“ว.วชิรเมธี” แจง “ไร่เชิญตะวัน” ไม่ได้ร้าง ทนายฟ้องยูทูบเบอร์หิวแสง ปล่อยข่าวเท็จ

ทนายไร่เชิญตะวัน ฟ้องยูทูบเบอร์กล่าวหาว่าเป็นวัดร้าง “ว.วชิรเมธี” เตือนอย่าพูดเอามัน หิวแสงต้องการยอดไลค์ จนไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น

กรณีที่ได้มียูทูบเบอร์หลายคน นำเสนอคลิปภาพเรื่องราวในทำนองว่า หลังจากเกิดกรณี "ดิไอคอน" แล้ว ที่ไร่เชิญตะวัน หรือชื่อเต็มๆ ว่า ศูนย์วิปัสนาสากลไร่เชิญตะวัน จ.เชียงราย ซึ่งสร้างและดูแลโดยท่าน ว.วชิรเมธี หรือ พระเมธีวชิโรดม มีสภาพรกร้างไร้ผู้คน ตัวของท่าน ว.วชิรเมธี เองก็ไม่ได้เข้าไปที่ไร่เชิญตะวันอีกเลย จนเกิดคำถามว่า ว.วชิรเมธี อยู่ไหน?

วานนี้ (19 พ.ค.) ทีมข่าวที่ จ.เชียงราย เข้าไปที่ไร่เชิญตะวัน โดยท่าน ว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการศูนย์วิปัสนาสากลไร่เชิญตะวัน จ.เชียงราย ได้พาทีมข่าวไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ภายในไร่เชิญตะวัน ซึ่งเบื้องต้นสถานที่ต่างๆ ก็อยู่ในสภาพที่สะอาด ได้รับการดูแลเอาใจใส่เจ้าบุคคลากรของไร่เชิญตะวันเป็นอย่างดี

บรรยากาศภายในไร่เชิญตะวันยังดูสงบเงียบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม แต่ที่เห็นว่ามีผู้คนจำนวนน้อยลง อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ได้เป็นช่วงไฮซีซั่นที่นักท่องเที่ยวจะเยอะ ยืนยันไร่เชิญตะวันไม่ได้ร้าง ยังมีประชาชนเข้าไปกันตามปกติ โดยเฉพาะท่าน ว.วชิรเมธี บางวันมีประชาชนเข้าไปนมัสการเยอะจนแทบไม่มีเวลาได้ฉันภัตตาหาร

พระเมธีวชิโรดม เปิดเผยถึงกรณียูทูบเบอร์นำเสนอว่าไร่เชิญตะวันร้าง ว่า อยากบอกผู้ที่มาทำข่าวหรือไลฟ์สด ขอให้มาเวลาทำการ ไร่เชิญตะวันเปิด 09.00 น. ปิด 17.00 น. แล้วจะเห็นว่าภายในไร่เชิญตะวันมีกิจกรรมทุกวัน

และถ้าติดตามเพจของพระอาจารย์ จะเห็นว่าไม่มีวันไหนที่ไม่มีกิจกรรม บางคนเหมือนตั้งใจมาถ่ายจุดที่ไม่มีกิจกรรม ไปถ่ายโกดัง อาคารไม้ที่กำลังรีโนเวท แล้วปล่อยข้อมูลเท็จออกไป อย่างเมื่อวานพระอาจารย์รับแขกแทบไม่ได้ฉันเพล ยังทำหน้าที่พระไปบรรยายธรรมเทศนาโปรดญาติโยมตลอด วันก่อนมีการอบรมเณรร้อยกว่ารูป มีการประชุม มีการทำกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายตามปกติ

พระเมธีวชิโรดม บอกด้วยว่า ส่วนผู้ที่มานอกเวลาทำการและปล่อยข้อมูลเท็จออกไป ทนายตั้งเรื่องและส่งฟ้องเรียบร้อย มีคนมาล็อบบี้ขอให้ถอนฟ้อง แต่ทางทนายคงทำให้ไม่ได้ ทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบ การนำเสนออะไรผ่านโซเซียลมีเดียอย่าทำไปเพราะว่าหิวแสงจนเกินไป ไม่ใช่อยากถ่ายอะไรก็ถ่าย บุกไปถ่ายถึงบนกุฏิพระ ทนายก็ต้องทำหน้าที่ปกป้องสิทธิ์และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทางไร่เชิญตะวัน อย่ามากล่าวหาว่าพระไม่มีเมตตา อาตมาไม่ได้ฟ้อง ผู้ที่ฟ้องคือลูกศิษย์ที่เป็นทีมทนาย

ที่เชียงรายดูเงียบๆ ไป อย่าลืมว่าปีที่ผ่านมาเชียงรายเจอน้ำท่วมอย่างหนักหลายพื้นที่ยังซ่อมบ้านไม่เสร็จ ปีนี้มาเจอน้ำกกเน่ามีสารพิษอีก เพราะฉะนั้นถ้ารักจะเป็นนักข่าว อยากนำเสนอเรื่องราวออกไปสู่โซเซียล อยากให้หาความรู้เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องการท่องเที่ยวด้วยว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ไม่ใช่อยากไลฟ์สดดตรงไหนก็แบกกล้องไปนำเสนอข้อมูลเท็จออกไปต่อสาธารณชน

ส่วนเรื่องคดีดิไอคอน พระเมธีวชิโรดม บอกว่าเป็นเรื่องเซนซิทีฟขอผ่านไม่อยากพูดถึงอีกแล้ว

ล่าสุด (20 พ.ค.) เพจ พระเมธีวชิโรดม - ว.วชิรเมธี โพสต์เฟซบุ๊กภาพปัจจุบันไร่เชิญตะวัน พร้อมร่ายข้อความระบุว่า ปัจจุบันขณะของไร่เชิญตะวัน

1.เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ของทุกปี วงการท่องเที่ยวเรียกว่าช่วง “โลว์ซีซั่น” นักท่องเที่ยวจะบางตา เพราะเป็น “หน้าฝน” คนจะเดินทางท่องเที่ยวน้อยลง เป็นอย่างนี้ทุกแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ

2.มาวัดช่วงโลว์ซีซั่น คนบางตา จึงไม่ควรด่วนสรุปว่า “วัดร้าง” ถ้ามีความรู้สักหน่อย และเป็นเพียงความรู้พื้นฐานเท่านั้น ไม่ใช่ความรู้ชั้นสูงที่ซับซ้อนอะไร ก็พอจะรู้ได้ว่า ไม่ว่าแหล่งท่องเที่ยวไหนคนก็น้อยและบางตาเป็นเรื่องสามัญ ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดทั้งสิ้น

3.ถ้ามาในเวลาเปิดทำการตามปกติ (๐๘.๐๐-๑๗.๐๐ น.) ก็จะพบเจ้าอาวาส และพบเจ้าหน้าที่ทำงานตามปกติทุกวัน ยังคงมีคนทำบุญ ยังคงมีแขกมาเยือนไม่ได้ขาด และขอให้มาที่ห้องรับแขกของวัดด้านหน้า ไม่ใช่บุกไปถ่ายกุฏิพระที่เก่าซอมซ่ออายุหลายสิบปีด้านหลัง อันเป็นเขตสงฆ์ ซึ่งฆราวาสไม่ควรละเมิด ไม่ควรบุกรุกสถานที่ตามแต่ใจ วัดเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ใครบุกรุกเข้ามาทำการตามอำเภอใจ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าอาวาส ย่อมมีความผิดอยู่แล้ว (ส่วนกุฏิเก่าซอมซ่อเพราะสร้างด้วยไม้เก่าที่ชาวบ้านรื้อบ้านมาสร้างถวาย และอยู่ในเขตปรับปรุง เพื่อฟื้นฟูบูรณะอยู่แล้ว ไม่ได้มีพระอยู่มาเป็นปี เพราะเสื่อมสภาพ ไม่ปลอดภัย ความจริงมันง่ายๆ แค่นั้น)

4.อยากรู้ว่าไร่เชิญตะวันเป็นอย่างไร วิธีที่ง่ายที่สุดก็แค่ “เช็คที่เพจทางการ” ของทางวัด ก็จะเห็นความเป็นไปทั้งหมด ซึ่งถ้าหากมี “อาชีวปฏิญาณ” คือ “จรรยาของวิชาชีพสื่อ” ที่รักความจริง ก็จะรีเช็คความเป็นไปของไร่เชิญตะวันได้ทั้งหมด ว่ายังคงมีกิจกรรมตามปกติไหม ซึ่งหากใครก็ตามติดตามเพจทางการของไร่ที่ชื่อ “พระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) ก็จะพบความจริงว่า เรายังมีกิจกรรมทุกอย่างตามปกติ ทั้งระดับชาติ นานาชาติ และกิจวัตรประจำวันของพระสงฆ์ ก็ดำเนินไปอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

5.สำหรับคนทำสื่อชนิดเอามันเข้าว่า หวังแต่ยอดไลค์ ยอดแชร์ ไม่แคร์ข้อเท็จจริง ทางทีมกฎหมายเพื่อพุทธศาสตร์ โดยท่านนายกสมาคมกฎหมายเพื่อพุทธศาสตร์ ได้นำเรื่องนี้ยื่นเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายแล้ว ผลของการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์จะเป็นอย่างไร ก็ขอให้ไปตอบศาลท่านเอาเองก็แล้วกัน