ผู้ว่าฯ กทม. ยืนยัน ปีนี้ กรุงเทพมหานคร น้ำไม่ท่วม ยอมรับพายุเท่ากับปี 54 แต่ระบบบริหารจัดการน้ำดีขึ้น

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายฐนโรจน์ วรรัฐประเสริฐ ผู้อํานวยการศูนย์อํานวยการน้ำแห่งชาติ ( สทนช.) ร่วมแถลงชี้แจงถึงสถานการณ์น้ำ ปี 2568

โดย นายชัชชาติ ยืนยันว่า ในปีนี้น้ำไม่ท่วมกรุงเทพมหานคร เหมือนที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะท่วมเหมือนปี 2554 พื้นที่กรุงเทพมหานครปีนี้ มีน้ำฝนสูงกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ 9 แต่โดยภาพรวมสถานการณ์การระบายน้ำดีขึ้น เพราะมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จากปริมาณน้ำไหลผ่านจุดตรวจวัดสำคัญ ทั้งที่ จ.นครสวรรค์ และที่อําเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี มีปริมาณน้อยกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554 ถึง ร้อยละ 34 รวมถึงในปีนี้ มีระบบการบริหารจัดการน้ำที่ดีขึ้น

สำหรับจุดสังเกตปริมาณน้ำที่ C2 B สามโคก 6 ตุลาคม ปี 2554 อยู่ที่ 3,930 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วน ปี 2565 อยู่ที่ 3,003 ลูกบาศก์ เมตรต่อวินาที เมื่อเทียบกับปี 2568 อยู่ ที่ 2,421 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เท่านั่น

ส่วนคาดการณ์ ช่วงเวลาน้ำหนุนสูงสุดวันที่ 10 และ 11 ตุลาคม 2568 ก็ไม่มีผลกระทบต่อแนวป้องกันน้ำท่วมของกรุงเทพมหานคร ส่วนของมีเขื่อนกันแนว จากข้อมูลระดับน้ำช่วงที่สูงสูงสุดคือ 5 ตุลาคมอยู่ที่ 1.60 เมตรซึ่งห่างจากเขื่อนประมาณ 1 เมตร 50 แต่อาจจะมีผลกระทบกับพื้นที่นอกแนวคันซึ่งมีอยู่ประมาณ 11 ชุมชน 320 หลังคาเรือนครอบคลุม 6 เขต โดยกรุงเทพมหานครได้เตรียมมาตรการป้องกันน้ำท่วมชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยาไว้แล้ว ทั้งการสร้างทางเดินชั่วคราว และการวางแนวกระสอบทรายที่เตรียมกว่า 1,130,000 ใบ กระจายไปทั่วทุกเขต ใช้ไปแล้วกว่า 198,000 ใบ ซึ่งแนวกระสอบทรายที่วางส่วนใหญ่จะวางในตามแนวจุดฟันหล่อ นอกคัน 10 จุด เช่น ชุมชนโรงสี พระราม 3 รวมถึงการมอนิเตอร์น้ำในคลองสายหลักของกรุงเทพมหานครเพื่อเฝ้าระวัง

ส่วนกรณีที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะมีปรับการระบายน้ําเพิ่มในห้วงเวลานี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า ไม่มีความน่ากังวล ถึงแม้ว่ากรุงเทพมหานครจะเป็นปลายทางของน้ำ แต่เชื่อว่าบริหารจัดการน้ำร่วมกับหลายหน่วยงานสามารถบริหารจัดการน้ำได้ และมีการชะลอน้ำเพื่อให้ทยอยระบายลงมา ก่อนถึงกรุงเทพมหานคร ยืนยันไม่ท่วมอย่างแน่นอน

ทางด้าน นายฐนโรจน์ วรรัฐประเสริฐ ผู้อํานวยการศูนย์ อํานวยการน้ำแห่งชาติ ( สทนช.) ระบุว่าข้อมูลจนถึงวันที่ 6 ตุลาคม ปริมาณน้ำในสี่เขื่อนหลักยังสามารถรองรับน้ําได้ ทั้งในเขื่อนภูมิพล , สิริกิติ์ , แควน้อย และป่าสักฯ

ขณะนี้มีปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลักรวมกว่า 2,185 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีปริมาณน้ำไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาเฉลี่ย 7.46 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน  ถือว่า น้อยกว่าช่วงปี 2554 ที่มีการไหลมากจนเกิดน้ำท่วมใหญ่

สําหรับตอนนี้ เช่น เขื่อนสิริกิติ์ มีน้ำกักเก็บอยู่ที่ร้อยละ 96 ของความจุเขื่อน  เขื่อนแควน้อยในปัจจุบัน น้ำล้น ซึ่งมีน้ำที่ลงมาเติมจากลําน้ำน่าน แต่หลังจากนี้ ระดับน้ำจะเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ โดยใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ ส่วน เขื่อนภูมิพล สถานการณ์ปัจจุบันมีระดับน้ำอยู่ที่ ร้อยละ 89 ของความจุเขื่อน เป็นต้น

ในปัจจุบัน มีการประเมินปรับการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนภูมิพล เพิ่มแต่ทั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อระดับน้ำลุ่มเจ้าพระยา

นายฐนโรจน์ ได้อธิบายถึงข้อมูลเปรียบเทียบน้ำปี 2568 กับปี 2554 ว่า โดยทั้ง 2 ปี มีจำนวนพายุเท่ากัน คือ 5 ลูก และมีฝนมากกว่าค่าปกติราว ร้อยละ 12 แต่ด้วยการบริหารจัดการน้ำและการพร่องน้ำอย่างต่อเนื่อง ทำให้สถานการณ์น้ำในปี 2568 ยังสามารถควบคุมได้

ขณะเดียวกันในวันนี้ กรมชลประทานได้มีการปรับอัตราการระบายน้ําท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลงอยู่ในระดับ 2,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจะปรับลงตามลําดับตามลําดับ ไปจนถึงช่วงกลางเดือนตุลาคม จึงขอให้มั่นใจได้ว่าระดับน้ำในขณะนี้ ไม่ได้ส่งผลทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร