สังคม

ผอ.-ครู รวบรวมเงิน ช่วยส่งนักเรียนชาวกัมพูชา ถูกผลักดันกลับประเทศ หลังพบเป็นบุคคลต่างด้าว

โดย nicharee_m

28 ส.ค. 2568

138 views

ผอ.โรงเรียน-ครู รวบรวมเงิน 1.4 หมื่นไปส่ง เด็กชายชาวกัมพูชาที่ถูกผลักดันกลับประเทศ ครูเผยเป็นเด็กเรียนดี เกรด 4 ทุกวิชา เป็นห่วงเด็กในฐานะครู ล่าสุด ตม.สุรินทร์ นำตัวกลับคืนเพื่อมาสอบปากคำเพิ่มเติม

วันที่ 28 ส.ค.68 จากกรณีเหตุการณ์ดรามาครูนักเรียนร้องไห้กอดกัน หลังจากตำรวจพาแม่ชาวกัมพูชา ไปเชิญตัวเด็กชาย อายุ 13 ปี ออกจากโรงเรียนบัวเชดวิทยา อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ เพื่อผลักดันกลับประเทศกัมพูชา หลังพบว่าไม่มีเอกสารที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด นางสาวกชพร ชุมเพชร ผอ.โรงเรียน พร้อมด้วยคณะครูบัวเชดวิทยา ได้เดินทางมายัง สนง.ตรวจคนเข้าเมือง จ.สุรินทร์ เพื่อนำเงินที่รวบรวมกันได้จำนวน 14,000 บาท มาให้เด็กชายชาวกัมพูชา อายุ 13 ปีและแม่ เพื่อไว้ใช้จ่ายระหว่างที่ไปอยู่ประเทศกัมพูชา รอผู้ใหญ่ใจดีทางประเทศกัมพูชา ที่รับปากว่าจะช่วยเดินเรื่องเอกสารให้สองแม่ลูกดังกล่าว หลังจากนายพัฒนา ชื่นยง ผจก.ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม เป็นคนกลางประสานกับนักธุรกิจชาวกัมพูชาให้ช่วยเหลือ เนื่องจากสงสารสองแม่ลูกอีกด้วย

ซึ่ง ผอ.และคณะครูเดินทางมาไม่ทันสองแม่ลูก หลัง จนท.ตม.สุรินทร์ ได้นำตัวไปส่งที่ด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตั้งแต่ช่วงสายที่ผ่านมา ก่อนที่ ผอ.จะโทรศัพท์หาลูกศิษย์ด้วยความเป็นห่วง และฝากให้กำลังใจกับเด็กชาย ว่าจะได้กลับมาเรียนในเร็วๆ นี้ พร้อมกับโอนเงินผ่านบัญชี จนท.ตม.สุรินทร์ เมื่อถึงปลายทางก็จะกดเงินสดให้ติดตัวกลับไป ซึ่งสองแม่ลูกยังมีญาติพี่น้องที่ฝั่งกัมพูชาอีกด้วย ที่ต้องไปพักอาศัยอยู่ก่อน ระหว่างที่ดำเนินการเรื่องเอกสาร

สำหรับเด็กชายชาวกัมพูชาคนดังกล่าว ไม่มีเอกสารใด นอกจากใบเกิดจาก รพ.ในจังหวัดกำปงจาม ประเทศกัมพูชา ส่วนมารดา ระบุว่า เคยยื่นเรื่องทำบอเดอร์พาสมา 5 ปีแล้ว แต่ยังไม่ได้ ซึ่งหลังจากกลับไปและมีผู้ใหญ่ใจดีทางกัมพูชาจะช่วยดำเนินการเรื่องเอกสาร

และเมื่อเดินทางกลับมาประเทศไทยได้แล้ว ทาง จนท.ตม.สุรินทร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แนะนำให้สามีซึ่งเป็นคนไทย สามีของนางมอม ชาวกัมพูชา ร้องต่อศาล เพื่อยืนยันว่าเป็นลูกชายของตนจริงและต้องตรวจดีเอ็นเอ หรือยินยอมรับเด็กชายกัมพูชาเป็นลูกบุญธรรม ที่ถูกต้องตากฎหมาย ก่อนที่ จนท.หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ พมจ.สุรินทร์ รวมทั้ง สพม.สุรินทร์ ที่จะได้ช่วยเหลือเด็กชายรายนี้ตามระเบียบกฏหมายได้ต่อไป

นางสาวกชพร ชุมเพชร ผอ.โรงเรียนบัวเชดวิทยา เปิดเผยว่า เมื่อวานที่ผ่านมา มีตำรวจจาก สภ.บัวเชด ติดต่อมา มีคนแจ้งจับผู้ปกครองนักเรียน ในข้อหาลักลอบเข้าเมืองพร้อมกับลูก เข้ามาจากเขมร โดยเข้ามาแบบผิดกฎหมาย จากนั้นตำรวจก็จะมาขอนำตัวเด็กไปที่ สภ.บัวเชด มันเป็นเรื่องของกฎหมาย เราเป็นข้าราชการ เราก็ต้องปฎิบัติตามกฏหมาย ก็ยินดีให้พาเด็กไป

ขณะเดียวกันเราก็ได้ส่งครู และรอง ผอ.ไปดูแลเด็กที่ สภ.บัวเชด ซึ่งขณะนั้นไม่ได้คิดว่าจะเหตุการณ์ร้ายแรงขนาดนี้เกิดขึ้น คิดว่าเป็นเรื่องของกฎหมาย ตำรวจมาก็ต้องให้ความร่วมมือ จากนั้นในตอนเย็นก็ได้มีการเรียกประชุมครู ว่าจะช่วยกันหาแนวทางช่วยเหลือเด็กได้อย่างไร ซึ่งเด็กคนนี้ต่อให้เรียนดี หรือเรียนไม่ดี เขาก็เป็นนักเรียนของโรงเรียนบัวเชดวิทยา เขาคือเด็กของเรา ลูกของเรา เขามาเรียนกับเราด้วยความเป็นครู เรารักเขา เราพูดในฐานะของความเป็นครู ในฐานะที่เราเป็นเหมือนแม่ เหมือนพ่อคนหนึ่งที่ดูแลเขา เราไม่ได้พูดถึงกฎหมาย

เรายอมรับว่าเขาเข้ามาไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เด็กคนนี้เขาเข้ามาตั้งแต่เล็ก ตอนอายุ 3 ขวบ แม่เป็นคนหอบเขาเข้ามา แต่แม่ก็บอกว่าเขาเป็นลูกที่มีพ่อเป็นคนไทย และเข้ามาอยู่กับพ่อที่เป็นคนไทย จนเข้าเรียนชั้น ป.1 โรงเรียนบ้านโนนสังข์ และเขาก็มีเอกสารทุกอย่างเข้ามาเรียนต่อที่โรงเรียนบัวเชดวิทยา

ยืนยันเรารับเด็กตามระเบียบ ตามกฎหมาย คือเด็กมีใบ ปพ.มีใบเรียนจบจากบ้านโนนสังข์ แล้วก็รหัสของเขาขึ้นต้นด้วยจี ซึ่งทางนโยบายของรัฐบาลก็คือ เด็กทุกคนที่อยู่ในเมืองไทย ต้องมีโอกาสได้เรียน อันนี้ถ้าไปดูข้อกกหมายก็จะเห็นชัดเจน เราดำเนินการตามนโยบายทุกขั้นตอนในการรับเด็กเข้ามาเรียนในโรงเรียนบัวเชดวิทยา

รหัสจี หรือ จีโค้ด เป็นรหัสที่เด็กไม่ใช่คนไทย แต่เป็นเด็กต่างสัญชาติที่มาเรียน ซึ่งการเปิดรับเด็กนักเรียนจะต้องมีเอกสารมาครบทั้งหมด เราก็ต้องรับเขา ที่สำคัญตามนโยบายของ สพฐ.หรือกระทรวงศึกษาธิการ ก็บอกไว้ว่า เด็กกลุ่มนี้ก็สามารถเข้าเรียนได้ แล้วก็ยังสนับสนุนงบเรียนฟรี 15 ปี เด็กกลุ่มนี้ก็ได้รับงบในส่วนนี้ด้วย

ยืนยันเราดำเนินการการตามกฎหมาย แต่หลักด้านมนุษยธรรม ความเป็นครูของเรา เราอยากให้เด็กทุกคนที่อยู่ในเมืองไทยได้รับการศึกษา เรารักเขาเหมือนลูก ยิ่งเห็นเขาในสภาพที่ถูกพาตัวไปในสภาพชุดนักเรียนและต้องถูกถอดชุดนักเรียนออก ตำรวจไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดี ตามที่มีข่าวโพสต์ออกไป

ตำรวจที่ สภ.บัวเชด ไม่มีอะไรที่ทำไม่ดีกับเด็ก ไม่ได้ไปกักขังเด็กเลย ให้เด็กอยู่ข้างนอก ไม่มีการให้ไปอยู่ในคุกตามที่เป็นข่าวออกไป คุณครูและผู้ปกครองเด็กก็นั่งอยู่กับเด็กตลอดเวลา แต่เด็กจู่ๆ มาเจอเรื่องแบบนี้เป็นธรรมดาที่เขาจะรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งเราในฐานะที่เป็นครูก็ได้แต่ให้กำลังใจ

อีกอย่างต้องรับว่าครอบครัวเขายากจนไม่มีเงิน ถามมีเงินติดตัวกันแค่ 2 ร้อย พ่อแม่มีเงินติดตัวแค่คนละ 100 บาท ซึ่งทางโรงเรียนก็ให้เงินติดตัวมา 2 พันบาท เพราะเราเป็นห่วงเด็กว่าเด็กจะกลับไปอย่างไร อยู่อย่างไร แล้วจะกลับมาอย่างไร เป็นห่วงมาก คณะครูจึงได้ตามมาในวันนี้ และอยากให้ทุกคนเข้าในด้วย

ด้านนายโสภณ จงบริบูรณ์ ครูผู้ดูแล คนที่โพสต์เรื่องดังกล่าว เผยว่า ไม่เสียใจในสิ่งที่โพสต์ลงไป ในฐานะที่เราเป็นครู เข้าใจว่าทุกท่านรักชาติตนเองก็รักชาติไม่ต่างจากท่าน แต่สิ่งที่ตนโพสต์ออกไปในมุมมองของครูที่ได้อยู่ในเหตุการณ์ และเห็นเด็กของเราที่อยู่ในชุดลูกเสือแล้วต้องถอดออก เพื่อที่จะถูกส่งตัวมาที่ ตม.เพื่อจะส่งกลับประเทศ ซึ่งเขาไม่ได้เติบโตที่กัมพูชาเขาพูดไม่ออกเขียนไม่ได้ เราก็คิดถึงว่าเขาจะไปอยู่อย่างไร

ประกอบกับแม่ของเด็กก็ได้พูดกับตนว่าถ้าไปไม่รู้จะอยู่อย่างไร เพราะเขาไม่ได้อยู่ที่นั้นมานานแล้ว ก็เลยรู้สึกสงสารและนอนไม่หลับ ก็เลยขอโพสต์ลงนิดหนึ่ง ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นกระแสสังคมแรงขนาดนี้ ก็โอเคกับการที่โพสต์ออกไปเพราะอย่างน้อยมันได้เป็นเคสตัวอย่างกรณีศึกษาให้กับอีกหลายเคส และอยากให้เข้าใจในมุมมองของครูที่อยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้นด้วย

ฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถ้าหากว่าทำให้หน่วยงานใดได้รับผลกระทบก็ต้องขออภัยด้วย เราไม่มีเจตนาที่จะไปปรักปรำไปต่อว่า ทุกคนทำตามหน้าที่ตัวเอง ตนเองเพียงแค่เป็นห่วงลูกศิษย์อย่างเดียว อยากดูแลว่าจะเขาจะเป็นอย่างต่อไป

ส่วนที่เห็นรูปภาพที่เขาเขียนว่าขังเหมือนหมานั้นเขาพูดกับเพื่อน เขาถ่ายแล้วส่งให้เพื่อน เพื่อนก็ส่งให้ครูเขาไม่ได้ว่าใคร เขารู้สึกว่าเขาอยู่ตรงนั้นเขารู้สึกไม่โอเค ตนคิดว่าเจตนาของตนไม่ได้คิดที่จะทำร้ายใคร ทุกคนน่าจะเข้าใจ ตอนนี้ได้แต่วิงวอนให้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาช่วยดูแลเคสแบบนี้ด้วยคิดว่าตรงนี้คงไม่ใช่เคสเดียว

น้องเป็นเด็กเรียนดี เกรดเฉลี่ย 4.00 เป็นเด็กกีฬา เล่นดนตรีได้หลายอย่าง วิชาการก็ได้ ถือว่าเป็นเด็กเก่งคนหนึ่ง เป็นเด็กดีแล้วก็เก่งด้วย ครูบอก

ล่าสุดทราบว่า ทาง พ.ต.ท.อุดร ขาวแขก รอง ผกก.ตม.สุรินทร์ ได้ประสาน จนท.ตม.สุรินทร์ที่ขับรถไปส่งสองแม่ลูก ให้นำตัวเดินทางกลับมาที่ ตม.สุรินทร์ อ.กาบเชิง เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม และยังไม่ทราบรายละเอียด ขณะนี้อยู่ระหว่างเดินทางกลับ


คุณอาจสนใจ

Related News