สังคม

ดรามาคลินิกชวนเด็ก 2-12 ขวบ เวิร์กชอปเป็นหมอความงาม ผู้บริหารขอโทษ ประชาสัมพันธ์ผิดพลาด

โดย chutikan_o

25 มิ.ย. 2568

475 views

ไวรัลเพจคลินิกเสริมความงาม ชวนเด็กอายุ 2-12 ปี เวิร์กชอปเป็นหมอความงาม ชาวเน็ตติงเหมาะสมหรือไม่ ก่อนที่แพทยสภาจะรับลูกต่อ ด้านผู้บริหารขอโทษ ประชาสัมพันธ์ผิดพลาด แจงเป้าหมายคือให้เด็กทำกิจกรรมช่วงปิดเทอม และให้เด็กได้เลือกว่าอยากเป็นอะไร ผู้ใหญ่ไม่มีสิทธิ์ยัดเยียดความฝัน

จากกรณีคลินิกแห่งหนึ่ง โพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า “ใครอยากเป็น “หมอความงาม” ตั้งแต่เด็ก ยกมือขึ้นนน! #หมอ… ชวนหนูๆ อายุ 2-12 ปี มาเปิดประสบการณ์สุดพิเศษใน 1 Day Workshop “หนูอยากเป็นหมอความงาม” ที่ …Clinic ได้ใกล้ชิดคุณหมอตัวจริง มีกิจกรรมสนุกให้ทำเพียบ พ่อแม่จ๋า พาหนูมาสมัครกันน้า รับจำนวนจำกัด รีบลงชื่อเลย” ทำให้มีผู้ที่แสดงความเห็นต่างๆ เป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ที่เอาเด็กมาโปรโมตคลินิกเสริมความงาม อีกทั้งยังมีคนแท็กไปยังแพทยสภาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

หนึ่งในผู้ที่ไปแสดงความเห็น คือ พล.อ.อ.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา ระบุว่า ฝ่ายจริยธรรมช่วยออกจดหมายเชิญผู้ดำเนินการสถานพยาบาล พบเลขาธิการแพทยสภาด้วยครับ เตรียมข้อมูล แจ้งหารืออธิบดี กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.)

จากนั้นนายแพทย์เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ ผู้ช่วยเลขาแพทยสภา กรรมการแพทยสภา ก็เข้ามาตอบข้อความว่า “ขออนุญาต รับเรื่องเข้ากระบวนการ และบรรจุเข้าวาระกรรมการแพทยสภา เดือน ก.ค. 68 เพื่อพิจารณา เรียบร้อย ครับ”

ทีมข่าวเดินทางไปที่คลินิกดังกล่าว แต่ทางหมอและผู้บริหารไม่ได้อยู่ คลินิกจึงให้วิดีโอคอลสัมภาษณ์กับนายวิศรุต กริ่มทุ่งทอง CEO ของคลินิก

นายวิศรุต ยกมือไหว้พร้อมกล่าวว่า ขอโทษทางแพทยสภา ผู้ปกครอง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คุณหมอในวิชาชีพที่ดูคลิปนี้ ที่รู้สึกไม่สบายใจ และเข้าใจผิด เขารู้สึกเสียใจ และถือเป็นบทเรียนราคาแพง ที่ทำอะไรต้องระมัดระวังกว่านี้ และไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นของทุกคน และปรับปรุงให้ดีขึ้น

นายวิศรุต กล่าวอีกว่า โครงการนี้ เป้าหมายหลักคือ ให้เด็กได้ทำกิจกรรมช่วงปิดเทอม และที่ผ่านมา ชอบมีคนอินบ็อกซ์มาถาม เพราะเห็นว่าที่บ้านเป็นหมอหลายคนว่าต้องทำอย่างไร ตนเองจึงอยากจัดกิจกรรมขึ้นมา ให้ผู้ปกครองได้รู้ว่า การที่จะเป็นหมอ ไม่ใช่อาชีพที่สวยหรูอย่างที่ทุกคนคิด เพราะเด็กจะต้องเผชิญกับความกดดัน จึงอยากให้เด็กได้มาทดลองดูว่าการเป็นหมอ เป็นอย่างไรแล้วชอบหรือไม่ โดยลออสวมชุดกาวน์ มาตรวจคนไข้จำลอง เหมือนเวลาไปงานวันเด็ก

คอนเซ็ปต์ของงานคือให้เด็กได้เลือกว่าอยากจะเป็นอะไร เราเป็นผู้ใหญ่ไม่มีสิทธิ์ที่จะยัดเยียดความฝันของเราไปให้เด็ก จึงเชิญชวนผู้ปกครองว่าอยากจะให้ลูกเป็นหมอต้องดูให้ดี ไม่ใช่อาชีพแพทย์หรือหมอไม่ดี แต่อยากให้ได้มาลองดูก่อน

และความเป็นจริง ตั้งใจจะเชิญแค่ 4-5 คนเท่านั้นเอง ซึ่งในเฟซบุ๊กส่วนตัวก็จะเขียนเอาไว้ว่า invitation Only และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ให้เด็กได้มาลองใส่เสื้อกาวน์ตรวจคนไข้ แต่รูปที่โพสต์ในเฟซบุ๊กคลินิก ไม่ได้เขียนว่า Invitation Only ยอมรับว่าเป็นจุดพลาดของเราเลย ต้องขอโทษทุกคนที่ได้เห็นโพสต์แล้วรู้สึกไม่สบายใจ ในตัวแทนขององค์กรไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ เราทำงานไม่รอบคอบ และรู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้ และเพิ่งทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น จากเพื่อนโทรมา ก็รู้สึกตกใจว่าเกิดดรามาขึ้น

ส่วนที่มีการโฟกัสว่าอยากให้มาเป็นหมอความงามนั้น รู้สึกเสียใจ และรู้สึกไม่ดี แต่ย้ำว่ากิจกรรมที่จะจัดนั้น เป้าประสงค์หลักคือจะ ไม่ควรบังคับให้ลูกเป็นหมอ

ส่วนประเด็นเรื่องของอายุ 2 ขวบนั้น ยืนยันว่ามีผู้ปกครองที่อายุน้อยกว่านี้ก็ติดต่อมา อายุไม่กี่เดือน เพราะมองว่าเป็นกิจกรรมสนุก มีวาดภาพระบายสี สำหรับการจัดงานนั้นหลังจากนี้ จะไม่มีการจัดแล้ว

ประเด็นที่หลายคนมองว่ามันเป็นการโฆษณาให้กับคลินิกนั้น ตามความเป็นจริงแล้วตนเองตั้งใจที่จะโพสต์ส่วนตัว แต่นี่เป็นความผิดพลาด และก็มารู้ภายหลังด้วยซ้ำ ก็ทำให้รู้สึกว่าประชาสัมพันธ์ได้ไม่ดี ไม่รอบคอบ และการใช้ข้อความทำให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งผู้บริหารควรต้องรับผิดชอบ

ส่วนกรณีที่จะต้องไปชี้แจงต่อแพทยสภานั้นยอมรับว่ารู้สึกกังวลใจ ที่ทำไห้คนไม่สบายใจแต่ตนเองก็มีมีแผนคร่าวๆ ที่มีการร่างเอาไว้ของโครงการนี้อยู่แล้ว ซึ่งอยากให้คุณหมอและแพทยสภาดูว่าความตั้งใจของเรา ไม่อยากให้ลูกเครียดที่ต้องเป็นหมอ

ด้านนายแพทย์เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ ผู้ช่วยเลขาแพทยสภา กรรมการแพทยสภา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า จากการอ่านดูแล้วทางแพทยสภากังวลว่า อาจจะมีประเด็นที่ต้องสอบถามข้อเท็จจริงว่าทางคลินิกโฆษณาเชิญชวนแบบนี้ มีวัตถุประสงค์อะไร เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งจากวิญญูชนทั่วไปเข้าใจได้ว่าคลินิกดังกล่าวทำเกี่ยวกับเสริมสวย จุดประสงค์อะไรที่จะต้องเอาเด็กอายุสองขวบที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเข้าไปเยี่ยมชมกิจการคลินิก แล้วบอกว่าชักชวนให้เป็นหมอโดยเฉพาะหมอเฉพาะทางด้านเสริมสวย ซึ่งเด็กยังไม่มีความเข้าใจและตัดสินใจอะไรได้ มองว่าการประชาสัมพันธ์แบบนี้ทางสำนักงานเลขาธิการก็กังวล รวมถึงแพทย์และประชาชนก็กังวลว่าคลินิกทำไปเพื่อหวังผลประโยชน์อะไร เพราะฉะนั้นเป็นหน้าที่ของแพทยสภาในการดูแลว่าการประกอบวิชาชีพเวชกรรมเอาไปใช้ประโยชน์เพื่ออะไรแล้วมันก่อให้เกิดประโยชน์หรืออันตรายหรือไม่

และอีกอย่างที่ประชาชนกังวลคือเป็นการโฆษณาให้คนรู้จักคลินิกนี้ คำถามคือทำไมต้องใช้เด็กมาเป็นส่วนหนึ่งในการโฆษณา แม้เด็กจะไม่รู้เรื่องแต่ก็ต้องผ่านพ่อแม่ และโดยปกติการโฆษณาก็จะมีกฎหมายของทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ที่กำกับดูแลอยู่ ซึ่งจะต้องขออนุมัติก่อน โดยเนื้อหาแบบนี้ก็มีคำถามว่าทางคลินิกได้ขออนุญาตไปหรือยังก่อนทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพราะฉะนั้นต้องสอบถามข้อเท็จจริงและขอคำอธิบายจากทางคลินิกก่อน

ทั้งนี้ยังไม่ตัดสินว่าใครผิดหรือถูกในเรื่องนี้ ส่วนการที่จะต้องเข้ามาชี้แจงนั้น ในส่วนของทางแพทยสภา จะเอาเข้าที่ประชุมอย่างเร็วก็คือภายในเดือนนี้เพื่อไปตัดสินว่าเรื่องนี้และขอสอบถามให้เขาทำการชี้แจงมาก่อน หากชี้แจงมีเหตุผลรับฟังได้ คงไม่มีประเด็นอะไรที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แต่หากพบว่าเข้าข่ายอาจจะผิดจริยธรรม ก็จะตั้งอนุกรรมการจร์ยธรรมต่อ



คุณอาจสนใจ

Related News