จับคาร้านก๋วยเตี๋ยว โจรขโมยตู้บริจาคโรงพยาบาล ค้นตัวเจอยาบ้า 300 กว่าเม็ด

ตำรวจบุกรวบคาร้านก๋วยเตี๋ยว โจรก่อเหตุอุกอาจขโมยตู้บริจาคโรงพยาบาลก่อนหลบหนี ค้นตัวเจอยาบ้า 300 กว่าเม็ด เจ้าตัวสารภาพหาเงินซื้อยาบ้าเสพ-ขาย

จากกรณีคนร้ายก่อเหตุอุกอาจลักตู้บริจาคเงิน ของโรงพยาบาลศรีประจันต์ กลางวันแสกๆ ต่อหน้าคนไข้ก่อนนำไปทุบในห้องน้ำเอาเฉพาะเงินแบงค์ทิ้งเหรียญให้ดูต่างหน้า หลังก่อเหตุขี่จักรยานหนี

หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.เอกชัย ศรีเมือง ผู้กำกับ สภ.ศรีประจันต์ สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบหาข้อมูลเบาะแสและตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบคนร้ายเป็นชายแต่งกายมิดชิดสวมเสื้อลายสก๊อต นุ่งกางขายาวสีเทา สวมหมวกไหมพรมแบบไอ้โม่งปิดบังใบหน้าเข้ามาก่อเหตุ โดยใช้จักรยานเป็นพาหนะ หลังจากได้ข้อมูลเบาะแส ก็ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอศรีประจันต์ เร่งสืบสวนติดตามกระทั่งได้ข้อมูลที่จัดเจนว่าคนร้ายที่ก่อเหตุรายนี้ชื่อนายคัมภีร์ หรือ นิคเนม เก่งท่าใหญ่ บ้านอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลว่านายคัมภีร์มักจะปั่นจักรยานมากินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านริมถนนสาย 340 ตำบลวังน้ำซับ อำเภอศรีประจันต์ จึงนำกำลังไปนั่งรอ เมื่อถึงเวลานายคัมภีร์ได้ปั่นจักรยานเข้ามาจอดแล้วเดินมานั่งที่โต๊ เจ้าหน้าที่ก็นั่งรออย่างใจเย็น กระทั่งนายคัมภีร์สั่งก๋วยเตี๋ยวมาทาน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวสอบถามว่าชื่อนายคัมภีร์ หรือไม่ เมื่อนายคัมภีร์รู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ก็ตกใจตอบว่าใช่ เจ้าหน้าที่ถามต่ออีกว่าเป็นคนที่ไปขโมยตู้รับบริจาคของโรงพยาบาลหรือไม่ นายคัมภีร์ตอบว่าใช่ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้นในตัวและกระเป๋าสะพายที่นายคัมภีร์สะพายอยู่ พบในกระเป๋ามียาบ้า 345 เม็ด เงินสด 2,000 บาท และอุปกรณ์การเสพยาอีกจำนวนหนึ่ง จึงคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.ศรีประจันต์

นายคัมภีร์ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนขโมยตู้รับบริจาคของโรงพยาบาลศรีประจันต์จริง คิดและวางแผนมาหลายวันแล้วว่าจะหาเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพและเอาไว้ขาย แต่เงินไม่พอ ก่อนจะลงมือก่อเหตุได้เข้าไปดูลาดเลาหลายรอบแล้ว ก่อนหน้าที่ตนเองเคยไปรับยาจิตเวช จึงสังเกตเห็นตู้รับบริจาค ที่ฝาตู้เป็นกระจกใส มองเห็นเงิน คิดว่าน่าจะหลายพันจึงตัดสินใจ โดยก่อนจะออกไปก่อเหตุแต่งตัวพรางสายตาด้วยการนุ่งกางเกงขายาว สวมเสื้อเชิ๊ตแขนยาวลายสก๊อตสวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้า ก่อนจะปั่นจักรยานข้ามถนนไปจอดที่โรงจอดรถ แล้วเดินขึ้นไปเดินดูลาดเลาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจก็เห็นในตู้มีเงิน จึงรอให้คนไข้ที่มารับยาหมด กระทั่งสบโอกาสจึงลงมือก่อเหตุยกตู้บริจาค เดินไปเข้าห้องน้ำด้านหลังไม่ไกลกัน แล้วปิดประตูใช้ค้อนที่เหน็บมาทุบเอาเฉพาะเงินธนบัตร แต่ไม่เอาเงินเหรียญบาทไปเพราะช้า หลังจากได้เงินก็ปั่นจักรยานไปหาเพื่อน เพื่อให้เพื่อนเอาเงินที่รวบรวมได้ฝากไปซื้อยาบ้า 400 เม็ดมาไว้เสพ ราคาเม็ดละ 10 บาทจากพ่อค้ายาบ้าในเขตอำเภอสามชุก เหลือจากเสพก็เอาไว้ขาย กระทั่งมาถูกจับ งงว่าตำรวจรู้ได้ยังไงว่าตนเองคือคนร้ายที่ก่อเหตุ

ด้านแม่ของนายคัมภีร์ อายุ 56 ปี หลังรู้ข่าวลูกชายถูกจับก็รีบเดินทางมาที่โรงพัก เพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ถึงสาเหตุที่ลูกถูกจับ พอรู้ว่าลูกชายไปก่อเหตุลักตู้บริจาคของโรงพยาบาล และครอบครองยาบ้าจำนวนมากก็ตกใจ เล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังด้วยน้ำตานองหน้าว่า ลูกชายเคยเป็นคนดีเรียนจบระดับ ปวส.ด้านเกษตร โครงการเรียนร่วมได้ไปเรียนที่ประเทศอิสราเอล ถึง 1 ปีพอจบมาก็ทำงานบริษัท แล้วก็มีแฟน หลังจากเลิกกับแฟนก็หันไปเสพยาเสพติด ตนห้ามแล้วก็ไม่เชื่อ กระทั่งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ลูกชายมีอาการเพ้อนั่งพูดคุยคนเดียว จึงแจ้งตำรวจให้มารับตัวไปบำบัด และรับยาจิตเวชมากินอาการก็ดีขึ้น แต่ลูกชายกินไม่ต่อเนื่อง ทำให้อาการกำเริบ รู้ว่าลูกชายเสพยาบ้าแต่ไม่คิดว่าลูกจะเป็นถึงพ่อค้ายาบ้า เสียใจมากที่ลูกชายเป็นแบบนี้ สอนไม่เชื่อ ห้ามไม่ฟัง เมื่อเลือกทางเดินแบบนี้ก็ต้องยอมรับผลของการกระทำ ซึ่งก็แล้วแต่ศาลจะตัดสิน

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหานายคัมภีร์ ในข้อหาลักทรัพย์ ในสถานที่ราชการโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์สิน โดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่น หรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็น หรือจำหน้าได้ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และข้อหาจำหน่ายโดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าโดยผิดกฎหมาย