สังคม

พ่อขอโทษแทนลูก ด่ากราดพยาบาลเพราะรักแม่ ปล่อยตามกฎหมาย ผอ.รพ.ยันแจ้งความเอาผิด

โดย nicharee_m

18 เม.ย. 2568

1.4K views

ความคืบหน้ากรณีญาติผู้ป่วยในโรงพยาบาลมัญจาคีรี โวยวายกลางห้องฉุกเฉิน ไม่พอใจแพทย์และพยาบาลไม่ให้การรักษาแม่ซึ่งร้องครวญครางอยู่ภายในห้อง เปรียบโรงพยาบาลเป็นโรงฆ่าสัตว์ ก่อนที่หมอและพยาบาลจะเชิญออกจากห้องฉุกเฉินไปพร้อมแจ้งความเอาผิด โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางคืนวันที่ 14 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นพื้นที่ไปที่โรงพยาบาลมัญจาคีรี เพื่อขอพบกับนายแพทย์พรพล เหล่าวิทยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมัญจาคีรี สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลมัญจาคีรีให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นเมื่อช่วง 21.00 น. ของวันที่ 14 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งมีผู้ป่วยเข้ามารับการบริการเป็นจำนวนมาก และวันดังกล่าวญาติของผู้ป่วยในคลิปที่โวยวายได้อุ้มแม่เข้ามาขอรับการรักษา ซึ่งตอนนั้นผู้ป่วยซึ่งเป็นแม่จะร้องไห้อยู่ตลอด บ่นหายใจไม่อิ่ม

จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าเจ้าหน้าที่ได้มีการวัดสัญญาณชีพทันทีและตรวจคัดกรอง ซึ่งสัญญาณชีพณขณะนั้นปกติ ซึ่งทางการรักษาจะแบ่งผู้ป่วยเป็นสีโดยผู้ป่วยรายนี้อยู่ในกลุ่มสีเขียวซึ่งไม่ได้เร่งด่วนมาก หลังจากพยาบาลคัดกรองเสร็จก็ได้แจ้งทางแพทย์ นั้นในห้องฉุกเฉินก็มีคนไข้เป็นจำนวนมาก ทั้งคนไข้ต้องส่งต่อถึงห้าเที่ยว ทำให้อัตรากำลังต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ค่อนข้างจะไม่เพียงพอแม้จะมีการจัดอัตราเสริมเข้ามาแล้ว

พร้อมทั้งได้แจ้งทางญาติด้วยว่าตรวจเบื้องต้นแล้ว แต่ทางลูกชายอาจจะไม่เข้าใจว่ามีการตรวจคัดกรองเบื้องต้นไปแล้ว จึงได้โวยวายไปตามคลิปวงจรปิดและไม่แน่ใจว่ามีอาการของการดื่มสุราร่วมด้วยหรือไม่ ทางพยาบาลและเจ้าหน้าที่พยายามบอกให้ใจเย็นไม่อยากให้ความรุนแรงในห้องฉุกเฉิน เพราะมีญาติผู้ป่วยและผู้ป่วยอีกหลายคนที่อยู่ภายในห้อง จึงใช้ความอดทนพอสมควร ทั้งยังยกมือไหว้ขอให้สงบและขอให้ออกไปจากห้องฉุกเฉิน แต่ลูกชายของผู้ป่วยก็ยังโวยวายไม่หยุดและมีคำพูดต่างๆ นานาออกมา

ทางโรงพยาบาลจึงได้มีการประชุมพูดคุยกันแล้ว จึงมีข้อสรุปต้องการให้โรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย ไม่มีความรุนแรง ที่ถ้อยอาศัยเห็นอกเห็นใจร่วมกันระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ซึ่งในคลิปจะเห็นได้ว่าหมอและพยาบาลไม่ได้นั่งเฉยเดินช่วยเหลือคนไข้อย่างต่อเนื่อง เพราะมีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากและมีผู้ป่วยที่เร่งด่วนรายนี้จึงต้องมีการเรียงลำดับ ซึ่งในส่วนนี้ก็อาจทำให้ผู้รับบริการไม่เข้าใจ ที่มีความคาดหวังว่าต้องได้รับการให้บริการที่รวดเร็ว

ผอ.รพ.มัญจาคีรี บอกอีกว่า เรื่องของการแจ้งความนั้นทางโรงพยาบาลได้มีมติร่วมกันว่าหากเจ้าหน้าที่ทั้งเหนื่อยกายแล้วจะต้องมาเหนื่อยใจอีก ก็จะทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความท้อ และอาจนำไปสู่การลาออก ก็อยากจะให้เห็นใจกันทั้งผู้ให้บริการ ญาติผู้ป่วย และผู้มารับบริการ เพราะเราก็ทำเต็มที่อยากให้เข้าใจกันทุกฝ่ายได้เป็นสังคมที่น่าอยู่ และการแจ้งความในครั้งนี้ก็อยากให้รู้ว่าโรงพยาบาลควรจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย ปราศจากความรุนแรง ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ไม่เข้าใจกันก็ควรพูดคุยกันได้ เราไม่ได้ต้องการให้เอาผิดอะไรกันใหญ่โต เพราะไม่ได้เกิดประโยชน์ จึงอยากให้ญาติเข้าใจและอยากให้ทุกโรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย เพราะหมอและเจ้าหน้าที่ก็เหนื่อยมากในการให้บริการ หากสังคมเห็นอกเห็นใจและเข้าใจก็จะเป็นสิ่งที่ดีต่อกัน

พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่บ้านของผู้ป่วยรายดังกล่าว โดยได้พบกับ นายสมยงค์ อายุ 71 ปี สามีของนางจำรูญ อายุ 70 ปีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในคลิป และเป็นพ่อของผู้ก่อเหตุคือนายอนุชา อายุ 45 ปี แต่ไม่พบลูกชายที่ก่อเหตุ เนื่องจากเดินทางกลับ กทม.แล้ว ส่วนผู้ป่วยยังรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลมัญจาคีรี โดยพบเพียงญาติๆ ที่พึ่งพาพ่อของผู้ก่อเหตุเดินทางกลับจากโรงพยาบาล และจากการสอบถามทราบว่าผู้ก่อเหตุนั้นมีนิสัยขี้โวยวาย

นายสมยงค์ พ่อของผู้ก่อเหตุให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า วันเกิดเหตุช่วง 10 โมง ลูกชายยังดีใจอยู่เลยว่าแม่หายได้กลับบ้านแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลมะญจาคีรีเป็นเวลาสามวันแล้ว เนื่องจากภรรยาเป็นโรคหืดหอบ ต่อมาช่วง 20.00 น. ลูกชายนั่งเล่นกีตาร์อยู่ที่บ้านตนเองนอนอยู่ในห้องนอนกับภรรยา ภรรยาตนเองลุกขึ้นมาบอกกับตัวเองว่าพ่อมันเหนื่อยมาก อ่อนแรง แล้วบอกว่ามองเห็นเป็นสีขาวหมดทั้งบ้านเลย มองไม่เห็นอะไรเลย ตนเองจึงปลอบภรรยาว่าไม่เป็นอะไรหรอก ในใจคิดว่าภรรยาแข็งแรง จึงบอกให้นอนต่อ แต่สักพักภรรยาบอกไม่ไหวแล้ว จะตายแล้ว จะตายให้ได้ และอ่อนแรงไปหมดทั้งตัว

ตนกับลูกชายให้ช่วยพาแม่อุ้มขึ้นรถแล้วพากันไปส่งโรงพยาบาลอีกรอบ ก่อนจะเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น แต่ตนเองตามไปทีหลังก็ไปเจอเหตุการณ์พอดี จึงถามรู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้แล้วบอกให้ลูกหยุดจนตนเองเกือบร้องไห้ พอบอกลูกชายว่าเชื่อพ่อเถอะ ลูกชายตะคอกกลับมาว่าเชื่ออะไร เป็นเพราะพ่อนั่นแหละ ตนเองจึงพยายามบอกให้หยุดอายคน แล้วก็ไล่ให้ออกไป ก่อนที่ลูกชายจะกลับมาที่บ้านทันที ซึ่งตนเองก็ได้เข้ามาขอโทษคุณหมอและเจ้าหน้าที่ พร้อมกับยกมือขอโทษแทนลูกชาย ก่อนจะกลับมาบ้านแต่ก็ไม่ได้คุยกับลูกชาย ก็ไม่พูดไม่จา แล้วลูกชายก็กลับกรุงเทพไป

พ่อของผู้ก่อเหตุบอกว่า อาการโรคหืดหอบของภรรยานั้น หมอทำได้เพียงรักษาตามอาการ และการให้บริการของคุณหมอส่วนตัวตนเองก็มองว่าทำดีแล้ว และการกระทำของลูกชายนั้นตนเองก็ไม่ได้มองว่าเกินกว่าเหตุไป ทำเพราะความรักแม่ ถ้าทางโรงพยาบาลจะเอาเรื่องลูกชายก็ต้องปล่อยไปตามกฎหมาย ผิดก็ว่าไปตามผิดถูกก็ว่าไปตามถูก ตนเองไม่เข้าข้างใคร

ในส่วนของทางคดีนั้น ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง พ.ต.อ.ธีร์ธัชช์ พงษ์สุวรรณ์ ผกก.สภ.มัญจาคีรี ทราบว่า กรณีที่ทาง รพ.มัญจาคีรีแจ้งความนั้น เบื้องต้นจะเรียกสอบปากคำพยาบาลที่อยู่ในเหตุการณ์ก่อน 3 ปาก เพื่อให้ทราบข้อมูลข้อเท็จจริง ในส่วนของการแจ้งข้อหานั้นต้องรอผลการสอบปากคำ และทาง ผอ.รพ.ต้องการให้ดำเนินคดีในส่วนของความผิดเรื่องสร้างความเดือดร้อนรำคาญ

ในส่วนของข้อหาหมิ่นประมาทนั้นไม่อยากให้เอาผิดกับญาติผู้ป่วยรายดังกล่าว ทั้งนี้จะต้องรอสอบปากคำและจะมีการพูดคุยกับทาง ผอ.รพ.มัญจาคีรีอีกครั้งว่าต้องการดำเนินคดีอย่างไรบ้าง เพราะความผิดในส่วนของการสร้างความเดือดร้อนรำคานเป็นโทษปรับ และส่วนของข้อหาหมิ่นประมาทนั้นก็สามารถยอมความได้ และหากมีข้อหาอื่นๆ อีกก็จะต้องพูดคุยกับทาง ผอ.อีกครั้งก่อน เพราะทางตำรวจจะดำเนินคดีตามความประสงค์ของผู้แจ้งความ

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ญาติคนไข้ ,ด่าพยาบาล

คุณอาจสนใจ