"ชัชชาติ" ยัน กทม. พร้อมจ่ายหนี้ BTS 32,000 ล้าน เล็งขึ้นค่าโดยสารส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงกรณีศาลปกครอง มีคำสั่งให้กรุงเทพมหานครชำระหนี้ค่าเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวแก่ BTS จำนวนกว่า 11,068 ล้านบาท ภายใน 180 วันนั้น

ผู้ว่าฯ กทม. ยืนยัน กรุงเทพมหานครจะไม่อุทธรณ์คำสั่ง เนื่องจากหากยืดเวลาออกไป จะทำให้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และในวันนี้ได้เสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมสภา กทม. เพื่ออนุมัติงบประมาณจ่ายหนี้ดังกล่าวแล้ว

ซึ่งกรุงเทพมหานคร วางแผนจะชำระหนี้ที่ติดค้าง BTS ทั้งหมด ตั้งแต่หนี้ที่มีการฟ้องร้องคดีถึงปี 2565 ตามคำสั่งศาล แต่ กทม.มีแผนจะชำระหนี้ครอบคลุมไปถึงหนี้ที่ยังไม่มีการฟ้องร้อง ถึงเดือนสิงหาคม 2568 รวมวงเงินประมาณ 32,000 ล้านบาท โดยใช้เงินสะสมจ่ายขาด ของ กทม.ที่มีอยู่เกือบทั้งหมด จะเหลือเงินสำรองเพียง 2,000–3,000 ล้านบาท เพื่อกรณีฉุกเฉิน สาเหตุที่จ่ายหนี้ทั้งหมด ต้องการทำให้ปัญหาที่ค้างคามานานปิดฉากลงในสมัยการบริหารชุดปัจจุบัน และไม่เป็นภาระติดค้างในผู้บริหาร กทม.ชุดต่อไปในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยอมรับว่า ในอนาคตอาจจำเป็นต้องปรับราคาค่าโดยสารในส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีเขียว เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเดินรถอยู่ที่กว่า 7,100 ล้านบาทต่อปี แต่จัดเก็บรายได้จากค่าโดยสารได้เพียงราว 2,000 ล้านบาท ทำให้กรุงเทพมหานครต้องนำงบประมาณไปชดเชยมากกว่า 4,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งไม่สามารถแบกรับได้ต่อไป โดยเบื้องต้นอาจปรับอัตราค่าโดยสารจาก 15 บาท เป็นการคิดสูตรตามระยะทาง เหมือนกับรถไฟฟ้าสายอื่น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและสอดคล้องกับต้นทุนจริง ซึ่งแม้ว่าการปรับขึ้นค่าโดยสารจะทำให้จำนวนผู้ใช้บริการลดลงตามกลไกอุปสงค์และอุปทาน แต่ถือเป็นสิ่งจำเป็น เพราะไม่อาจใช้งบประมาณของประชาชนทั้งหมดมาสนับสนุนเรื่องดังกล่าวเพียงเรื่องเดียวได้ โดยเฉพาะเงินที่มาจากผู้ที่ไม่ได้ใช้บริการรถไฟฟ้า ที่ต้องนำมาชดเชยค่าใช้จ่ายส่วนนี้

สำหรับประเด็นหนี้ค่าโครงสร้างพื้นฐาน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า ยังต้องหารือกับรัฐบาล เนื่องจากการก่อสร้างเดิมเป็นของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ก่อนจะโอนมาให้กรุงเทพมหานครเป็นผู้รับผิดชอบ ทำให้ในอนาคตยังมี 2 เรื่องใหญ่ที่ต้องจัดการต่อ คือ ภาระการจ่ายค่าจ้างเดินรถรายปีที่เก็บค่าโดยสารไม่เพียงพอ และหนี้ด้านโครงสร้างที่เป็นของรัฐบาล ซึ่งต้องหาข้อยุติร่วมกัน โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เน้นย้ำว่า การชำระหนี้จำนวน 32,000 ล้านบาทนี้ จะช่วยเคลียร์ปัญหาที่สะสมมานาน และเป็นการสร้างความมั่นใจว่ากรุงเทพมหานครจะเดินหน้าพัฒนาระบบขนส่งมวลชนได้อย่างมีเสถียรภาพในอนาคต