ผู้จัดงานวิ่ง ให้ปากคำตำรวจ ยันมีเจตนาจัดงานจริง ด้านทีมสตาฟ แฉงานเคยถูกเลื่อนเมื่อปี 2024

กลุ่มนักวิ่งกว่า 70 คน เดินทางมายัง สน.ประเวศ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้จัดงานวิ่ง run for destination 2025 ที่สวนหลวง ร.9 หลังผู้จัดเทงาน และจ่ายเงินค่าสมัครไปแล้ว

นางสาวสาวิตรี 41 ปี เดินทางมาจากจังหวัดนนทบุรี บอกว่า เห็นโครงการวิ่งจากเพจเฟซบุ๊ก จึงลงสมัคร แต่ก็เอะใจในครั้งแรก เพราะค่าสมัครราคาถูก แต่ให้ของจำนวนมาก ทั้งนาฬิกาสมาร์ทวอช กระเป๋า รองเท้า และเมื่อถึงวันรับ bib (เลขวิ่ง) ตนก็รู้สึกแปลกใจ เพราะสถานที่ไม่มีการจัด และได้เพียงเลข bib เสื้อหรือของอื่นๆก็ไม่ให้ อ้างว่าติดฝน ส่งไม่ทัน เมื่อไปเช็กชื่อของกลุ่มผู้จัดงาน ก็พบว่าปลายทางที่โอนเป็นนิติบุคคล แต่ก็ยังเชื่อว่าการจัดงานจะเกิดขึ้นจริง และได้ไปเช็กบริษัทนิติบุคคล พบว่ามีทุนจดทะเบียน มีการจัดงานวิ่ง

จนกระทั่งวันจริง ตนยิ่งตกใจ เพราะสถานที่ไม่พร้อม ไม่มีการเตรียมการอะไรนอกจากโต๊ะหนึ่งตัว และเจ้าหน้าที่ 2 คน ตนจึงรวมกลุ่มกับนักวิ่ง เพราะรู้สึกแปลก จึงรู้ว่าไม่มีการจัดงานวิ่งขึ้นจริง ตนรู้สึกเสียความรู้สึกเพราะตั้งใจมาวิ่ง และอยากจะดำเนินคดีกลุ่มผู้จัด

ด้าน พ.ต.อ.ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผกก.สน.ประเวศ เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคํา 2 ผู้จัดงาน ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทต้นสนเก้าเก้า สปอร์ตคอมเพล็กซ์ เบื้องต้นทางผู้จัดอ้างว่า มีเจตนาที่จะจัดงานจริง เนื่องจากมีการแจกอุปกรณ์ต่างๆ เช่น Bib เสื้อ นาฬิกา และหมวก ให้กับผู้วิ่งประมาณ 600 คน จากผู้ลงสมัครกว่า 1,800 คน ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ และตรวจสอบรายละเอียดของการจัดส่งของที่ลงไว้ในเพจว่าส่งให้ตามสเปคจริงหรือไม่ รวมถึงต้องไปตรวจสอบช่องทางการรับอุปกรณ์หน้างาน รับล่วงหน้าหรือรับทางไปรษณีย์ ซึ่งรายละเอียดดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และรวบรวมหลักฐาน ซึ่งหากมีความผิดทางอาญาจะเข้าข่ายการฉ้อโกง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ร.บ.คอมพ์ รวมถึงจะเข้าข่ายความผิดทางคดีแพ่ง แต่ขอให้ตำรวจสอบปากคำถึงเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หน่วยที่อนุญาตสถานที่ในการจัดงาน ซึ่งเป็นการดูแลของสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร

ส่วนผู้เสียหายให้แจ้งความลงบันทึกประจำวัน ส่วนใครที่ไม่สะดวก จะให้ลงรายละเอียดใน Google ฟอร์ม และจะนำมารวบรวมในสำนวน ส่วนนักวิ่งจะได้เงินคืนหรือไม่ ไม่สามารถตอบได้ เพราะเป็นเรื่องทางแพ่งและทางผู้จัด ยืนยันจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ตรงไปตรงมา และตามจริงเพื่อให้นักวิ่งทุกคนได้สบายใจ


ขณะที่ นางปณิศรา หรือ นาง ทีมสตาฟที่ถูกจ้าง กล่าวว่า เธอถูกติดต่อมาให้มาแจกนํ้าและทําสตาฟบอกเส้นทางให้นักวิ่ง ได้ค่าจ้างคนละ 500 คน มา 63 คน โดยวันนี้เมื่อมาถึง ทีมงานก็ลงจุดแจกนํ้าและกระจายไปตามเส้นทางและจุดฝากของ แต่ก็ไม่มีงานเกิดขึ้นจริง

ส่วนเมื่อถามว่างานล่มได้ไงนั้น เธอไม่ทราบ เพราะจากที่คุยกับผู้จัด ก็ยังยืนยันว่าจะจัดงานอยู่ แต่เธอสังเกตเห็นว่า ที่จัดงานมีซุ้ม แต่ไม่เหมือนทุกงานที่เคยทํา ไฟแสงสีเสียงก็ไม่พร้อม ซุ้มปล่อยตัวก็เหมือนเด็กอนุบาล ไม่ใช้นาฬิกาที่ใช้กันในงานวิ่ง เหรียญรางวัลก็เห็นมีเมื่อเช้า แต่ไม่ได้เยอะเท่าคนวิ่ง ปกติสเกลงานวิ่งที่เคยทำมา ประมาณ 3-4 พันคน แต่งานนี้เพียงพันกว่าคนเอง

นางปณิศรา บอกอีกว่า เพิ่งเคยทํางานกับผู้จัดนี้ครั้งแรก แต่ยังดีที่เธอได้ค่าตอบแทนค่าแรงมาหมดแล้ว เหลือค่าถุงขยะบางส่วนในราคาหลักร้อยเท่านั้น แต่ก่อนหน้านี้ตอนจะจ่ายค่าจ้าง ทางทีมผู้จัดมีการผลัดมา 3 - 4 ครั้ง จนเธอพูดว่าถ้าไม่พร้อมก็ยกเลิกจ้างหรือเลิกจัดงานก็ได้ แต่ทางผู้จัดก็ยืนยันว่างานจะยังคงจัดขึ้น และเพิ่งจะจ่ายเงินครบก็เมื่อวานนี้ รวมกว่า 30,000 บาท

และที่ผ่านมา เธอติดต่อกับผู้จัดชื่อไอซ์ อุ๊ ผึ้ง ผ่านการคุยโทรศัพท์และแชตเท่านั้น ไม่เคยเจอตัวจริง และเธอทราบมาว่างานวิ่งที่ถูกเทครั้งนี้ เป็นงานวิ่งที่ถูกเลื่อนมาตั้งแต่เมื่อ 26 มกราคมปีที่แล้ว

นอกจากนี้ นางปณิศรา ยังบอกอีกว่า เธอเพิ่งทราบว่า เธอถูกกลุ่มผู้จัดฟ้องดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงค่าเสื้อเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ซึ่งผู้จัดเป็นคนเสนอให้เธอมาขายเสื้องานวิ่งที่หน้าสวนสาธารณะจำนวน 100 ตัว ขายตัวละ 600-650 บาท ซึ่งตนขอค่าเปอร์เซ็นต์ในการขายเสื้อตัวละ 50 บาท เธอขายหมด รวมขายได้ 65,000 บาท และโอนให้ไปแล้วจํานวน 60,000 บาท อีก 5,000 บาท คือค่าเปอร์เซ็นต์ที่ตกลงคุยกัน แต่กลับถูกแจ้งความดําเนินคดี เธอยืนยันว่ามีหลักฐานการโอนทั้งหมด และยืนยันว่าเงิน 5,000 ที่หักมาเป็นเงินค่าเปอร์เซ็นต์ที่คุยกันในการหักจากการขายเสื้อ