สังคม
ช่วย 'น้องน้ำพิง' เด็กหญิง 2 ขวบ ป่วยโควิดขึ้นสมอง ติดเตียง ต้องใช้ออกซิเจนตลอด
โดย passamon_a
10 มิ.ย. 2568
690 views
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา นางสาวอรนุช หรือ อ๋อมแอ๋ม อายุ 25 ปี แม่เลี้ยงเดี่ยว ได้เขียนจดหมายด้วยลายมือ ขอความช่วยเหลือมายัง นายนิธิกร รัตแสนศรี หรือ แบงค์ เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจสมาคมกู้ภัยคำหอม เพื่อขอรถพยาบาลรับส่งบุตรสาวคือ น้องน้ำพิง เด็กหญิง วัย 2 ขวบเศษ ผู้ป่วยติดเตียงที่มีภาวะพิการทางสมอง ไปยังโรงพยาบาลสกลนคร ตามนัดหมายเพื่อเข้ารับการผ่าตัดขยายท่อหายใจ ซึ่งต้องเข้ารับการรักษาในทุก 3 เดือน เนื่องจากน้องน้ำพิงจำเป็นต้องใช้ออกซิเจนตลอดเวลาในการเดินทาง ทางทีมกู้ภัยจึงให้การสนับสนุนรับส่งโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568
ซึ่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้ร่วมลงพื้นที่บ้านใหม่หนองมะเกลือ ตำบลดงชน อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ร่วมกับนายนิธิกร เพื่อเยี่ยมและติดตามการช่วยเหลือ ซึ่งนายนิธิกร เปิดเผยว่า หลังจากพาน้องน้ำพิงกลับถึงบ้าน ปรากฏว่าเครื่องผลิตออกซิเจนไฟฟ้าที่ใช้ประจำเกิดขัดข้อง จึงจำเป็นต้องหาอุปกรณ์ทดแทนอย่างเร่งด่วน เนื่องจากน้องไม่สามารถขาดออกซิเจนได้แม้แต่ช่วงเวลาสั้น ๆ
นายนิธิกรจึงระดมทุนจากผู้มีจิตศรัทธาผ่านเครือข่ายโซเชียลมีเดีย ได้เงินสนับสนุนกว่า 6,000 บาท และนำไปซื้อถังออกซิเจนจาก หจก.สกลนครออกซิเจน โดยได้รับการลดราคาพิเศษ พร้อมกันนี้ เจ้าของร้านยังให้ยืมถังออกซิเจนสำรองให้อีก 1 ถัง รวมเป็น 2 ถัง และให้สิทธิ์เติมออกซิเจนฟรีตลอดอายุการใช้งาน
ก่อนหน้านี้ น้าแก้ว เจ้าหน้าที่กู้ภัยอีกรายที่รู้จักกัน เคยช่วยเหลือแม่ลูกคู่นี้ ด้วยการพาเดินทางไปรับยากันชักที่จังหวัดอุดรธานีมาแล้ว ซึ่งช่วยลดภาระครอบครัวได้อย่างมาก ก่อนที่นายนิธิกรจะเข้ามารับช่วงต่อในการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ แม่ของน้องน้ำพิง มีอาชีพจากการช่วยแม่ของเขาทำงานเย็บผ้าอยู่ที่บ้าน ซึ่งก็มีรายได้ไม่มากนัก แม่ของน้องน้ำพิง กล่าวว่า ย้อนไปเกือบ 3 ปีก่อน น้องน้ำพิงคลอดออกมาปกติดีทุกอย่าง แต่เกิดการติดเชื้อโควิด-19 ขณะมีการระบาดรุนแรง จนอาการทรุดอย่างรวดเร็ว แพทย์ที่ รพ.โคกศรีสุพรรณ ส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.สกลนคร แต่เชื้อขึ้นสมองเสียก่อน ทำให้กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงนับแต่นั้นมา
โดยน้องน้ำพิงมีอาการชักวันละ 8-9 ครั้ง จำเป็นต้องใช้เครื่องผลิตออกซิเจนตลอด 24 ชั่วโมง และอาการที่เกิดขึ้นทำให้น้องไม่มีพัฒนาการใด ๆ ตาบอด แขนขยับได้เพียงข้างขวา ตอบสนองได้เฉพาะเมื่อเจ็บปวดซึ่งจะร้องไห้ออกมา โดยมีคุณแม่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด
แม้แพทย์เคยประเมินว่าน้องอาจอยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี แต่ตนเองนั้นพยายามหาเงินดูแลเขาอย่างสุดความสามารถ แต่บางครั้งก็ขัดสน เพราะมีค่าใช้จ่ายในการดูแล เช่น แพมเพิร์ส นมผง 6 ออนซ์ ทุก 6 ชั่วโมง ค่าเดินทางรับยากันชักที่ จ.อุดรธานี ทุก 3 เดือน ค่าออกซิเจน และค่าซ่อมแซมอุปกรณ์ทางการแพทย์
และล่าสุด เครื่องผลิตออกซิเจนไฟฟ้าที่ใช้อยู่ราคา 25,000 บาท เริ่มมีปัญหาขัดข้องติด ๆ ดับ ๆ โชคดีที่มีผู้ใจบุญร่วมบริจาคซื้อถังออกซิเจนสำรองไว้ 2 ถัง พร้อมเติมฟรีตลอด แต่การมีเครื่องออกซิเจนไฟฟ้าอีกเครื่องจะช่วยให้น้องมีลมหายใจที่ปลอดภัยมากขึ้นในยามไฟฟ้าดับหรืออุปกรณ์ขัดข้อง
นอกจากนี้ แม่น้องน้ำพิงยังอยากได้ เตียงผู้ป่วยเด็กอีก 1 เตียง เพื่อยกน้องให้สูงจากพื้น เนื่องจากที่นอนปัจจุบันวางต่ำติดพื้น เสี่ยงต่อสัตว์เลื้อยคลาน
“เคยท้อแบบดิ่งสุด ๆ คิดว่าจะจบชีวิตไปพร้อมกัน แต่พอเห็นลูกยังสู้อยู่กับเรามา 2 ปีแล้ว ก็ในฐานะเป็นแม่ก็จะขอสู้ต่อไปให้เขาอยู่ได้นานที่สุด” น.ส.อรนุช กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สภาพบ้านและจุดที่น้องน้ำพิงพักรักษาตัวนั้นสะอาด เรียบร้อย ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์ แม่ของน้องใส่ใจทุกรายละเอียดแม้ต้องฝ่าฟันกับภาระและข้อจำกัดมากมาย
แท็กที่เกี่ยวข้อง สกลนคร ,น้องน้ำพิง ,ป่วยโควิดขึ้นสมอง ,เด็กป่วยโควิดขึ้นสมอง