สังคม

เร่งขยายผล จับร้านค้าลอบค้าปืนในค่ายวชิราวุธ แม่ทัพภาค 4 ยัน ไม่พบโยงเหตุจังหวัดชายแดนใต้

โดย petchpawee_k

30 พ.ค. 2568

81 views

แม่ทัพภาคที่ 4 เผยกรณีพบการลักลอบจำหน่ายชิ้นส่วนอาวุธปืนและกระสุนในพื้นที่ PX ค่ายวชิราวุธไม่พบเชื่อมโยงเหตุการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้  

กรณีที่มีการจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายชิ้นส่วนประกอบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนผิดกฎหมายผ่านขนส่งเอกชน ภายในร้านค้าสวัสดิการ มณฑลทหารบกที่ 41 ภายในค่ายวชิราวุธ หรือที่เรียกกันว่าร้านค้า PX ค่ายวชิราวุธ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อ 27 พ.ค.2568 จนนำมาสู่การจับกุมนายวิสุทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี เจ้าของร้าน


วานนี้ (29 พ.ค.) พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4  ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ยืนยันว่าอาวุธปืน พร้อมเครื่องกระสุน ที่ตรวจพบภายในร้านค้าสวัสดิการ มณฑลทหารบกที่ 41 ค่ายวชิราวุธ จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อ 27 พฤษภาคม 2568 นั้น เป็นอาวุธปืนที่ซื้อขายกันโดยทั่วไป ส่วนที่มีการออกมายืนยันถึงเหตุการณ์ดังกล่าวล่าช้า เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยละเอียดของเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย พร้อมกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือ สืบสวน สอบสวน จนนำไปสู่การรับสารภาพถึงที่มาของอาวุธดังกล่าว


ย้ำจากการตรวจสอบอาวุธเป็นอาวุธใหม่ทั้งหมด สามารถซื้อขายตามท้องตลาดทั่วไป ไม่ใช่อาวุธสงคราม และเป็นการซื้อขายที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ซื้อจากร้านค้าส่วนกลางเข้ามาในพื้นที่ภาคใต้เท่านั้น ซึ่งไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างที่หลายคนกังวล ย้ำไม่ใช่กลุ่มขบวนการ แต่เป็นเรื่องของบุคคลที่มีการใช้ชื่อกำลังพลภายในค่าย ทำสัญญาเช่าพื้นที่ เพื่อประกอบธุรกิจเชิงพาณิชย์เปิดเป็นร้านค้าประเภท อุปกรณ์ตกแต่งอาวุธปืน เครื่องทหาร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และร้านรับส่งพัสดุเอกชน และขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน และขยายผลเพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ


สำหรับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องของเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นการต่อสู้ระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มขบวนการผู้เห็นต่างที่มีการพัฒนาบุคคลรุ่นใหม่ที่ชอบความรุนแรงต่อเนื่อง ส่วนเหตุการณ์ที่ตรวจพบอาวุธปืนในพื้นที่หน่วยทหารนั้น กองทัพไม่ได้เพิกเฉยหากตรวจพบว่ากำลังพลมีส่วนเกี่ยวข้องจริง จะดำเนินการตามกฏหมายถึงที่สุด กำชับพื้นที่หน่วยทหารไม่มีใครแอบอ้าง หลบซ่อนอำพรางในพื้นที่เด็ดขาด และพร้อมเปิดเผยข้อมูลต่อสื่อมวลชนในทุกเหตุการณ์ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องไปยังพี่น้องประชาชน ยืนยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องไม่มีความกังวลใจ และพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาร่วมกับทุกภาคส่วนจริงจัง ในฐานะแม่ทัพภาคที่ 4  ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เชื่อมั่นการทำงานของเจ้าหน้าที่ภายใต้นโยบายของรัฐบาล มุ่งมั่น ขับเคลื่อนอย่างประสานสอดคล้อง


ขณะเดียวกันประชาชนทุกคนที่ได้รับทราบข้อมูลข่าวสาร สถานการณ์ในพื้นที่ ล้วนเข้าใจบริบทพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะทุกเหตุการณ์เมื่อเกิดขึ้น ย่อมมีเหตุ และผล ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาของเจ้าหน้าที่ยึดหลักของกฎหมาย จะรวบรวมพยานหลักฐาน เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน โปร่งใส สามารตรวจสอบได้


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าสำหรับนายวิสุทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี เจ้าของร้าน ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว นายวิสุทธิ์มีตำแหน่งเป็นอาจารย์ประจำหลักสูตรบริหารธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในภาคใต้ เพิ่งจบการศึกษาในระดับปริญญาเอกจากสถาบันชื่อดังแห่งหนึ่งของไทย เตรียมปรับวิทยฐานะการเป็นอาจารย์ระดับปริญญาเอก


ซึ่งเมื่อช่วงเที่ยงวานนี้ (29 พ.ค.) ชุดสืบสวนสอบสวน นำโดย พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช โดยให้ทุกฝ่ายติดตามรายงานความคืบหน้าของคดีดังกล่าว ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติสถานีตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายถูกสั่งห้ามให้ข่าวกับสื่อมวลชนให้เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา เป็นผู้เปิดเผยเท่านั้น


แหล่งข่าวระบุว่า ภายหลัง พงส.สภ.เมืองรับตัว นายวิสุทธิ์ มายัง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช มีท่าทีสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย ตลอดการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพหมดทุกขั้นตอน แต่จะซัดทอดถึงใครบ้างไม่สามารถเปิดเผยได้ เชื่อว่าจะโยงไปถึงการยึดทรัพย์อย่างแน่นอน ขยายผลเส้นทางการเงินของนายวิสุทธิ์ได้เริ่มจากบัญชีของ บริษัท แอดวานซ์ คอมแบท ซัพพลาย จำกัด ของนายวิสุทธิ์ ซึ่งมีชื่อ พ่อตา และน้องสาวภรรยา เป็นกรรมการอีก 2 ราย เบื้องต้นยังไม่พบว่าบุคคลทั้งสองมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นการนำชื่อมาใช้เพื่อจดทะเบียน และยังขยายผลไปที่บัญชีส่วนตัวของนายวิสุทธิ์อีก 10 บัญชี มีเงินหมุนเวียนอาจมากกว่า 20 ล้านบาท นอกจากนั้นพบข้อมูลอีกว่ามีการเตรียมก่อสร้างสนามยิงปืนในพื้นที่ตำบลโพธิ์ทอง อำเภอท่าศาลา แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตการจัดตั้งและเปิดบริการ


แหล่งข่าวระบุอีกว่า เบื้องต้น พงส.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้แจ้งข้อหาครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ และข้อหาหนักคือ ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด นอกจากที่กำหนด ในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 55 มีโทษจำคุกสูงถึง 20 ปี หรือตลอดชีวิต และเมื่อมีการขยายผลพบความผิดอื่นเพิ่ม อาจมีการแจ้งข้อหาอื่นเพิ่มเติมภายหลังได้อีก


ต่อข้อถามที่มาของอาวุธปืนดังกล่าวสั่งซื้อมาประกอบ หรือมีการรู้เห็นเป็นใจของคนใน ว่า เบื้องต้นที่มาของเครื่องกระสุนร่วม 20,000 หมื่นนัด มีทั้งกลุ่มเครื่องกระสุนอาวุธปืนพก ขนาด 5.56 สำหรับอาวุธปืนเอ็ม 16 กระสุนขนาด 7.62 ใช้สำหรับปืนกล พร้อมหีบเหล็กบรรจุมีข้อมูลซีเรียลนัมเบอร์ จากการตรวจสอบพบว่ามีที่มาจากหน่วยงานด้านความมั่นคงแห่งหนึ่ง อาจมีบุคคลเกี่ยวข้องอย่างน้อย 2 ราย อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลขอหมายจับ


ต่อข้อถามผู้ต้องหาสารภาพหรือไม่ว่าขายอย่างไร ในหรือนอกประเทศ เข้าใจว่าเป็นกระบวนการทำคนเดียวไม่ได้ ขอเวลารวบรวม แต่จากต้นเหตุมาจากการขายให้ชนกลุ่มน้อยทางภาคเหนือ ต้องขอเวลาหน่อย


https://youtu.be/KaPBKUuNXlo

คุณอาจสนใจ

Related News