เกินไปมาก! คาเฟ่โวย ถูกใช้ร้านเป็นสตูดิโอถ่ายงาน-ไลฟ์ขายสินค้า โนสนโนแคร์ จัดเต็มแบบไม่เกรงใจใคร

เกินไปไหม หลังร้านกาแฟ อนุญาติให้ใช้สถานที่ถ่ายงาน แต่ลูกค้า จัดเต็มไม่เกรงใจ จัดไฟเต็ม ไลฟ์สด ขายยาช่วยย่อย ด้านลูกค้า ส่งแชทขอโทษ พร้อมแนบแชทต่อว่าทีมงาน ให้ดู 

กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์จำนวนมาก หลังจากที่เพจ “MindMost Coffee” โพสต์ข้อความระบุว่า “ทางร้านขอชี้แจงเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้คุณลูกค้าท่านอื่นๆ เข้าใจผิดหรือมีความไม่สบายใจ

การอนุญาตให้ถ่ายงานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หรือคิดค่าอื่นใดนั้น ทางร้านมีเจตนารมณ์ที่ดีเป็นอย่างยิ่ง ในการซัพพอร์ตลูกค้าที่กำลังเสริมสร้างธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ อยากให้คุณลูกค้าได้มีรูปสวยๆ มุมสวยๆ  แต่ในกรณีลูกค้าท่านดังกล่าวนี้ พยายามบิดเบือนร้านกาแฟ MindMost coffee เปลี่ยนแปลงเป็นสตูดิโอส่วนตัวเป็นอย่างมาก และไม่คำนึงถึงลูกค้าท่านอื่นที่เข้ามาใช้บริการ  ถือเป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยส่วนตัว มิได้เกรงใจทางร้านหรือลูกค้าท่านอื่นเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ร้านรับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง

ทางร้านทุ่มเทแรงกายแรงเงินเป็นอย่างมาก เพื่อสรรสร้างทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความตั้งใจมุ่งมั่นมาตลอด  ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางมุมถ่ายรูปเพื่อคุณลูกค้าทุกๆท่าน หรือการโชว์ใบประกาศนียบัตรในด้านผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟ ต่างๆอีกมากมาย ทุกอย่างถูกจัดวางด้วยความตั้งใจ  แต่ทั้งหมดนี้นั้นได้ถูกบิดเบือนกลายเป็นสตูดิโอเพื่อเป็นเบื้องหลังของผลิตภัณฑ์ของคุณลูกค้าท่านนี้ทุกอย่าง

ทางร้านต้องกราบขออภัยคุณลูกค้าที่ได้เข้ามารับบริการในช่วงเวลาดังกล่าวนี้อีกครั้งนะคะ ที่ทำให้เกิดการไม่สะดวกหลายๆ ด้านค่ะ

ทางร้านกาแฟ MindMost coffee ไม่เคยคิดค่าบริการในการที่ลูกค้าทุกท่านมาถ่ายงาน หรือมีเบื้องหลังสวยๆของทางร้าน  แต่ทางร้านไม่ได้อนุญาตให้มาใช้เพื่อเป็นสตูดิโอตามภาพข้างต้นเยี่ยงนี้ค่ะ

MINDMOST COFFEE ขอยืนยันว่าเราคือร้านกาแฟ คือคาเฟ่ ที่พร้อมมอบเครื่องดื่มเบเกอรี่ อาหาร อย่างมีคุณภาพให้คุณลูกค้าที่น่ารักทุกท่านเสมอนะคะ”

โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดขณะทีมงานกลุ่มหนึ่งจัดพื้นที่ กล้อง ไฟ แบบจัดเต็ม และทำการถ่ายภาพโปรโมทสินค้า รวมทั้งมีการไลฟ์อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีคนเข้ามาคอมเม้นท์ว่า “ตกใจยิ่งกว่า คือไลฟ์ปด้วย” พร้อมีภาพแบรนด์กาแฟกำลังไลฟ์ขายของ

ขณะที่ต่อมาเลขาธิการของแบรนด์สินค้าดังกล่าว ออกมาชี้แจงพร้อมแนบแถลงการณ์ใต้โพสต์ดังกล่าว โดยระบุว่า “สถานะเจนเลขาฯ ของบริษัทและหัวหน้าทีมงาน ขอใช้พื้นที่แสดงความขอโทษจากใจจริง ทางผู้บริหารและทางเราไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ติดต่อกลับไปขอโทษกับทางเจ้าของร้านตั้งแต่รู้เรื่อง

เบื้องต้นเนื่องจากทีมงานเป็นเด็กใหม่และไม่ได้อยู่ในความดูแลของหัวหน้างาน ซึ้งเลขาฯหรือหัวหน้างานไม่ได้อยู่คุมงานเองในวันนั้น ซึ่งปล่อยให้ทีมงานไปทำกันเอง

จึงอยากออกมาขอยอมรับผิด และไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น ทางผู้บริหารและตัวหัวหน้างานจึงขอให้เหตุการณ์ข้างต้นเป็นบทเรียน และจะไม่ให้เกิดขึ้นอีกในภายภาคหน้า

และขอขอบคุณทางร้าน MindMost Coffee ที่ใจดีกับทางแบรนด์และทางทีมงานที่ให้ใช้สถานที่ฟรี ซึ่งพนักงานบริการดีมากๆ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่เหมาะสมในเหตุการณ์ล่าสุด ทั้งนี้เจนในสถานะเลขาฯและหัวหน้างานกราบขอโทษอย่างสุดซึ้งค่ะที่ไม่ได้ไปคุมงานเอง”

ส่วนในแถลงการณ์ระบุว่า “ทางแบรนด์แจ่มใส ขอแสดงความเสียใจอย่างจริงใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 ณ ร้าน MindMost Coffee ซึ่งอาจสร้างความไม่สบายใจให้กับลูกค้าท่านอื่น รวมถึงทำให้ทางร้านต้องออกมาชี้แจงผ่านช่องทางสาธารณะ

เราตระหนักดีถึงเจตนารมณ์ของร้านในการรักษาบรรยากาศที่ดี สงบ และเป็นมิตรสำหรับลูกค้าทุกคน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก และควรได้รับการเคารพจากทุกฝ่าย

ทางทีมงานของเรายอมรับว่า มีความผิดพลาดในกระบวนการประสานงานและการจัดการภายใน ที่อาจทำให้การใช้พื้นที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ ณ ขณะนั้น เราขอยืนยันว่าไม่มีเจตนาใด ๆ ที่จะรบกวน หรือละเมิดแนวทางของทางร้านแม้แต่น้อย

เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับพวกเรา และเราจะนำไปปรับปรุงกระบวนการทำงานให้รอบคอบและเหมาะสมยิ่งขึ้นในอนาคต

ท้ายที่สุดนี้ ทางแบรนด์ขอขอบคุณร้าน MindMost Coffee ที่เปิดโอกาสให้เราได้ใช้บริการ และขออภัยลูกค้าทุกท่านที่อาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยความจริงใจ

ขณะที่เจ้าของบริษัท ก็ได้เข้าไปคอมเมนต์ชี้แจงใต้โพสต์ของคาเฟ่ ระบุข้อความว่า “ก่อนอื่นต้องขออภัยจากใจจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของทีมงาน ซึ่งทิพย์เองเพิ่งทราบเรื่องในเช้าวันนี้จากการที่มีคนแชร์โพสต์ของทางร้านมาให้ดู โดยก่อนหน้านี้ไม่ได้รับการแจ้งจากทีมงานเลยว่ามีการเข้าไปถ่ายทำ หรือเกิดปัญหาใดๆ กับทางร้าน

หลังจากทราบเรื่องทิพย์ได้สอบถามและต่อว่าทีมงานทันที พร้อมสอบถามถึงกระบวนการประสานงานก่อนเข้าพื้นที่ ซึ่งพบว่ามีข้อบกพร่องจริง และทิพย์เองในฐานะเจ้าของก็รู้สึกไม่สบายใจและเสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเข้าใจดีว่าในฐานะผู้ประกอบการ การดูแลบรรยากาศภายในร้านให้เหมาะสมกับลูกค้าทุกท่านคือสิ่งสำคัญ

ขณะนี้ทางบริษัทได้ออกหนังสือชี้แจงและขอโทษต่อเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเป็นทางการ และโพสต์ลงช่องทางโซเชียลของบริษัทแล้วเรียบร้อย

แต่ในฐานะเจ้าของธุรกิจ ทิพย์อยากขอโทษทางร้านด้วยตัวเองอีกครั้งหนึ่งค่ะ  เราจะดำเนินมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งในเรื่องการอบรม การสื่อสาร และบทลงโทษต่อการกระทำที่ไม่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก

 ขอโทษจากใจอีกครั้งค่ะ และขอบคุณทางร้านที่ให้เกียรติเผยแพร่ข้อเท็จจริงอย่างสุภาพและชัดเจน เพื่อให้เราทุกฝ่ายได้เรียนรู้และพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นค่ะ”

นอกจากนี้ยังได้มีแชท ที่ทางบริษัทกาแฟ ต่อว่าพนักงาน ในการกระทำที่เกิดขึ้นว่าทำไมถึงไม่มีความเกรงใจร้าน โดยถามหาตัวทีมงานที่ดูแลงานดังกล่าว โดยทีมงานที่รับผิดชอบได้ขอโทษกลับมา

ต่อมาช่วงเย็น คุณอ้อ เจ้าของร้าน MindMost Coffee เปิดใจกับ “ข่าวสดออนไลน์” ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 พ.ค.68 ที่ผ่านมา หลังจากลูกค้ากลุ่มนี้มาใช้บริการที่ร้านคาเฟ่ของตนอยู่หลายครั้ง โดยครั้งแรกลูกค้าได้ทักมาถามทางเพจว่า “ถ้าหากจะขออนุญาตเข้ามาถ่ายงานหรือถ่ายผลิตภัณฑ์สินค้าที่ร้าน มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือไม่” ซึ่งตนก็ตอบกลับไปว่า “ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพียงแค่สั่งอาหารและเครื่องดื่มในร้านก็พอ”

ในครั้งแรกลูกค้าท่านนี้ก็เข้ามาพร้อมกับทีมงาน แต่ไม่ได้มากเท่ากับครั้งล่าสุด ซึ่งลูกค้ารายนี้มาทั้งหมด 4 ครั้งด้วยกัน ซึ่งมาแต่ละครั้งก็จะนำไฟและมาถ่ายสินค้าตามปกติ แต่ที่ทำให้รู้สึกว่าอยากจะออกมาปกป้องร้านของตัวเอง ก็เพราะว่าครั้งล่าสุด ลูกค้ากลุ่มนี้ได้เอาอุปกรณ์ตกแต่งของทางร้านออกแล้วนำสินค้าของตัวเองเข้าไปวางแทน มองว่าเป็นการไม่ให้เกียรติร้านเลย

ทั้งที่เราใจดีกับเขามากๆ ไม่เคยคิดค่าบริการเลย ซึ่งที่ผ่านมาเราเห็นใจมาตลอดและคนอื่นๆที่มาถ่ายที่ร้านก็ไม่เคยมีใครมามาถ่ายในลักษณะจริงจังเหมือนสตูดิโอแบบนี้เลย มองว่าครั้งนี้ มันล้ำเส้นมากเกินไป โดยทุกครั้งที่มาถ่ายก็จะมาถ่ายช่วงสาย ๆ และถ่ายเสร็จเกือบร้านปิด และครั้งล่าสุด ก็มาอุดหนุนร้านไปในราคาประมาณ 700 บาท ซึ่งเราไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเลย

“ที่ผ่านมาเราไม่เคยเรียกร้องค่าบริการเลยเพราะร้านเห็นว่าเราต่างคนต่างทำธุรกิจเหมือนกัน มีอะไรที่เราสามารถซัพพอร์ตหรือช่วยกันได้ เราก็จะทำโดยที่ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ครั้งนี้รู้สึกว่ามันทำให้ลูกค้าคนอื่นๆเดือดร้อนด้วย ทั้งฝ่ายสตูดิโอที่นำมาและปลั๊กพ่วงต่างๆ เวลาลูกค้าจะเดินไปเข้าห้องน้ำก็ไม่สามารถเดินได้”

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ที่เกิดเหตุการณ์นี้มายังไม่เคยเข้าไปเตือนลูกค้ากลุ่มนี้เลย ซึ่งเมื่อวานหลังจากที่เกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ที่ร้าน แต่ว่าเราได้รับแจ้งจากลูกค้าประจำ ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ว่าลูกค้าที่มาใช้บริการที่ร้านก็ทำให้เดินทางไปห้องน้ำลำบาก ตนจึงได้เปิดกล้องวงจรปิดดู ก็เห็นพฤติกรรมหลายอย่างของกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ที่มันเกินขอบเขตล้ำเส้นมาก ๆ

ตนจึงได้แจ้งกับน้องพนักงานไปว่า ให้ไปขอเบอร์ลูกค้ากลุ่มนี้หน่อย หลังจากนั้นตนก็ติดต่อไปหาผู้ชายคนนึงที่อยู่ในทีมไป พร้อมกับแจ้งว่า ได้เปิดกล้องวงจรปิดดูและเห็นว่าทางแบรนด์ นำผลิตภัณฑ์ทุกอย่างไปวาง แทนของตกแต่งร้านและไฟก็ไปวางเกะกะทางเดินลูกค้าคนอื่น ซึ่งเราไม่ได้รับคำพูดดี ๆ จากอีกฝ่ายเลย เขาตอบกลับมาว่า “เดี๋ยวกลับแล้วครับ” เหมือนเป็นการพูดเพื่อตัดจบปัญหา

ทั้งนี้ หลังจากที่เกิดเรื่องทางแบรนด์ได้พยายามติดต่อตนมาและได้ชี้แจงใต้คอมเมนต์ซึ่งตนยังไม่พร้อมที่จะคุยและเข้าใจได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าของแบรนด์ไม่ได้เป็นคนผิด แต่ขึ้นอยู่กับการกระทำของแต่ละบุคคลมากกว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่า ทางร้านเปิดให้เช่าเป็นสตูดิโอ ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย หลังจากนี้ทางร้านก็ขอปกป้องร้าน และออกกฎระเบียบใหม่ไม่อนุญาตให้ถ่ายทำเชิงพาณิชย์อีกแล้ว เพราะเป็นการรบกวนลูกค้าท่านอื่นๆ

ล่าสุด ข่าวสด ได้รับการติดต่อจาก เจ้าของแบรนด์ ดังกล่าว โดยทางเจ้าของแบรนด์ ขอน้อมรับความผิดที่เกิดขึ้น พร้อมกับบอกว่า พนักงานทีมคอนเทนต์ทีมนี้ เป็นพนักงานใหม่ ที่เพิ่งทำงานได้ไม่กี่เดือน และวันที่เกิดเหตุ ทีมคอนเทนต์เดิมที ภารกิจมาทำงานกับเจ้าของแบรนด์ที่กรุงเทพฯ จึงให้ทีมคอนเทนต์ใหม่นี้ไปถ่ายงานช่วงระหว่างที่ทีมเดิมไม่อยู่

หลังเป็นข่าวทางเจ้าของแบรนด์ ไม่ได้นิ่งนอนใจ อยากขอโทษคุณอ้อ เจ้าของร้านกาแฟด้วยตัวเอง เบื้องต้นได้พยายามติดต่อหาแล้ว แต่ยังติดต่อไม่ได้ จึงให้ตัวแทนนำกระเช้าเข้าไปขอโทษที่ร้าน ตอนนี้เจ้าของแบรนด์ยังติดงานที่กรุงเทพฯ หากเสร็จงานแล้วจะรีบกลับพิษณุโลก แล้วเข้าไปขอโทษคุณอ้อด้วยตัวเองอีกครั้ง

ส่วนพนักงานทีมคอนเทนต์ใหม่ ทางบริษัทได้มีการคาดโทษ และห้ามออกไปถ่ายงานนอกสถานที่อีก ให้ช่วยดูแลระบบภายในแทน ซึ่งหากติดต่อคุณอ้อ เจ้าของร้านกาแฟได้แล้ว ทางเจ้าของแบรนด์จะพาพนักงานกลุ่มนี้เข้าไปขอโทษคุณอ้อด้วย

สุดท้าย ทางเจ้าของแบรนด์ ขอน้อมรับทุกคำติชม และขอโทษอีกครั้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

https://youtu.be/POdo6NvSjUM