สังคม

ศาลสั่งจำคุก ‘ครูฝึก-รุ่นพี่’ ทหารเกณฑ์ หนักสุด 20 ปี ซ่อมวินัย ‘น้องเน’ จนเสียชีวิต แม่ลั่นโทษน้อยไป

โดย petchpawee_k

28 พ.ค. 2568

736 views

ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก “ครูฝึก-รุ่นพี่” รวม 13 นาย ร่วมกันทำร้าย “พลทหารวรปรัชญ์” เสียชีวิต โดนหนักสุด 20 ปี ผู้ปกครองลุยยื่นฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายกับกองทัพบก กระทรวงกลาโหม

จากกรณี พลทหาร วรปรัชญ์ พัดมาสกุล ทหารเกณฑ์ หรือน้องเน อายุ 18 ปี ค่ายนวมินทร์ฯ จ.ชลบุรี ถูกครูฝึกซ่อมวินัยเสียชีวิต หลังเกณฑ์ทหารไม่ถึง 3 เดือน แพทย์ระบุสมองบวม ซี่โครงหัก 2 ข้าง ปอดฉีก ปอดรั่ว ไหปลาร้าหัก กระดูกสันหลังหัก  ต่อมา ทบ.ไม่เลี้ยงฟันวินัย-อาญา ครูฝึกและครูผู้ช่วย 13 นาย ลงโทษวินัยผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น 3 นาย ตั้งแต่ระดับผู้บังคับหมวดจนถึงผู้บังคับกองพัน  ซึ่งขณะนั้นพ่อของ พลทหาร วรปรัชญ์ บอกว่าลูกตั้งใจสมัครเป็นทหารเหมือนส่งลูกไปตาย


ต่อมาพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องครูฝึกและผู้ช่วยครูฝึกรวมทั้งหมด 13 คน เป็นจำเลยในความผิดฐาน “ร่วมทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและป้องกันการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 มาตรา 5”


ล่าสุดวานนี้ (27 พ.ค.) ทนายเกิดผล แก้วเกิด โพสต์แจ้งความคืบหน้าคดี ว่าวานนี้ (27 พ.ค.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ได้อ่านคำพิพากษาโดยสรุปเนื้อความว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นครูฝึกทหารใหม่ของค่ายนวมินทร์ โดยมีจำเลยที่ 3 ถึง 13 เป็นทหารเกณฑ์และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยครูฝึกทหารเกณฑ์

ร่วมกันทำร้ายผู้ตายหลายครั้งหลายเวลา ต่างกรรมต่างวาระอย่างทารุณโหดร้าย จนผู้ตายได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา


พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อ เนื่องจากพยานส่วนใหญ่เป็นทหารใหม่และเป็นทหารเกณฑ์ในค่ายนวมินทร์ที่จำเลยทั้ง 13 สังกัดอยู่ และเห็นเหตุการณ์ซึ่งถือว่าเป็นประจักษ์พยานโดยตลอด หากไม่เป็นความจริง พยานซึ่งเป็นทหารเกณฑ์และเป็นทหารใหม่ก็คงไม่กล้าใส่ความหรือใส่ร้ายป้ายสีทั้งไม่มีสาเหตุโกรธเครื่องกับจำเลยทั้ง 13 แต่อย่างใด

นอกจากนั้นคำให้การของจำเลยทั้ง 13 ก็ยังมีพิรุธสงสัยและมีการต่อสู้โดยปฏิเสธลอย ๆ ทั้ง ๆ ที่ในชั้นพัฒนาสอบสวนเมื่อพระนเรศวรแจ้งข้อหาว่าจำเลยทั้ง 13 เรื่องการทำร้ายร่างกายพลทหารให้ได้รับอันตรายแก่กาย จำเลยทั้ง 13 ให้การรับสารภาพโดยไม่ให้รายละเอียดใด ๆ แต่ต่อมาภายหลังจากที่พลทหารเสียชีวิต เมื่อพนักงานสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมเป็นข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย จำเลยทั้ง 13 ก็ให้การปฏิเสธลอย ๆ โดยไม่ให้รายละเอียด


ซึ่งในทางพิจารณาคดีพยานหลักฐานทของโจทก์และของจำเลยก็รับฟังได้ว่าจำเลยทั้ง 13 ได้มีส่วนร่วมกันกระทำความผิดจริงตามฟ้องเพียงแต่ต่างคนต่างทำ แต่ระยะเวลาและสถานที่ชัดเจนที่สุดว่าพลทหารเสียชีวิตในเวลาต่อมาเกิดจากการกระทำรุนแรงของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นครูฝึกได้ใช้ไม้ ทำร้ายโดยการทุบตี พลทหารจนถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา

ศาลชั้นต้นจึงมีคำพิพากษาว่าการกระทำความผิดของจำเลยทั้ง 13 มีความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565  มาตรา 5 และมาตรา 35 วรรค 3 พิพากษาจำคุก จำเลยที่ 1 20 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 15 ปี จำคุกจำเลยที่ 3 ถึง 13 คนละ 10 ปี


ในส่วนของพ่อแม่พลทหารที่เสียชีวิตยังติดใจคำพิพากษาเห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้รับโทษน้อยเกินกว่าที่กระทำควรได้รับโทษมากกว่านี้และจะได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อไป


ในส่วนคดีแพ่งหลังคัดคำพิพากษาได้แล้ว ทนายเกิดผล ระบุว่า จะยื่นฟ้องกองทัพบกเป็นจำเลยเพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทนให้กับพ่อแม่ของน้องตามกฎหมายต่อไป

ต่อมาทนายเกิดผล โพสต์ว่า “วันนี้ระหว่างฟังคำพิพากษา ก็แอบชำเลืองตามองดูทหารเกณฑ์ ที่เป็นผู้ช่วยครูฝึก จากชีวิตลูกชาวบ้านแท้ ๆ ต้องมาติดคุกเพราะคึกคะนองแท้ ๆ  เสียอนาคตเสียเวลาไป 10 ปี กับสิ่งที่ไม่ควรต้องทำ แต่ก็เป็นบทเรียนที่ดีอย่างหนึ่งสำหรับทหารใหม่ ที่ชอบใช้กำลังทำร้ายทหารรุ่นน้อง โดยคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งความจริงมันเป็นประเพณีที่ห่วยแตกมาก มันไม่ควรจะต้องทารุณกรรมใครแล้ว”

นอกจากนี้ทนายเกิดผล ยังโพสต์อีกว่า “ทหารกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ. อุ้มหาย ไม่ได้ขึ้นศาลทหารนะครับ ต้องขึ้นศาลพลเรือนและติดคุกพลเรือนนะครับอย่าหาทำ ”

ต่อมาทนายเกิดผล โพสต์ว่า “ไม่ว่าจะในค่าย หรือ ในคุก ก็ไม่ควรมีการตายฟรี”

ผู้สื่อข่าวได้คุยกับ น.ส.โสภาพรรณ พัดมาสกุล แม่พลทหาร วรปรัชญ์ มองว่าโทษน้อยไป สำหรับตัวกำลังพลที่เป็นข้าราชการประจำการ ที่กำลังพลนายสิบของท่าน มาทำให้บุคคลในครอบครัวเราเสียชีวิต  โทษตรงนี้กับหนึ่งชีวิต ปรับ 20 ปีมันน้อยเกินไป ต้องขอบคุณกฎหมายดี ๆ ของ พ.ร.บ.อุ้มหาย ซึ่งมาทำให้เราที่เป็นผู้เสียหายสามารถเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิตได้ เพราะเป็นเคสทหาร ปกติจะขึ้นศาลทหาร แต่วันนี้เมื่อมีกฎหมายนี้ออกมา ทำให้เราสามารถโยกคดีความตรงนี้ออกมาสู้ศาลข้างนอก และเป็นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมองว่าค่ายทหารจะไม่เป็นแดนสนธยาอีกต่อไป สำหรับการทำร้ายร่างกายเด็ก การลงโทษทางวินัยที่เกินกว่าเหตุ

ด้าน นิชนันท์ วังคะฮาต อดีต ผู้สมัคร สส.เขต 10 พรรคก้าวไกล อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โพสต์ข้อความว่า ซึ่งเป็นคนเปิดเรื่องนี้ “ขอบคุณผู้พิพากษาและกระทรวงยุติธรรม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและอุ้มหาย ผู้เสียหาย หรือ ผู้ถูกกระทำสามารถยื่นขอรับเงินเยียวยาจำนวนเงิน 500,000 บาท จากกระทรวงยุติธรรม ผู้ปกครองจะยื่นฟ้องคดีแพ่ง กับ กองทัพบก กระทรวงกลาโหม เรียกค่าเสียหายต่อไป เป็นอีกหนึ่งกรณีการเสียชีวิตของทหารเกณฑ์ในค่ายทหารที่เกิดขึ้นในสังคมไทย”

-----------------------

ย้อนคดี! สลดทหารเกณฑ์ วัย 18 ถูกครูฝึกค่ายดังชลบุรี ซ่อมวินัยจนเสียชีวิต แพทย์เผยสาเหตุร่างกายถูกทำร้ายหนัก ทั้งสมองบวม ซี่โครงหักทั้ง 2 ข้าง ปอดฉีก ปอดรั่ว ไหปลาร้าหัก และกระดูกสันหลังหัก

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Nitchanan Wangkahat น้ำ นิชนันท์” ระบุว่า ทหารเกณฑ์ชลบุรีโดนซ้อมจากการซ่อมวินัยจนเสียชีวิต ทำพิธีเผาศพเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อวาน ไม่ได้ไปร่วมงานเผาเพราะติดงานเผาศพอีกงาน แต่ได้ไปร่วมฟังงานสวดพระอภิธรรม พร้อมพูดคุยรายละเอียด กับพ่อแม่ ของ น้องเน หรือ นายวรปรัชญ์  อายุ 18 ปี ทหารเกณฑ์แบบสมัครใจไปเอง ที่ถูกซ่อมวินัย จนเสียชีวิต ขอเล่ารายละเอียดจากที่ฟังเรื่องราวกับพ่อแม่มา


น้องเน เกิดที่บ้านโรงโป๊ะ บางละมุง เป็นลูกชายคนโต อายุ 18 ปี พ่อแม่แยกทางตั้งแต่ น้องเน อายุ 2 ขวบ ต่างคนต่างไปมีครอบครัวใหม่ น้องเน อยู่และเติบโตกับแม่ และยาย ส่วนพ่อถึงแม้แยกทางกันก็ส่งเสียเลี้ยงดูน้องเนมาทำหน้าที่พ่อที่ดีเสมอมา


แม่ น้องเน ทำงานประจำเป็นลูกจ้างบริษัท และตอนเช้ามืดจะทำขนมไปขายที่ตลาดสด เพื่อหารายได้เสริมมาเลี้ยงครอบครัว น้องเน มักช่วยแม่ทำขนม และช่วยแม่ขายด้วย จนพอโตเป็นวัยรุ่น ก็เลิกช่วยมาขาย แต่ช่วยแม่เลี้ยงน้อง 2 คนอยู่บ้าน และ มีรายได้จากขายเกมส์ของเขาเอง ปกติน้องเนเป็นคนเรียบร้อย ๆ ไม่ค่อยพูด บุคลิกอาจจะทำอะไรช้าหน่อย ไม่ใช่คนใจร้อนหรือทำอะไรเร็ว ๆ เรียนชั้น ปวช.ใกล้จะจบ แล้วดรอปไว้ พออายุ ครบ 17 ปี เป็นชายสัญชาติไทยต้องไปขอขึ้นทะเบียนทหารกองเกิน หรือ ใบ สด.9 น้องเนก็ได้พูดคุยเรื่องเกณฑ์ทหารกับสัสดี น้องเนเป็นคนตัวใหญ่ สูง สัสดีก็แนะนำว่า รูปร่างเหมาะน่าสมัครไปเป็นทหารอาชีพ ทำให้ น้องเน ก็สนใจ


พออายุครบ 18 ปี ไปสมัครเป็นทหารเกณฑ์ เพื่อฝันอยากมีโอกาสต่อยอด ได้เป็นทหารอาชีพ เป็นนายสิบต่อ จะได้มีงานทำที่มั่นคง พร้อมจะเรียนต่อไปด้วย ในอนาคต จะได้ช่วยแบ่งเบาช่วยเหลือแม่ได้


เดือนพฤศจิกายน 2566 ไปสมัครเป็นเกณฑ์ทหารช่วงแรกมวลร่างกายไม่ผ่าน สัดส่วนน้ำหนักกับส่วนสูงเกิน ทำให้ น้องเน กลับมาลดน้ำหนัก อีก 10 กก. เพื่อ ให้น้ำหนัก ได้ ลดน้ำหนักได้แล้ววันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ก็เข้าไปเป็นทหารเกณฑ์ที่ค่าย แห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี


วันที่ 26 พ.ค 2567 ถึงวันพบญาติครั้งแรก แม่และยาย น้อง 2 คน ก็ไปเยี่ยม น้องเน ที่ค่าย แม่เห็นน้องเน น้ำหนักลดลงไปอีก 10 กก ภายใน ไม่ถึง 1 เดือน แม่ถามว่าไหวมั๊ย เขาก็บอกว่าไหว แต่ไม่ได้เล่าเรื่องฝึกอะไรให้แม่ฟังเลย เขาบอกแม่ว่า แม่อย่าทิ้งผมนะ ต้องมาเยี่ยมผมนะ แม่บอกมาแม่ต้องมาเยี่ยมซิ


คืนวันที่ 22 มิถุนายน แม่ได้รับแจ้งว่าน้องชีพจรต่ำ ติดเชื้อในกระแสเลือด ให้แม่ไปที่ ร.พ. พอแม่ไปถึงน้องเนไม่ได้สติ ใส่ท่อช่วยหายใจ ร่างกายบวม ทราบผลจากการตรวจของหมอ สมองบวม ซีโครงหักทั้ง 2 ข้าง ปอดฉีก ปอดรั่ว ไหปลาร้าหัก กระดูกสันหลังหัก สอบถามได้ความว่าน้องโดนครูฝึกซ่อมวินัย 2 รอบ


รอบแรก น้องเน ได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่มีใครพาไปโรงพยาบาล ให้ กินยา รักษาแผลที่ขา ในห้องพยาบาลในค่ายทหาร แล้ว ทำให้เหมือน ครูฝึกได้ข่าวว่าน้องเนจะฟ้องผู้พัน หัวหน้าจริงๆ น้องเนยังไม่ได้ฟ้องเลย ก็เลยมาโดนครูฝึกซ้อมรอบที่ 2 อาการหนักกว่าเก่า และใช้ไม้ตีด้านหลังด้วย มีคนพบเห็นท่อนไม้ด้วย


ครูฝึกคนนี้เป็น คนพื้นเพอ่าวอุดม แหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นครูฝึกเสนารักษ์ เหมือนหมอทหาร ยศ สิบเอก อายุ 33 ปี เป็นคนอยู่กับห้องเน คนสุดท้าย ตอนช้อม เพื่อนได้ยินเสียงน้อง ร้องออกมาจากในห้อง สักพัก เสียงเงียบหายไป เพื่อนเลยวิ่งออกมาดู เปิดห้องเข้าไป ก็เห็นครูฝึก คนนี้ กำลังปั๊มหัวใจทำ CPR ที่หน้าอก แม่ น้องเน ไม่แน่ใจว่า เป็นการ ทำ CPR เพื่อช่วยเหลือชีวิตคนไข้หรือ ทำCPR ซ้ำเพื่อให้เสียชีวิตเร็วขึ้น กระดูกหน้าอกก็ช้ำมาก


น้องเน หมดสติหยุดหายใจประมาณ 14 นาที ก็ไม่เร่งรีบพาไปส่งโรงพยาบาล ร.พ. ทันที รอสักพักใหญ่ๆ ถึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาล


โรงพยายบาล ก็ทำการปั๊มหายใจขึ้นมา และใส่ท่อช่วยหายใจ อยู่ได้ 2 คืน ส่งต่อ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในกรุงเทพฯ น้องเนก็ไม่ฟื้น จนมาเสียชีวิต ในวันที่2 สิงหาคม รวมเวลาทั้งหมด 40 วัน ครูฝึก พอรู้ว่าน้องเนเสียชีวิต ก็พยายามหนี จะข้ามฝั่งไปประเทศลาว ไปถึงนครพนมแล้ว ได้ผู้พัน หัวหน้า ของ น้องเน สั่งทีมทหาร ตำรวจ สกัดและให้รวบตัวมาทำคดี


พ่อน้องเน ไปแจ้งความทำร้ายร่างกาย ตอนนั้นน้องเนยังไม่เสียชีวิต อัยการให้ปล่อยตัวครูฝึก ได้รับการประกันตัวออกมา ครูฝึกปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา ว่าไม่ได้ทำ แม่มารู้ทีหลัง ๆ น้องเนเสียชีวิตแล้ว ว่าน้องเน ได้แชตคุยกับแฟน บอกแฟนมาโดนตี โดนต่อย อยู่เฝ้าเวรยันเช้า ตอนนี้ข้อมูลครูฝึกที่ซ่อมวินัย มีกี่คน เห็นพ่อน้องเนบอกมี 13 คน แต่ครูฝึกเสนารักษ์ อยู่กับน้องเนคนสุดท้าย และมาซ้อมรอบที่ 2 พ่อน้องเนก็กำลังเช็กขอมูลให้ครบถ้วน เพื่อนทหารก็ไม่ค่อยกล้าให้ข้อมูลเท่าไหร่


พ่อแม่ แม่น้อง รู้สึกเสียใจมาก และ รู้สึกโกรธครูฝึกมาก ว่าทำไมต้องใช้ความรุนแรงตีลูกเขาขนาดนี้ ลูกชายเขายังเด็กมาก ๆ อายุเพิ่ง 18 ปี และ เขาก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจมากที่อยากเป็นทหาร ทำไมต้องทำโทษกันรุนแรงขนาดนี้ ลูกชายไม่ใช่คนหัวรุนแรงเลย เรียบร้อยมาก ออกจะเป็นคนหัวอ่อนด้วยซ้ำไป แต่ทำไมทำกันขนาดนี้ ถ้าลูกชายไม่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติที่จะฝึกทหารไม่ได้ ก็ควรแจ้งบอกตรง ๆ แม่พร้อมที่จะไปรับลูกชายกลับมาอยู่บ้านได้เลย


พ่อแม่น้องเน บอกว่า ก็ขอให้แยกแยะว่า ผู้พัน หัวหน้า ของน้องเน พูดจาดีมาก ช่วยและประสานงานทุกอย่างรวมทั้งตามจับ ครูฝึกที่จะหลบหนีข้ามฝั่งทางช่่องทางธรรมชาติไปประเทศลาว จนรวบตัวมาได้ และช่วยเหลือเรื่องงานศพอยู่ ก็หลังงานศพเสร็จแล้ว จะมีการติดตามเรื่องคดีความอย่างไร จะแจ้ง ให้ทราบอีกที่ แม่น้องเนขอให้น้องเนเป็นศพสุดท้าย ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้กับลูกใครอีก ถ้าฝ่ายทหารมีข้อมูลที่แตกต่างจากที่เล่ามาก็แจ้งมาได้ค่ะ ยินดีรับฟังข้อมูล และนำเสนอข้อเท็จจริง จากทุกฝ่าย


ขอแสดงความเสียใจ และ ขอบคุณที่พ่อแม่น้องเน ยินดีให้ข้อมูลข้อเท็จจริงจากฝ่ายพ่อแม่ที่ได้มา สิ่งที่อยากเห็นคือ กระทรวงกลาโหม ควรตั้งคณะกรรมการจากข้างนอก พร้อมกระทรวงยุติธรรม มาสืบสวน สอบสวนข้อเท็จจริง และการนำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย ไม่ต้องขึ้นศาลทหาร ให้ขึ้นศาลพลเรือน เหมือนคดีอาญาทั่วไป อยากเห็นการปฎิรูประบบซ่อมวินัยทหารเกณฑ์ที่ใช้ความรุนแรง และละเมิดสิทธิมนุษย์ชน จนถึงขั้นเสียชีวิต จะแก้ไขอย่างไร? จะแก้ไขเมื่อไหร่?


ฝากสื่อมวลชนสื่อโชเชียลมีเดียและประชาชน ผู้รักความยุติธรรม ช่วยกันทวงถามความยุติธรรมให้กับ น้องเน พลทหารวรปรัชญ์ พัดมาสกุล ทหารเกณฑ์ ที่อยากรับใช้ชาติแต่ต้องมาจบชีวิตแค่ฝึกทหารใหม่ภายในไม่ถึง 2 เดือน ขอให้ดวงวิญญาณนายวรปรัชญ์ พัดมาสกุลไปสู่ภพภูมิที่ดี

https://youtu.be/4bSOsmSXFe4

คุณอาจสนใจ

Related News