สังคม

สช.ผุดไอเดีย ชงรัฐอุดหนุน “ฟิตเนสคนละครึ่ง” จูงใจประชาชนลดโรคไม่ติดต่อ NCDs

โดย nicharee_m

14 ก.ย. 2568

610 views

สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติผุดไอเดีย เสนอรัฐอุดหนุน “ฟิตเนสคนละครึ่ง” กระตุ้นประชาชนลดน้ำหนัก เพิ่มการออกกำลังกาย ลดโรคไม่ติดต่อ NCDs

เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2568 สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) จัดการประชุมคณะกรรมการพัฒนานโยบายสาธารณะว่าด้วยการสานพลังสร้างสภาวะแวดล้อมทางกายภาพและสังคมเพื่อลดโรคไม่ติดต่อ 1/2568 โดยมี นพ.โสภณ เมฆธน เป็นประธาน เพื่อร่วมกันหารือถึงความคืบหน้าและแนวทางในการลดโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ตามมติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นฯ ที่มุ่งสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนํามติไปขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อส่งเสริมการสร้างสภาวะแวดล้อมทางกายภาพและทางสังคมเพื่อลดโรคไม่ติดต่อ หรือ NCDs Ecosystem สำหรับแผน NCDs Ecosystem มีกรอบทิศทางนโยบายในการใช้มาตรการ 3:5:5 เพื่อลดโรค NCDs

ประกอบด้วย “3 กลไกสร้างแรงจูงใจ” 1. เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม 2. กลไกการคลัง 3. เครดิตทางสังคม ร่วมกับ “5 มาตรการหลัก” 1. จัดระเบียบ ลดการเข้าถึงสินค้าทำลายสุขภาพ 2. ส่งเสริมการผลิตและเข้าถึงสินค้าดีต่อสุขภาพ 3. สร้างสิ่งแวดล้อมเอื้อต่อสุขภาพ 4. สื่อสาร-จำกัดการโฆษณา ส่งเสริมความรอบรู้สุขภาพ 5. สร้างประสบการณ์ พัฒนาศักยภาพคน ภายใต้ “5 ระบบและกลไกหนุนเสริม” 1. เครื่องมือนโยบาย มาตรฐาน 2. นวัตกรรม โมเดล การขยายผลเชิงระบบ 3. ระบบเฝ้าระวัง บังคับใช้กฎหมาย 4. ระบบกำกับ ติดตาม ประเมินผล 5. ระบบบริหาร ตัดสินใจ และสนับสนุนการลงทุน

นพ.โสภณ เปิดเผยว่า ปัจจัยของการลดโรค NCDs ต้องมุ่งความสำคัญในสองเรื่อง ได้แก่ การลดน้ำหนักควบคู่กับการออกกำลังกาย เรื่องนี้สามารถขับเคลื่อนได้ทั้งสองระดับคือในระดับนโยบายส่วนกลาง ที่ต้องแสวงหามาตรการหรือนวัตกรรมเข้ามาช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงในภาพกว้าง กับอีกส่วนคือการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นในระดับท้องถิ่น หน่วยงาน องค์กร หรือชุมชน ที่จะนำเครื่องมือหรือนวัตกรรมที่เกิดขึ้นไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับบริบทของแต่ละแห่ง

นพ.โสภณ กล่าวว่า ในระดับนโยบายตัวอย่างเช่น หากปัจจุบันมีการพูดถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยโครงการ “คนละครึ่ง” เราจะนำมากระตุ้นการออกกำลังกายด้วยได้หรือไม่ เมื่อประชาชนไปสมัครฟิตเนสแล้วรัฐช่วยออกให้อีกส่วนแบบนี้เป็นต้น ซึ่งบางองค์กรเอกชนก็มีการทำในลักษณะนี้ หรือ “หวยเกษียณ” ที่เป็นการออมเงินและลุ้นรางวัล ถ้าเอามาใช้กับกิจกรรมทางกายภาพ เดินออกกำลังกายสะสมเป็นแคลอรีเครดิตแล้วมาลุ้นรางวัลได้ เหล่านี้คือกลไกที่สามารถออกแบบมาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างสภาวะแวดล้อมเพื่อลดโรค NCDs

ขณะเดียวกันในระดับพื้นที่เอง ก็สามารถดำเนินเป็นนโยบายของท้องถิ่น ตัวอย่างเช่นกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ใช้กลไกภาษีที่ดินกระตุ้นให้ภาคเอกชนนำที่ดินเปล่ารกร้างมาให้ กทม. ทำสวน 15 นาที เป็นการปรับสภาพแวดล้อมที่ช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางกาย (Physical Activity: PA) หรือบางจังหวัดนำเครื่องมือ Calories Credit Challenge (CCC) ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปสร้างแรงจูงใจให้คนออกกำลังกาย เป็นต้น นอกจากนี้อีกส่วนสำคัญคือพัฒนาระบบฐานข้อมูล Big Data รวมถึงระบบการกำกับ ติดตาม ประเมินผล เพื่อที่จะสามารถชี้วัดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางสุขภาพของประชาชนได้

“สำหรับรัฐบาลใหม่ นายกรัฐมนตรีเองก็เคยเป็น รมว.สาธารณสุข เชื่อว่าท่านรู้ว่าคุณภาพชีวิตและสุขภาพของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ มาตรการอะไรที่ดีและตรงกับนโยบายของท่าน ก็น่าจะถูกดึงไปขับเคลื่อนได้ในเร็ววัน ซึ่งก็ต้องรอติดตามกันต่อไป แต่ความจริงแล้วเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรอให้มีนโยบายระดับประเทศออกมาเท่านั้น เพราะในระดับจังหวัด องค์กร ชุมชน ล้วนสามารถเดินหน้าทำในภาพของแต่ละแห่งไปได้เลย มีอะไรเป็นนวัตกรรม รูปแบบการขับเคลื่อนที่ดี ก็สามารถนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และขยายไปด้วยกัน” นพ.โสภณ กล่าว

ทั้งนี้ ภายในที่ประชุมดังกล่าวได้มีการนำเสนอถึงความคืบหน้าในการขับเคลื่อน NCDs ของภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันร่าง พ.ร.บ.โรคไม่ติดต่อ พ.ศ. ... ซึ่งปัจจุบันยังไม่ผ่านเข้า ครม. จึงต้องรอเสนอในโอกาสถัดไป, การนำมาตรการจูงใจทางภาษีเพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางกายภายในประเทศไทย ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการศึกษาทางวิชาการเพิ่มเติม, การส่งเสริมบทบาทภาคธุรกิจเอกชน

โดย สช. ได้หารือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงการบูรณาการมิติด้านสุขภาพเข้ากับเกณฑ์ Environment Social Governance (ESG) ซึ่งจะมีการศึกษาวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางการผนวกเข้าในเกณฑ์ใหม่ที่ ตลท. จะใช้ในปีหน้า รวมถึงจะมีการประสานความร่วมมือกับสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ในการผนวกมิติสุขภาพกับหลักสูตรการจัดฝึกอบรมให้กับผู้ประกอบการ ภาคธุรกิจเอกชนต่างๆ

คุณอาจสนใจ