สุดเศร้า ช้างป่าติดหล่มกลางป่ากุยบุรี พบรอยกระสุน-ติดเชื้อรุนแรงก่อนสิ้นใจ

สุดเศร้า ช้างป่าอายุราว 50-60 ปี ติดหล่มกลางป่ากุยบุรี พบรอยกระสุน-ติดเชื้อรุนแรงก่อนสิ้นใจ คาดหัวกระสุนอยู่ในร่างไม่น้อยกว่า 1 ปี

วันที่ 22 เม.ย. 2568 นายอนุชาติ อาจหาญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เปิดเผยกรณีช้างป่าติดหล่มและเสียชีวิตในพื้นที่อุทยานฯ ว่า เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2568 เวลา 21.00 น. นายณรงค์ อระภักดี พลเมืองดี แจ้งเจ้าหน้าที่ว่า พบช้างป่าติดหล่มอยู่ในแอ่งน้ำบริเวณไทรเอน หมู่ 7 บ้านรวมไทย ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยระบุว่า พบช้างตั้งแต่คืนวันที่ 18 เม.ย. ขณะเดินหากบอึ่งตามลำห้วย ช้างอยู่ในสภาพนอนตะแคง น้ำท่วมถึงครึ่งตัว พยายามชูงวงขึ้นแต่ลุกไม่ได้ เจ้าหน้าที่จึงใช้โดรนขับเข้าสำรวจ แต่ต้องยุติภารกิจเนื่องจากฝนตก จึงเลื่อนค้นหาเป็นวันถัดไป

วันที่ 20 เม.ย. เวลา 08.00 น. ทีมสำรวจด้วยโดรนพบช้างในจุดเดิม ยังมีการเคลื่อนไหวที่หู ขา และงวง จึงประสานสัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สาขาเพชรบุรี) เข้าประเมินอาการ และในเวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำช้างขึ้นจากหล่มเพื่อให้การรักษา แต่เวลา 16.30 น. ช้างได้เสียชีวิตลง เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุเป็นป่ารกและใกล้ค่ำ เจ้าหน้าที่จึงเลื่อนการตรวจสอบอย่างละเอียดเป็นวันที่ 21 เม.ย.

เวลา 09.30 น. ของวันที่ 21 เมษายน นายอนุชาติ อาจหาญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี พร้อมทีมสัตวแพทย์นำโดยนายสัตวแพทย์อนุรักษ์ สกุลพงษ์ นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี และเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน รวมถึงนายชัยชาญ มูลมาก ปลัดอำเภอกุยบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยางชุม ร่วมตรวจสอบซากช้าง

จากการชันสูตร พบว่าเป็นช้างป่าเพศเมีย อายุประมาณ 50-60 ปี น้ำหนัก 3,000-3,500 กิโลกรัม สภาพนอนตายตะแคงซ้าย พบแผลเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 เซนติเมตรที่ขาหลังขวา ลักษณะผอม ดวงตาขวาขุ่น อวัยวะครบถ้วน

เมื่อใช้เครื่องสแกนโลหะ ตรวจพบโลหะฝังในตัวช้าง จึงผ่าตรวจพบหัวกระสุนลูกเกลียวลักษณะเป็นสนิมและเม็ดโลหะทรงกลมฝังอยู่ในชั้นกล้ามเนื้อ ลึกประมาณ 10 เซนติเมตร ใกล้กันพบก้อนหนองขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลาง 15 เซนติเมตร เต็มไปด้วยหนองเหลว

สัตวแพทย์สันนิษฐานว่า ช้างตัวนี้ติดเชื้อเรื้อรังจากบาดแผล ร่วมกับสภาพร่างกายที่เสื่อมถอยตามอายุ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และเสียชีวิตในที่สุด คาดว่าหัวกระสุนอยู่ในร่างช้างมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี เนื่องจากมีลักษณะผุกร่อน

หลังเสร็จสิ้นการผ่าชันสูตร คณะเจ้าหน้าที่มีมติให้ดำเนินการฝังกลบซากช้าง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยได้รับความเห็นชอบจากสัตวแพทย์ และอนุมัติจากพนักงานสอบสวน สภ.ยางชุม เป็นที่เรียบร้อย พร้อมทั้งลงบันทึกประจำวัน และดำเนินการติดตามหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป