สังคม

รวบผู้ต้องหาใช้บัตรปชช.คนอื่นรับทราบข้อหา อ้างกลัวตัวเองมีคดีติดตัว หลังขโมยแชมพูจากห้าง

โดย chutikan_o

23 ก.ค. 2568

983 views

รวบผู้ต้องหาสวมรอยใช้บัตรประชาชนคนอื่นรับทราบข้อหา อ้างกลัวตัวเองมีคดีติดตัว หลังขโมยแชมพูจากห้าง ทำเจ้าของบัตรเสียหาย พบประวัติอาชญากรรมทั้งที่ไม่เคยทำผิด

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุมนายชัญญกัลย์ หรือ สุกฤษฎ์ อายุ 45 ปี ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 3901/2568 ลงวันที่ 3 ก.ค. 2568 โดยกล่าวหาว่า “นำบัตรประจำตัวประชาชนของผู้อื่นไปใช้หรือแสดงตนเป็นเจ้าของบัตรโดยมิชอบ, แจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, แจ้งให้พนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน” จับกุมหน้าบ้านพักภายใน ซ.รามคำแหง 76 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้รับแจ้งจากบริษัทฯ ที่ตนเองไปสมัครงานว่า พบประวัติอาชญากรรมของผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายกำลังจะไปเริ่มทำงานกับบริษัทฯ ดังกล่าว ซึ่งผู้เสียหายไม่เคยกระทำความผิดอาญาใดๆ มาก่อน จึงได้เดินทางไปตรวจสอบประวัติอาชญากรที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติด้วยลายนิ้วมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่พบประวัติแต่อย่างใด ซึ่งต่อมา ผู้เสียหายได้สืบทราบว่า มีบุคคลที่แอบอ้างชื่อสกุลของผู้เสียหายมาก่อเหตุ ที่ สน.โคกคราม

ตรวจสอบพบข้อเท็จจริงว่า เมื่อประมาณวันที่ 26 ก.ค. 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมบุคคลหนึ่งมา โดยใช้ชื่อสกุลของผู้เสียหาย พร้อมด้วยของกลางเป็นแชมพูสระผมมูลค่า 99 บาท ส่งพนักงานสอบสวนในคดีนั้น และได้นำตัวบุคคลดังกล่าว ที่แอบอ้างชื่อและนามสกุลผู้เสียหาย ส่งพนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาล โดยศาลได้มี

คำพิพากษา ลงโทษจำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา

ต่อมาผู้เสียหายยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีนี้ พนักงานสอบสวนจึงได้พิมพ์ลายนิ้วมือไปตรวจสอบประวัติการต้องโทษกับกองทะเบียนประวัติอาชญากรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผลการตรวจประวัติของผู้เสียหายว่าไม่พบการกระทำผิด จากพฤติการณ์พบบุคคลที่ใช้ชื่อและสกุลของผู้เสียหาย มากระทำความผิดดังกล่าวข้างต้น โดยใช้บัตรประชาชนของผู้เสียหายที่ผู้เสียหายเคยทำตกหาย 2 ครั้ง เมื่อประมาณปี 2562 และปี 2564 มาใช้ก่อเหตุดังกล่าว โดยในข้อเท็จจริงดังกล่าว ผู้เสียหายไม่เกี่ยวข้องกับคดีแต่อย่างใด การกระทำของบุคคลดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ผู้เสียหายจึงเข้าร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวน สน.โคกคราม ดำเนินคดีกับบุคคลที่แอบอ้างชื่อและนามสกุลของผู้เสียหายในคดีนี้ จนถึงที่สุดต่อไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนทราบว่าบุคคลดังกล่าวข้างต้นที่แอบอ้างชื่อผู้เสียหายคือนายชัญญกัลย์ ผู้ต้องหาในคดีนี้ โดยต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โคกคราม ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาไว้

กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับ 2 กองบังคับการปราบปราม สืบทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักแห่งหนึ่งภายในซอยรามคำแหง 76 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร จึงได้วางแผนเข้าจับกุม ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.โคกคราม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า เมื่อประมาณปี 2564 ตนเองได้ลักแชมพูสระผมออกมาจากห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง จากนั้นได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวดำเนินคดีในข้อหา “ลักทรัพย์” โดยขณะนั้น ตกใจกลัวและไม่ทราบว่าต้องทำตัวอย่างไร กลัวมีคดีติดตัว จึงได้นำบัตรประจำตัวประชาชนของผู้เสียหาย ซึ่งตนเองเก็บไว้ ยืนยันตัวตนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะนั้น จนกระบวนการดังกล่าวถึงการพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้วลงโทษจำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท โทษจำคุก รอลงอาญา จนเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านพ้นมาจนถึงปัจจุบัน

ตำรวจสอบสวนกลาง เตือนภัยการนำบัตรประจำตัวประชาชนของผู้อื่นไปใช้แสดงตนว่าเป็นเจ้าของบัตร มีโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท ตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ.2526 ดังนั้นหากบุคคลใดพบเห็นบัตรประชาชนของผู้อื่นตกหรือหล่นอยู่ที่ใด หากเก็บได้ให้นำไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดต่อคืนให้กับบุคคลเจ้าของบัตรประจำตัวประชาชน



คุณอาจสนใจ

Related News