พ่อค้าแม่ค้า สนใจเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส รับช่วยกระตุ้นยอดขาย แต่กังวลภาษีย้อนหลัง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 ต.ค. 2568 ผู้ค้ารายย่อยหลายราย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับท่าทีต่อโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่รัฐบาลประกาศจะนำกลับมาใช้ในช่วงเดือนตุลาคม 2568 โดยมีทั้งผู้ค้าที่สนใจเข้าร่วม เพราะคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายและกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันบางรายก็แสดงความกังวลเรื่องภาษีที่เคยถูกเก็บย้อนหลังในรอบก่อน

จากการลงพื้นที่ร้านค้าในพื้นที่ ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น สอบถาม นายอนันท์ อายุ 26 ปี เจ้าของร้านคู่หูน้ำเต้าฮู้ กล่าวว่า สำหรับโครงการคนละครึ่งของร้านค้า ตนเองสนใจที่จะเข้าร่วม เพราะคิดว่าจะสามารถช่วยเพิ่มยอดขายให้กับทางร้านได้ เนื่องจากตนเองเคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งในฐานะประชาชนทั่วไปมาก่อน และมองว่าเป็นโครงการที่ดีช่วยลดค่าใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมาก

ด้าน นางสาวศิริมาตย์ อายุ 47 ปี เจ้าของร้านอยากตำชุมชนเคหะ ระบุว่า โครงการคนละครึ่งรอบนี้ ตนเองสนใจที่จะเข้าร่วม เพราะเคยเข้าร่วมรอบก่อนแล้วเห็นผล สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มยอดขาย ลูกค้าก็เพิ่มขึ้น แต่ยอมรับว่าในรอบก่อนมีประเด็นเรื่องการเก็บภาษีย้อนหลัง ทั้งที่ตอนแรกไม่ได้ระบุเงื่อนไขเรื่องการเก็บภาษีไว้ ดังนั้นหากรอบนี้ยืนยันว่าไม่มีการเก็บภาษี ก็ยิ่งทำให้น่าสนใจที่จะเข้าร่วมแน่นอน

ขณะที่ นางดวงพร อายุ 59 ปี ร้านแม่ดวงพร ทรนง กล่าวว่า ส่วนตัวไม่กล้าเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เพราะพ่อค้าแม่ค้าหลายคนบ่นว่าภาษีเยอะ ซึ่งเราเป็นร้านค้าที่ขายของได้กำไรเพียงแค่เล็กน้อย แต่ถ้าโครงการไม่คิดภาษีจริงๆอย่างที่บอก ก็อยากจะเข้าร่วม แต่ก็ขอให้เป็นความจริงอย่าโกหก เพราะโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี กระตุ้นเศรษฐกิจ ลูกค้าก็เพิ่มขึ้น และถ้าจะนำโครงการนี้กลับมาใช้จริง ก็อย่ามีเงื่อนไข ถ้าจะให้ก็ให้ไปเลย เพราะเศรษฐกิจแบบนี้พ่อค้าแม่ค้าจะตายอยู่แล้ว และอีกเรื่องที่อยากจะฝากนอกเหนือจากเรื่องปากท้องประชาชนแล้ว ก็คือเรื่องของยาเสพติด อยากให้ปรับให้จริงจังให้หมดไป

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นายประวิทย์ อายุ 49 ปี เจ๊พิกุลดอกไม้สด ให้สัมภาษณ์ว่า ส่วนตัวมองว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยพ่อค้าแม่ค้าได้ในระดับหนึ่ง ยิ่งช่วงนี้กับเศรษฐกิจแบบนี้ พ่อค้าแม่ค้าถือว่าย่ำแย่ขายของไม่ค่อยได้ ถ้าโครงการนี้รัฐบาลนำกลับมาใช้อีก ส่วนตัวก็เห็นด้วย และก็อยากจะเข้าร่วมโครงการ พอจะช่วยเพิ่มรายได้ยอดขาย รวมถึงลูกค้า เพราะรอบก่อนลูกค้าก็มักจะถามหาว่ามีโครงการคนละครึ่งไหม หรือโครงการช่วยเหลือของรัฐบาลไหม และตอนนี้ยิ่งมีสถานการณ์ชายแดนไทยกับกัมพูชา คนก็ไม่ค่อยอยากจะใช้เงิน อยากจะฝากถึงรัฐบาลว่า ถ้าจะทำก็ทำไป แล้วรีบมีโครงการใหม่ที่จะช่วยพ่อค้าแม่ค้าออกมา เพราะเป็นเรื่องสำคัญคือเรื่องปากท้อง

ขณะที่ นางวันทนีย์ อายุ 55 ปี ร้านปั่นๆ สมูทตี้ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองเป็นร้านค้าใหม่ ซึ่งก็กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะเข้าร่วมดีหรือไม่ดี แต่ลูกก็แนะนำว่าให้เข้าร่วมเพราะจะได้มีลูกค้า มีรายได้เพิ่ม ซึ่งก็จะรอดูอีกทีและปรึกษาลูกอีกครั้ง เพราะยังมีความกังวลในเรื่องของภาษีว่าจะมาเก็บเราย้อนหลังหรือไม่ เพราะรอบก่อนหน้านั้นได้ยินว่า คนที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งมาเจอภาษีย้อนหลัง สรุปว่าไม่ได้อะไรเลย เรื่องเงื่อนไขหรือความชัดเจนต่างๆของโครงการนั้น ส่วนตัวไม่ได้ศึกษาจากไหน มีแต่ปรึกษาลูกอย่างเดียว โดยลูกบอกให้เข้าร่วม เพราะจะได้มีรายได้มีลูกค้าเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ก็อยากจะฝากถึงรัฐบาลว่าถ้าช่วยประชาชนจริงๆ หรือต้องการให้มีโครงการนี้เกิดขึ้นจริง ก็ไม่อยากให้มีการเก็บภาษีกับประชาชน ช่วยก็คือช่วยจริงๆ ภาษีไม่ควรมี เพราะสิ่งที่พ่อค้าแม่ค้ากลัวก็คือเรื่องภาษี ถ้าถามถึงว่าเป็นโครงการที่ดีไหมถ้าตัดเรื่องภาษีออกไป ก็จะเป็นโครงการที่ดีอย่างมาก ที่จะเกิดผลดีกับทุกฝ่าย