แจ้งเอาผิดหมอพื้นบ้านเถื่อน 3 ข้อหา หลังลูกโวยทำแม่ป่วยมะเร็งดับ ช็อกวิธีทำยา ฉีดเข้าเส้นเลือด

จากกรณี นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี สั่งการให้ นายธรรมรัฏฐ์ งามเเสง นายอำเภอกบินทร์บุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีมีผู้ป่วยหญิงวัย 61 ปี ที่แพทย์วินิจฉัยว่ามีก้อนเนื้อร้ายในสมอง เข้าข่ายเป็นโรคมะเร็งสมอง แต่ญาติตัดสินใจพาไปรักษาด้วยยาสมุนไพร ที่สำนักหมอพื้นบ้านแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 8 ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี โดยมีการให้ดื่มน้ำต้มดอกดาวเรืองและฉีดยาบางชนิดให้ หลังจากผ่านไป 5 วัน ลูกสาวได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า แม่หมดสติและถูกนำส่งโรงพยาบาล ก่อนจะเข้ารับการรักษาในห้อง ICU ได้เพียง 9 วัน ก็เสียชีวิต โดยแพทย์ระบุว่าเสียชีวิตจากสมองตาย


โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบสำนักดังกล่าว ที่ตั้งอยู่กลางป่า นายพรชัย เจ้าของสำนัก และพี่ชาย แสดงความไม่พอใจ ไม่ให้เข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่จึงชี้แจงเหตุผล จึงยินยอมให้ตรวจได้ โดยจากการสำรวจรอบบ้านพบถุงบรรจุสมุนไพร โอ่งน้ำหมักชีวภาพ มีการติดตั้งอุปกรณ์คล้ายโรงสกัดสมุนไพร มีทั้งเครื่องกลั่นยา เครื่องบดยา ตู้อบยา นอกจากนี้ยังพบศาลาที่พักสงฆ์ มีพระสงฆ์ 1 รูป พักอยู่ อ้างว่าชื่อ พระบุญเลิศ เป็นผู้สร้างเครื่องกลั่นยาต่าง ๆ รวมทั้งยังให้ข้อมูลว่า มีการผลิตยาสมุนไพรสำหรับกิน และมีการฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบว่านายพรชัยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหมอพื้นบ้าน หรือได้รับอนุญาตเปิดคลินิก


ต่อมา วันที่ 4 พ.ค.68 แพทย์หญิงอรรัตน์ จันทร์เพ็ญ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี นายนัฐพงษ์ ขันธรักษ์ เภสัชกรชำนาญการ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เข้าแจ้งความที่ สภ.วังตะเคียน จ.ปราจีนบุรี โดยมีหลักฐานคือสมุนไพรและอุปกรณ์ในการผลิตยาต่าง ๆ แต่วันที่เข้าตรวจสอบนั้น พี่ชายของนายพรชัย อ้างว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีหมายค้น จึงไม่ยินยอมให้ตรวจสอบอย่างละเอียด รวมทั้งไม่สามารถอายัดสิ่งของมาตรวจสอบได้ จึงต้องมาแจ้งความตามขั้นตอนกฎหมาย


เบื้องต้นเข้าข่ายความผิด 3 ข้อหา คือ พระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร โทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบวิชาชีพเวชกรรม เนื่องจากมีพฤติกรรมจ่ายยาสมุนไพรให้ชาวบ้าน โดยที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม โทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท รวมทั้งเปิดสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


โดยหลังจากแจ้งความแล้ว พนักงานสอบสวนสามารถขอหมายค้นเข้าตรวจสอบอย่างละเอียด และเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำได้ โดยกระทรวงสาธารณสุขจะส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบและร่วมสอบปากคำด้วย ซึ่งหากมีประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการไปรักษากับสำนักดังกล่าว สามารถมาร้องเรียนกับสาธารณสุขจังหวัดได้ เพื่อจะได้รวบรวมหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง


พร้อมกันนี้ ฝากย้ำเตือนถึงประชาชน หากเจ็บป่วย ควรเข้ารับการวินิจฉัยและรักษาโดยแพทย์จากโรงพยาบาลของรัฐหรือสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น สำหรับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพร จะต้องตรวจสอบก่อนว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นทะเบียนตำรับหรือไม่ โดยผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ผลิตโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจมีการปนเปื้อนจากเชื้อก่อโรค หากรับประทานเข้าไปอาจทำให้เกิดอันตรายและส่งผลให้โรคลุกลามจนถึงแก่ชีวิตได้ หากพบการเปิดสถานพยาบาลไม่ถูกต้องขอให้แจ้งข้อมูลมาที่สาธารณสุขจังหวัดได้

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/8FLz3SdoIGA