สังคม
ก.แรงงาน ออกหนังสือชวนนายจ้าง เพิ่มวันลาปวดประจำเดือน - สวัสดิการผ้าอนามัยฟรี
โดย nicharee_m
21 พ.ค. 2568
752 views
กระทรวงแรงงาน เชิญชวนนายจ้าง จัดฟรีผ้าอนามัย เป็นสวัสดิการให้ลูกจ้างหญิงได้ที่มีประจำเดือน พร้อมให้การลาหยุด เป็นวันลาที่ได้รับคำจ้าง ด้านรองอธิบดีกรมสวัสดิการฯ ยันไม่ได้เป็นกฎหมายภาคบังคับ แต่เป็นการขอความร่วมมือ
โดยกระทรวงแรงงาน ส่งหนังสือถึงจังหวัดทุกจังหวัด มอบหมายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเชิญชวนนายจ้าง กำหนดให้วันลาหยุด เนื่องจากมีประจำเดือน เป็นวันลาที่ได้รับคำจ้าง และกำหนดให้นายจ้างจัดให้จัดให้มีผ้าอนามัยเป็นสวัสดิการที่ลูกจ้างหญิงทุกคนเข้าถึงได้ฟรี
โดยเอกสารฉบับนี้ ทางกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ลงนามในเอกสาร เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 68 ถึงจังหวัดทุกจังหวัด
เนื้อหาในเอกสาร มีใจความว่า จากข้อเสนอ เนื่องในวันผู้อพยพย้ายถิ่นสากล (28 ธันวาคมของทุกปี) ของเครือข่ายภาคเหนือ จำนวน 9 ข้อต่อรัฐบาล เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาที่แรงงานข้ามชาติเผชิญอยู่ในปัจจุบันอย่างเป็นรูปธรรม
ในข้อ 8 ได้เสนอให้มีการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานหญิง โดยกำหนดให้การลาหยุด เนื่องจากวันที่มีประจำเดือน เป็นวันลาที่ได้รับค่าจ้าง และกำหนดให้นายจ้างจัดให้มีผ้าอนามัยเป็นสวัสติการที่ลูกจ้างหญิงทุกคนเข้าถึงได้ฟรี
ซึ่งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงผ้าอนามัยของลูกจ้างหญิง และส่งเสริมสุขอนามัยเจริญพันธ์ุในเพศหญิง จึงมอบหมายให้สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด ประชาสัมพันธ์ “เชิญชวนนายจ้าง กำหนดให้การลาหยุด เนื่องจากวันที่มีประจำเดือน เป็นวันลาที่ได้รับคำจ้าง และกำหนดให้นายจ้างจัดให้จัดให้มีผ้าอนามัยเป็นสวัสดิการที่ลูกจ้างหญิงทุกคนเข้าถึงได้ฟรี”
ทีมข่าวโทรศัพท์สอบถามไปยัง นายพงศ์เทพ เพชรโสม รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เปิดเผยว่า หนังสือดังกล่าวเป็นการขอความร่วมมือ และประชาสัมพันธ์เชิญชวนนายจ้าง ซึ่งไม่ได้เป็นภาคบังคับ ซึ่งตามหลักปกติแล้วทั่วไป กรณีการปวดประจำเดือน จนไม่สามารถทำงานได้ ก็สามารถที่จะใช้สิทธิ์ลาป่วยได้อยู่แล้ว แต่ตรงนี้อาจจะเป็นลักษณะที่นอกเหนือจากกฎหมายว่า นอกจากวันลาป่วยแล้ว หากนายจ้างจัดสวัสดิการลักษณะแบบนี้ ให้กับลูกจ้างหญิงที่มีประจำเดือน และไม่สามารถทำงาน ก็สามารถทำได้
ย้ำว่าไม่ใช่ข้อกฎหมายที่บังคับใช้ แต่เป็นการขอความร่วมมือ ซึ่งหากเป็นข้อกฎหมาย ต้องไปดูในหลักกฏหมายสากล ว่ามีประเทศไหนบ้างกำหนดเรื่องนี้ แต่ในประเทศไทยยังไม่มีตรงนี้ ก็เป็นเรื่องที่จะต้องไปศึกษาในอนาคตว่า วันลาเหล่านี้มีความจำเป็น และความเท่าเทียมต่างๆ อย่างไร หากจะแก้กฎหมายหนึ่งฉบับ จะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นกับผู้ที่มีส่วนได้เสีย