ชายแดนเมียนมา ร้อนระอุ กองกำลัง KNLA - KNDO บุกโจมตีค่ายใหญ่ ปชช.อพยพเข้าไทย

ชายแดนเมียนมา บริเวณ อ.พบพระ จ.ตาก ร้อนระอุ กองกำลัง KNLA - KNDO บุกโจมตีค่ายใหญ่ ฐานทีตาแหล่ ส่งผลให้ชาวเมียนมาราว 200 คน อพยพข้ามมายังฝั่งไทย

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ทหารกะเหรี่ยง องค์การป้องกันชาติกะเหรี่ยง ( Karen National Defence Organisation; KNDO บูรณาการกำลังร่วมกับ กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Liberation Army) KNLA ได้ใช้อากาศยานไร้คนขับทิ้งระเบิดเป็นระยะ ๆ โจมตีทหารเมียนมา กองบังคับการยุทธวิธี ที่ 1. ค่ายทีตาแหล่ บ.ทีตาแหล่ อ.วาเลย์ใหม่ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมา ด้านตรงข้าม บ้านวาเล่ย์เหนือ หมู่ 3 ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 3 กม. โดยทหารเมียนมา ค่ายทีตาแหล่ ได้ทำการยิงอาวุธปืนหนัก ปืนใหญ่ จำนวนหลายลูก เข้าไปยังเป้าหมายบริเวณพื้นที่ บ้านวาเล่ย์ใหม่ ฝั่งเมียนมา

เหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้มี ราษฎรชาวเมียนมา ราว 200 คน ที่บ้านวาเล่ย์ใหม่ฯ ฝั่งเมียนมา ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 คน โดยผู้บาดเจ็บ ได้อพยพข้ามมายังฝั่งไทย บริเวณ ท่าข้ามวาเล่ย์ บ้านวาเล่ย์ใต้ อ.พบพระ จ.ตาก โดยเจ้าหน้าที่ทหารไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ให้การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม และนำผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลพบพระ

โดย พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ซึ่งดูแลพื้นที่ชายแดนจังหวัดตาก ทหารกองกำลังนเรศซร ได้เสริมกำลังเข้าพื้นที่ชายแดน เพื่อรักษาอธิปไตย เฝ้าระวัง และออกลาดตระเวน และเฝ้าตรวจในพื้นที่แนวชายแดนเพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถตลอด 24 ชั่วโมง

หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ได้จัดกำลังชุดตอบโต้เคลื่อนที่เร็ว ฉก.ราชมนู ในการเพิ่มความเข้มข้นในการลาดตระเวนตามแนวชายแดนเพื่อแสดงกำลัง และป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธ พร้อมจัดนำกำลังพล ร่วมกับ ตำรวจ สภ.พบพระ ,ฝ่ายปกครอง อ.พบพระ , ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และ อส. ออก ให้ความช่วยเหลือราษฎรชาวเมียนมาที่ได้รับบาดเจ็บ ตามหลักมนุษยธรรม รวมถึงการประสานฝ่ายปกครอง ตำรวจ แจ้งเตือนประชาชนตามแนวชายแดนให้ทราบสถานการณ์ และเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมแจ้งเตือนไปยังกองกำลังฝั่งตรงข้ามให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้อาวุธ บริเวณใกล้แนวชายแดน รวมทั้งการนำอาวุธยิงสนับสนุน เข้าที่ตั้งยิงตามแผนเผชิญเหตุ