่ห้างจากตัวเมืองสุรินทร์ไปประมาณ 30 กม. มีหลานสาวเป็นคนพามา โดยหลานสาวได้รับการแนะนำจากเพื่อนอีกที และจากการสอบถามหลานสาวที่พาป้ามา บอกว่า เธอมาสแกนม่านตาได้ประมาณเดือนหนึ่งแล้ว โดยการแนะนำจากเพื่อน ซึ่งการสมัครไม่ได้เสียเงินและเขาก็ไม่เอาข้อมูลบัตรประชาชนด้วย ส่วนการได้รับเงินมากน้อยขึ้นอยู่กับหุ้นขึ้นหุ้นลงตามสกุลเงินนั้นๆ สแกนม่านตาแค่ครั้งแรกครั้งเดียว จากนั้นก็มาสแกนใบหน้าในแอปฯ โทรศัพท์ที่ลงไว้อย่างเดียว เพื่อรับเหรียญในแต่ละครั้งต่อๆ ไป เคยเห็นมีข่าวออกมาเตือนเกี่ยวกับการสแกนม่านอยู่เหมือนกัน แต่เธอไม่กลัว คิดว่าคงไม่มีอะไรให้ถูกหลอกลวง เพราะการที่มาสมัครและสแกนม่านตาไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย
ทั้งนี้ยังได้รับข้อมูลจากบางคนที่ได้มาสแกนม่านตา เปิดเผยว่า เคยถามเรื่องว่าทำไมต้องสแกนม่านตาด้วย โดยผู้ที่รับสแกนตอบว่า เป็นการยืนยันตัวตนว่าเราเป็นมนุษย์ไม่ใช่หุ่นยนต์
ต่อมาผู้สื่อข่าวเข้าสอบถามเรื่องนี้กับนายรองรัตน์ จงอุตส่าห์ นายอำเมืองสุรินทร์ โดยนายอำเภอเมืองสุรินทร์ ติดภารกิจและมอบหมายให้ฝ่ายงานความมั่นคงเป็นผู้ให้ข้อมูลเรื่องดังกล่าว โดย น.ส.อรนุช เสนะชัย ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า เรื่องนี้ตอนนี้ยังไม่มีผู้เสียหาย คือทางตำรวจไซเบอร์ต้องตรวจสอบก่อนว่า การกระทำนี้จะเกิดผลกระทบหรือข้อเสียอะไรบ้าง ยังไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงแค่แจ้งเตือนประชาชนเท่านั้น เพราะชาวบ้านยังไม่ใครได้รับความเสียหาย เป็นการไปสแกนม่านตาเพื่อได้รับเงิน เป็นเงินคริปโตเป็นค่าตอบแทน ส่วนข้อมูลที่เขาได้ไปก็เหมือนเป็นการพิสูจน์ตัวบุคคลมากกว่า คือไม่ใช่ได้ข้อมูลไปทั้งหมด เหมือนการเอาอัตลักษณ์ของเราไปใช้ในการเข้าถึงข้อมูลบางอย่าง ซึ่งเหมือนลายนิ้วมือ แต่สแกนม่านตามันเป็นอัตลักษณ์ที่สูงมากกว่าลายนิ้วมือ เทียบเท่าระดับสูงเลย ซึ่งกรมการปกครองก็ได้ทำการแจ้งเตือนประชาชนออกมาแล้ว อันนี้เมื่อ 2 เดือนก่อน และทางอำเภอเมืองสุรินทร์ก็ได้เข้าไปตรวจสอบพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ แล้วที่ร้านดังกล่าว พบว่ามีคนเข้าไปใช้บริการจำนวนมากอยู่เหมือนกัน แต่เราไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะว่าตอนนี้ยังไม่มีผู้เสียหาย ไม่มีผู้ที่ได้รับผลกระทบ แล้วก็ไม่ทราบว่าผลเสียที่เขาทำไปมันเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง แต่ก็แจ้งเตือนประชาชน ถ้าเกิดมีประชาชนได้รับผลกระทบเกิดความเสียหาย สามารถเข้ามาแจ้งเรื่องที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองได้ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามา เพราะว่าชาวบ้านก็ได้ผลประโยชน์คือได้รับเงิน ซึ่งจากการสอบถามประชาชนที่ไปสแกน ทราบว่ารายหนึ่งก็ได้รับเงินประมาณ 500 บาท หรือบางคนก็ได้ค่าแนะนำชักชวน ได้ค่าหัวคิวต่อคนต่อรายอะไรแบบนั้น แต่ไม่ทราบค่าหัวคิวที่แน่ชัด แต่บุคคลที่เข้าไปสแกนม่านตาได้เงินเฉลี่ยประมาณคนละ 500 บาท ไปแสกนม่านตายืนยันตัวแค่ครั้งเดียว ซึ่งตอนนั้นเมื่อประมาณเดือนสองเดือนที่แล้ว ก็จะมีคนไปสแกนกันมากพอสมควร ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมีได้รับรายงานเข้ามา
แท็กที่เกี่ยวข้อง สแกนม่านตา ,สแกนม่านตาแลกเงิน ,สุรินทร์