สังคม

ออกหมายแดงล่าตัว “ก๊ก อาน” ตัวการใหญ่แก๊งคอลฯ ยึดทรัพย์แล้วกว่า 1,100 ล้านบาท

10 ก.ค. 2568

341 views

ตำรวจไทยเร่งล่าตัว “ก๊ก อาน” ตัวการใหญ่แก๊งคอลฯ ค้น 20 จุด ยึดทรัพย์แล้วกว่า 1,100 ล้านบาท ประสาน INTERPOL ออกหมายแดงล่าตัว ยันถือสัญชาติกัมพูชาเพียงชาติเดียว ยังไม่พบโยงนักการเมืองไทย

วันที่ 10 ก.ค. 2568 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีขบวนการคอลเซ็นเตอร์เครือข่าย “ก๊ก อาน” ว่า จากการเข้าตรวจค้น 20 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และชลบุรี เจ้าหน้าที่สามารถยึดเงินสด 27 ล้านบาท รถยนต์หรู และเอกสารสำคัญ รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 1,100 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม และจะมีการยึดทรัพย์ต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ

พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวต่อว่า ข้อมูลและหลักฐานที่ใช้ในการขอหมายศาลมีความชัดเจน ทั้งจากการสืบสวนของตำรวจไทย และจากหน่วยงานสืบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ซึ่งยืนยันว่า “ก๊ก อาน” เป็นเจ้าของอาคารหลายแห่งที่ใช้เป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา แม้ยังไม่สามารถจับกุมตัว ก๊ก อาน ได้ในประเทศไทย แต่ได้มีการประสานไปยังองค์การตำรวจสากล (INTERPOL) เพื่อขอออกหมายแดงไล่ล่าตัวอย่างเป็นทางการ โดยย้ำว่า ปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการจับกุม เพราะต้องแยกเรื่องคดีอาญาออกจากเรื่องทางการเมืองระหว่างประเทศ

ส่วนกระแสข่าวที่อ้างว่า ก๊ก อาน เป็นพลเมืองไทยและถือบัตรประชาชนไทยนั้น พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวต่อว่า เป็นข่าวปลอม (Fake News) โดยยืนยันว่า ก๊ก อาน ถือสัญชาติกัมพูชาเพียงชาติเดียว ไม่มีสัญชาติไทย และไม่ใช่บุคคลสองสัญชาติ

สำหรับประเด็นความเชื่อมโยงกับผู้มีอำนาจในกัมพูชา พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวต่อว่า แม้จะไม่สามารถยืนยันความสัมพันธ์กับผู้นำระดับสูงของกัมพูชาได้ แต่ทราบแน่ชัดว่า ก๊ก อาน เป็นนักธุรกิจที่มีตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และเป็นเจ้าของอาคารที่ใช้เป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลายแห่งในเมืองปอยเปต

ในส่วนของประเทศไทย ขณะนี้ยังไม่พบความเชื่อมโยงของ ก๊ก อาน กับนักการเมืองหรือข้าราชการไทย แต่ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล โดยเฉพาะจากหลักฐานที่ยึดได้ ทั้งบัญชีธนาคาร โทรศัพท์มือถือ และเอกสารต่าง ๆ ซึ่งจะใช้ในการไล่เช็กเส้นทางการเงินและผู้เกี่ยวข้อง โดยได้สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์เร่งดำเนินการให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ เพื่อป้องกันการหลบหนีและเคลื่อนย้ายทรัพย์สิน

นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับบริษัท “ฮุยวัน กรุ๊ป” ซึ่งเป็นบริษัทแลกเปลี่ยนเงินคริปโตในกัมพูชา ที่ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และถูกทางการสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ ล่าสุด ได้มีการหารือร่วมกับ INTERPOL เพื่อวางแผนปราบปรามขบวนการฟอกเงินผ่านบริษัทลักษณะเดียวกันอีกหลายแห่งในกัมพูชา โดยมี 196 ประเทศร่วมมือกันอย่างจริงจัง

ทั้งนี้ สำหรับกรณีที่ ส.ส.รังสิมันต์ โรม เปิดเผยว่า “เฮียตือ” อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ก๊ก อาน ขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานยืนยันในทางคดี แต่ตำรวจจะสืบสวนตามพยานหลักฐานต่อไป

พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวต่อว่า ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ปอยเปต มีความเชื่อมโยงชัดเจนกับเครือข่ายของ ก๊ก อาน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า ทางการกัมพูชาเองก็ต้องการกวาดล้างขบวนการเหล่านี้เช่นกัน และแรงกดดันจากสังคมจะผลักดันให้เกิดการปราบปรามอย่างจริงจัง พร้อมกันนี้ได้เรียกร้องให้ประชาชนไทยมีส่วนร่วมป้องกัน โดยการไม่ตกเป็นเหยื่อ และช่วยเป็นหูเป็นตา เพราะการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงดำเนินอยู่ ต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอและสร้างภูมิคุ้มกันให้สังคม



คุณอาจสนใจ

Related News