สังคม

ป.ป.ท.เผยปมเช็ค 100 ล้านของหลวงพ่อ “อดีตพระอลงกต” อ้างถูกหลอกยืมเงินซื้อ ฮ.

โดย chutikan_o

28 ส.ค. 2568

161 views

ป.ป.ท.เปิดปาก “อดีตพระอลงกต” ปมเช็ค 100 ล้าน อ้างถูกหลอกยืมเงินซื้อ ฮ. ยังไร้คำตอบชัดเจนเรื่องตู้บริจาค ขณะเส้นทางการเงินโยงหลายบัญชี อดีตหลวงพ่อฝากถึงพระสงฆ์ “อย่าแตะเงิน”

พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. เปิดเผยถึงวันที่จับกุมก่อนที่อดีตพระอลงกตจะสึกว่า หลังจากท่านยอมก็มีการถามบางเรื่อง ทั้งเรื่องของวัดและเรื่องส่วนตัวของท่าน

ประเด็นเรื่องเช็คที่พบมูลค่า 100 ล้านบาทที่เป็นเช็คสั่งจ่ายในนามวัดพระบาทน้ำพุแต่ไม่มีการเอาไปเข้าบัญชี ท่านให้การว่าท่านถูกโกง มีคนมายืมเงินท่านและไม่ใช้ โดยคนที่มายืมเข้ามาดูแลและเอาเฮลิคอปเตอร์มารับท่านเวลามีกิจนิมนต์ต่างๆ พอสักพักนึงก็บอกว่าจะบริจาคเฮลิคอปเตอร์ให้ท่านคนเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็บอกว่าจะต้องขอยืมเงินเพื่อไปซื้อเฮลิคอปเตอร์อีกลำ แต่ท้ายสุดเมื่อเอาเงินไปก็ไม่มีการใช้เงินคืนและบริษัทก็ล้มไป

ส่วนเรื่องตู้บริจาคนั้น ไม่รู้ว่ามีกี่ตู้ และไม่มีการควบคุม รวมถึงการเก็บจากตู้ก็ตอบคำถามไม่ได้ ว่ามีวิธีการเก็บยังไง รู้เพียงว่าใครอยากได้ตู้รับบริจาคไปก็แค่เอาสำเนาบัตรประชาชนมาเป็นหลักฐานไว้ และเวลาส่งเงินคืนก็ค่อยส่งกลับมาที่วัด หรือจะโอนมาเข้าบัญชี แต่เมื่อถามว่าจะเชื่อใจได้อย่างไรว่าจะส่งครบทุกบาททุกสตางค์ ทางวัดบอกว่าอยู่ที่สำนึก ส่วนประเด็นส่วนแบ่ง 70-30 ไม่ได้มีการสอบถามลึกถึงขนาดนั้น แต่เข้าใจว่า 70 30 น่าจะมาจากเคสของหมอบีที่มีคนพูดกัน ที่มีการคาดเดากัน

ทั้งนี้ทาง ป.ป.ท. ยังได้มีการตรวจสอบร่วมกับทีมกองปราบ และ ปปง. เช็คตรวจสอบเส้นทางการเงินเบื้องต้นถอยหลังไปถึงปี 62 พบว่าทางบัญชีวัดและบัญชีมูลนิธิ รวมกันประมาณ 8-9 บัญชี โดยมีเงื่อนไขในเชิงของการรายงานธุรกรรม ว่า การโอนทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มียอด 700,000 บาทขึ้นไป และโอนเป็นเงินสดหน้าเคาน์เตอร์ 2 ล้านบาทขึ้นไป จะรายงานแค่สองส่วนนี้ ยังพบเงินรวมมากกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้หมายรวมถึงทั้งบัญชี ซึ่งหากรวมทั้งบัญชีต้องรอทางกองปราบส่งให้ทาง ปปง. ตามกฎหมายฟอกเงินซึ่งก็จะมีความละเอียดกว่านี้ และแน่นอนว่าจะต้องมีมูลค่าสูงกว่านี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาผิดทั้งหมด แต่ต้องไปสกัดมาตรวจสอบว่าบัญชีไหนเป็นบัญชีวัด และบัญชีไหนเป็นบัญชีมูลนิธิ แล้วเงินถ่ายที่ใคร ซึ่งถ้ามีการไปซื้อทรัพย์สินส่วนตัวก็จะเข้าข่ายฟอกเงิน

อดีตหลวงพ่ออลงกตอยู่ตรงนี้มาประมาณ 30 ปี การสื่อสารหรือแบรนดิ้งของท่านทำได้ดี จึงมีการบริจาค แรกๆ คงไม่มี แต่พอเงินหลั่งไหลเข้ามาผ่านมือท่านก็เกิดปัญหาเกิดขึ้น

นอกจากนี้ยังพบว่ามีเงินบางส่วนที่นำไปซื้อประกันชีวิต และกองทุน ซึ่งวันนี้ไวยาวัจกรจะต้องเอาเงินที่ขายกองทุนมูลค่า 10 ล้านบาท ไปมอบให้ท่าน ซึ่งตรงนี้ทางทีมปฏิบัติการ ก็อาจจะมองว่าเป็นการเตรียมตัวหลบหนีหรือไม่ เพราะในขณะก่อนที่จะถูกจับกุมก็มีข่าวแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่ได้ยืนยันว่าสิ่งที่ท่านถอนเงินจากกองทุน จะเอาเงินไปไหน

วันนี้ผู้เกี่ยวข้องเยอะทั้งฝั่งหมอบี และฝั่งอดีตเจ้าอาวาส และหากเส้นเงินไปแตะตรงไหน ก็จะต้องเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบ

ท่านฝากเอาไว้ถึงส่งว่าอย่าแตะเงิน อย่าจับเงิน นี่คือสิ่งที่ท่านฝาก เพราะเดี๋ยวจะเป็นเหมือนท่าน ซึ่งชัดเจนอยู่แล้วว่าสิ่งที่ทำให้ท่านเป็นแบบนี้ก็คือกิเลส ผลประโยชน์ที่ทำให้เปลี่ยนไป

นอกจากนี้คำถามที่ได้มีการถามท่านแทนคนไทย ที่บิ๊กเต่าถามเลย คือ ท่านชื่ออะไร ซึ่งแกตอบแบบไม่คิดเลยว่า “ เกรียงไกร เพ็ชรแก้ว” โดยตอบแบบไม่คิดเลย และเมื่อถามว่า ท่านโกหกทำไม ท่านอ้างว่าท่านเลยตามเลย เพราะตัวท่านเองไม่เคยมีบัตรประชาชน

สำหรับกรณีของคุณสมปอง ต้องย้อนไปที่ต้นทางว่าเงินที่หลวงพ่อให้ยืมมา ยอดเงิน 13 ล้านบาท ซึ่งจะต้องตรวจสอบต่อว่ามันมีการโอนจากคนใกล้ตัวของหลวงพ่อคนหนึ่ง ซึ่งปรากฏในสลิปการโอนเงิน ที่โอนเข้าบัญชีคุณสมปอง มันต้องไปสืบต่อว่าบุคคลนี้รู้อยู่แล้วหรือไม่ว่าเป็นเงินอะไร หากรู้อยู่แล้วว่าเงินจำนวนนี้เป็นเงินบัญชีวัด และมีการถอนออกไป หรือแค่เป็นเงินที่เก็บรวบรวมจากตู้บริจาค และโอนไปให้คุณสมปอง อันนี้ก็เหนื่อยแล้วเพราะนี่ไม่ใช่เงินส่วนตัวท่าน นี่คือประเด็นเลย ถ้าหากเงินตรงนี้เป็นเงินส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาสเก็บสะสมไว้ และท่านอาจจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณสมปองอย่างดี การให้ยืมก็ไม่ได้ผิดอะไร



คุณอาจสนใจ

Related News