สังคม

ชมรมพนักงานสอบสวนตำรวจยอมรับ ตำรวจท้องที่ถูกเพิ่มภาระในคดีออนไลน์ปลดอายัดบัญชีธนาคาร

โดย JitrarutP

15 ก.ย. 2568

141 views

ชมรมพนักงานสอบสวนตำรวจ ยอมรับ ตำรวจท้องที่ถูกเพิ่มภาระจากการปลดอายัดบัญชีธนาคาร เสนอเพิ่มพนักงานสอบสวนคดีออนไลน์ประจำทุกจังหวัด เห็นควรตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจทำหน้าที่ปลดบัญชีที่ถูกอายัดเป็นการเฉพาะ

จากกรณีที่มีพนักงานสอบสวนออกมาโพสต์เฟซบุ๊กเปิดเผยว่า กระบวนการอายัดบัญชีธนาคารที่เป็นบัญชีม้าหรือต้องสงสัยว่าพัวพันกับบัญชีม้า ผู้ดำเนินการอายัดเป็นหน่วยงานส่วนกลาง อย่างเช่น ตำรวจไซเบอร์ ปปง. ธนาคาร แต่พอเกิดผลกระทบกับผู้เสียหายที่ถูกอายัดบัญชีทั้งที่รับเงินมาโดยสุจริตและไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กลับให้พนักงานสอบสวนตามท้องที่เป็นผู้ดำเนินการสอบสวนปลดอายัด ซึ่งกลายเป็นการเพิ่มภาระให้แก่พนักงานสอบสวนท้องที่เกินสมควร

ทีมข่าวอาชญากรรม ช่อง 3 จึงได้พูดคุยกับ พ.ต.อ.ภูมิรพี ผลาภูมิ ผกก.สภ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี ในฐานะกรรมการและนายทะเบียนชมรมพนักงานสอบสวนตำรวจ และอนุกรรมการ ก.ตร. เกี่ยวกับพัฒนางานสืบสวนสอบสวน ถึงกรณีดังกล่าว

โดย พ.ต.อ.ภูมิรพี ยอมรับว่า กระบวนการดังกล่าวเป็นการเพิ่มภาระให้กับพนักงานสอบสวนของท้องที่จริง โดยเปรียบเทียบว่า ตามปกติแล้วพนักงานสอบสวนตามท้องที่จะมีคดีอาญาอย่างน้อย 8-9 แสนคดีต่อปี ในจำนวนนี้เป็นคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4-5 แสนคดีต่อปี เมื่อดูตามโรงพักต่าง ๆ แล้ว พบว่ามีคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่ำเป็นหลักหมื่นกว่าคดี แต่เมื่อเปรียบเทียบกับ คดีที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือตำรวจไซเบอร์แล้ว กลับพบว่าในห้วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่รับผิดชอบเพียงแค่หลักหมื่นกว่าคดี

จึงเห็นได้ว่า ลำพังพนักงานสอบสวนตามท้องที่มีคดีอาชญากรรมปกติก็เยอะพออยู่แล้ว ก็ต้องมาแบกรับภาระคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้น เช่น คดีหลอกลวงซื้อขายทางออนไลน์ที่ประชาชนส่วนใหญ่ก็แจ้งความที่โรงพักท้องที่กัน

นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนตามโรงพักยังถูกเพิ่มภาระด้วยการทำหน้าที่ปลดอายัดบัญชีธนาคาร ซึ่งประเด็นดังกล่าวต้องย้อนดูไปที่ต้นเรื่อง เมื่อมีผู้เสียหายแจ้งความในระบบออนไลน์ของตำรวจ ก็จะนำไปสู่การส่งเรื่องให้ทางธนาคาร ปปง. และตำรวจไซเบอร์ เป็นผู้พิจารณาต่อในการสืบหาเส้นทางการเงินของบัญชีม้าและเส้นทางการเงินที่ต่อเนื่องกัน ก่อนจะนำมาสู่การออกหมาย HR03 ของ ปปง. ในการอายัดบัญชีธนาคารที่เชื่อมโยงกันในฐานะบัญชีธนาคารที่มีความเสี่ยงสูงและไม่สามารถที่จะทำธุรกรรมผ่าน Mobile Banking ได้ แต่ยังคงสามารถฝากถอนโอนที่สาขาธนาคารได้ตามปกติ



ปรากฏว่า เมื่อบัญชีธนาคารของบุคคลทั่วไปที่เพียงแค่รับเงินโอนจากบัญชีม้าผ่านการซื้อสินค้าและบริการทั่วไปที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการ แต่กลับถูกอายัดไปด้วย บุคคลเหล่านั้นก็จะต้องมาร้องขอให้ปลดการอายัดบัญชี เพื่อบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้น

แต่ประเด็นคือ ตามกฎหมายแล้วได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนตามท้องที่ต่าง ๆ เป็นผู้ดำเนินการ สอบสวนเพื่อทำเรื่องปลดการอายัดบัญชี โดยพนักงานสอบสวนจะต้องสอบปากคำทั้งจากผู้เสียหายและเจ้าของบัญชีธนาคาร หรือรอพยานหลักฐานเอกสารเพิ่มเติมมายืนยัน เช่น คำสั่งไม่ส่งฟ้องของพนักงานอัยการหรือคำพิพากษาถึงที่สุดของศาล เพื่อนำมาประกอบข้อมูลส่งให้กับ 3 หน่วยงานข้างต้นในการพิจารณาการปลดอายัดบัญชีธนาคารต่อไป

ซึ่งกระบวนการดังกล่าวนั้นค่อนข้างล่าช้า บางเคสใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 6-7 เดือน เพราะพนักงานสอบสวนจะต้องสอบให้ชัดว่า บัญชีธนาคารที่มาร้องขอให้ปลดการอายัดบัญชีนั้นไม่ใช่บัญชีม้าจริง ๆ และเป็นการรับเงินมาโดยสุจริต รวมทั้งจะต้องอ้างอิงท้องที่ที่แจ้งความหรือท้องที่ที่ผู้เสียหายกับผู้ได้รับผลกระทบมีถิ่นพำนัก โดยอาจจะให้พนักงานสอบสวนแต่ละท้องที่ส่งเรื่องกันไปมาได้ ซึ่งนั่นจึงเป็นเจตนารมณ์ของข้อกฎหมายว่า ทำไมถึงให้พนักงานสอบสวนท้องที่เป็นผู้รับผิดชอบ ก็เพราะจะให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเป็นผู้สอบปากคำรายคดีไป

แต่กระบวนการดังกล่าวนั้น ยิ่งเป็นการเพิ่มภาระให้กับพนักงานสอบสวนเข้าไปใหญ่ เพราะโดยลำพังพนักงานสอบสวนก็มีงานทางคดีที่ล้นมืออยู่แล้ว ซึ่งยังส่งผลทำให้พนักงานสอบสวนหลายรายทยอยลาออกหรือโยกย้ายหน่วยงาน ไปจนถึงเกิดภาวะซึมเศร้าและฆ่าตัวตายก็มี และกลายเป็นผลกระทบลูกโซ่ส่งผลไปยังเรื่องของพนักงานสอบสวนขาดแคลน ทั้งจำนวนบุคลากรและปัญหาไม่มีพนักงานสอบสวนที่เชี่ยวชาญคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นการเฉพาะ

ดังนั้นด้วยเหตุที่กล่าวมาข้างต้น ทางชมรมจึงมีข้อเสนอ ว่า ประการแรก ควรจะต้องเพิ่มพนักงานสอบสวนให้มากขึ้น ทั้งจำนวนบุคคลที่ปกติแล้วผลิตได้เพียงแค่ 500-1,000 คนต่อปี ควรจะต้องผลิตให้อย่างน้อย 2-3 พันคนต่อปี เพื่อเพียงพอต่อทุกหน่วยงานของตำรวจ และในเรื่องของคุณภาพที่ควรจะต้องผลิตพนักงานสอบสวนที่มีความเชี่ยวชาญด้านคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นการเฉพาะ

ประการที่ 2 เนื่องจากเรามีตำรวจไซเบอร์อยู่แล้ว ก็ควรจะให้ตำรวจไซเบอร์กระจายสถานีตำรวจของตนเองประจำอยู่ตามตำรวจภูธรจังหวัดหรือนครบาล โดยจัดให้มีกำลังพนักงานสอบสวนที่เชี่ยวชาญด้านคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเพียงพอ เพราะมองว่า หากประชาชนเข้าแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ได้โดยตรง จะสามารถทำให้คดีดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นและก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน อีกทั้งจะได้ไม่เบียดบังภาระหน้าที่ของพนักงานสอบสวนท้องที่ทั่วไปที่รับผิดชอบคดีอาญาอยู่แล้ว หากประชาชนมาแจ้งความคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่โรงพักต่าง ๆ ก็สามารถส่งเรื่องไปที่สถานีตำรวจไซเบอร์แต่ละจังหวัดได้โดยง่าย โดยเปรียบเทียบเสมือนองค์กรอัยการและศาลที่ยังแบ่งเป็นแผนกคดีต่าง ๆ อย่างชัดเจนในแต่ละเขตอำนาจ อันจะทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกมากขึ้น

ประการสุดท้าย เสนอว่าหน่วยงานไหนเป็นผู้อายัดบัญชี หน่วยงานนั้น ก็ต้องรับผิดชอบในการปลดอายัดบัญชี นั่นก็คือ 3 หน่วยงาน ทั้งธนาคาร ปปง. และตำรวจไซเบอร์ แต่ถ้าหากมองว่าก็มีภาระงานที่หนักเช่นเดียวกัน ก็เห็นควรเสนอว่า ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่รับเรื่องการปลดอายัดบัญชีธนาคารโดยเฉพาะแก่ผู้เสียหายโดยตรง เพื่อเป็นการผ่อนบรรเทาภาระของพนักงานสอบสวนทั้งในส่วนของตำรวจไซเบอร์และตำรวจท้องที่

โดยตนและชมรมเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งในมุมมองของพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกอายัดบัญชีทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและใช้ระยะเวลานานกว่าจะปลดล็อคบัญชีได้ อันจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันและเศรษฐกิจ รวมทั้งมุมมองของพนักงานสอบสวนท้องที่ที่ถูกเพิ่มภาระโดยใช่เหตุ



เช่นว่านี้ ข้อเสนอดังกล่าวจะได้นำส่งพิจารณาให้ประธานชมรมพนักงานสอบสวนตำรวจได้รับทราบ ก่อนจะส่งเรื่องเข้าไปยังอนุกรรมการ ก.ตร. เกี่ยวกับพัฒนางานสืบสวนสอบสวน เพื่อส่งเรื่องต่อไปยัง ก.ตร. ชุดใหญ่และถึงผู้บังคับบัญชาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการแก้ไขปัญหานี้ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการส่งเรื่องได้ภายในสัปดาห์หน้า

แท็กที่เกี่ยวข้อง  อายัดบัญชีธนาคาร ,บัญชีม้า

คุณอาจสนใจ

Related News