สังคม

ร้านค้าไม่มั่นใจร่วม “คนละครึ่งพลัส” หวั่นโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ชาวบ้านเบื่อขั้นตอนยุ่งยาก

8 ต.ค. 2568

167 views

สำรวจความเห็นผู้ประกอบการร้านค้าเมืองขอนแก่น พากันเข็ดขยาดและไม่มั่นใจว่าจะเข้าร่วม “คนละครึ่งพลัส” หรือไม่ หลังเคยเข้าร่วมโครงการแล้วโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ขณะที่ประชาชนเบื่อหน่ายขั้นตอนยุ่งยากกว่าจะได้ใช้เงิน

วันที่ 8 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นของผู้ประกอบการร้านขายของชำ ร้านขายอาหาร และประชาชนทั่วไปที่ตลาดการเคหะ ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น เกี่ยวกับโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่รัฐบาลจะดำเนินการเพื่อสร้างรายได้ ลดรายจ่ายให้กับประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวัน และเพื่อให้มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยเปิดให้ร้านค้า ลงทะเบียน วันที่ 15 ต.ค. - 19 ธ.ค.68 และประชาชนทั่วไป ลงทะเบียน วันที่ 20 - 26 ต.ค.68 เริ่มใช้สิทธิ วันที่ 29 ต.ค. - 31 ธ.ค.68

โดยจากการสอบถามร้านค้าและประชาชนทั่วไปต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า พากันเข็ดขยาดกับผลกระทบทางลบที่ตามมาหลังเข้าร่วมโครงการ และขั้นตอนที่ยุ่งยากกว่าจะได้ใช้เงินสนับสนุนจากโครงการดังกล่าว

เจ้าของร้านขายของชำ กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ก่อนหน้านี้ที่ร้านตนเองก็เคยสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งพบว่า มีลูกค้ามาซื้อของที่ร้านมากกว่าปกติ ทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นกว่าช่วงปกติประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เวลามาซื้อของที่ร้านก็จะสอบถามว่า เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งหรือไม่ เมื่อทราบว่าที่ร้านเข้าร่วมก็จะสะดวกต่อลูกค้าและเกิดการบอกต่อกันไป

แต่ข้อเสียจากการสมัครโครงการก็มี และเป็นข้อเสียที่ทำให้ตนเองคิดว่า ในโครงการคนละครึ่ง พลัส ที่รัฐบาลจะดำเนินการในครั้งนี้ ร้านของตนเองจะไม่เข้าร่วมแน่นอน เนื่องจากการสมัครฯ ในครั้งที่แล้ว ที่ร้านต้องแบกรับภาระการจ่ายภาษีเป็นเงินหลักหมื่นบาท โดยที่ไม่ทราบมาก่อนว่า หากสมัครแล้วจะต้องมีค่าภาษีจากรายได้ในการร่วมโครงการฯ และเจ้าหน้าที่ธนาคารที่มาสมัครโครงการฯ ให้ที่ร้านก็ไม่ได้แจ้งให้ทราบ ทำให้ทางร้านต้องเสียทั้งภาษีจากการซื้อของเข้าร้าน ภาษีร้านค้า และยังต้องมาเสียภาษีจากรายได้ในโครงการนี้อีก ยิ่งเป็นการเพิ่มภาระให้ทางร้าน หากเงื่อนไขของการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งในครั้งนี้ยังเป็นแบบนี้อยู่ ตนเองก็คงไม่เข้าร่วม แต่หากรัฐบาลแก้ไขเรื่องนี้ได้ก็อาจจะสมัครเข้าร่วม

ขณะที่ เจ้าของร้านขายข้าวแกง กล่าวว่า พอจะทราบข้อมูลข่าวสารอยู่บ้างเกี่ยวกับการที่รัฐบาลจะมีโครงการคนละครึ่งพลัส มาช่วยเหลือประชาชน แต่ก็ยังไม่ทราบรายละเอียดมากนัก แต่ก็นับว่าเป็นโครงการที่ดีที่รัฐบาลจะช่วยเหลือประชาชน แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่าสิ่งที่เป็นปัญหาหลักของประชาชนคนหาเช้ากินค่ำ คือการสมัครและการลงทะเบียนที่ยุ่งยาก เช่น ต้องหยุดงานไปเป็นวัน เพื่อที่จะไปต่อคิวสมัคร กว่าที่ขั้นตอนจะเสร็จสมบูรณ์ก็กินเวลาไปเกือบ 2 วัน

ครั้งนี้ยอมรับว่า ค่อนข้างถอดใจและอาจจะไม่สมัครเข้าร่วม เพราะเข็ดขยาด เนื่องจากครั้งที่แล้วตนเองต้องหยุดงานไปต่อคิวสมัคร แต่พอสมัครเสร็จยังไม่ทันจะได้ร่วมโครงการ ก็มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้น กลายเป็นว่าเสียเวลา เสียรายได้ไปโดยเปล่าประโยชน์

เช่นเดียวกับแม่ค้าขายผักสด กล่าวว่า ตนเองไม่เคยได้รับเงินช่วยเหลือจากโครงการคนละครึ่งเลย ไม่ว่าจะในยุครัฐบาลไหน แม้จะทราบข่าวว่ารัฐบาลมีโครงการช่วยเหลือก็ตาม เพราะตนเองเป็นชาวบ้านหาเช้ากินค่ำ หากต้องหยุดขายผักเพื่อไปต่อคิวเป็นเวลาวันสองวัน ก็คงทำให้สูญเสียรายได้

มีช่วงแรกๆ ที่มีโครงการ ตนเองต้องเดินทางไปสมัครที่ธนาคารอยู่ 3 วันติด แต่ก็ไม่ถึงคิว แม้จะไปตั้งแต่เช้าตรู่ แต่คิวที่ได้ก็ปาเข้าไปกว่าลำดับที่ 300 ทำให้ถอดใจตั้งแต่ครั้งนั้นมา ครั้งต่อๆ มา ไม่ว่าเฟสไหนตนเองจึงไม่เข้าร่วม เพราะเบื่อหน่ายกับขั้นตอนที่ยุ่งยาก แม้เงินที่รัฐบาลให้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่ตนเองก็ขอขายผักไปแบบนี้ ดีกว่าต้องไปลำบากเข้าคิว อีกอย่างตนเองอายุมากแล้ว เรียนไม่สูง อ่านหนังสือไม่ออก ถอนแค่เงินได้ แม้การผักจะได้กำไรวันละไม่กี่ร้อยก็พอใจ

คุณอาจสนใจ

Related News