ก.อุตฯ ชง DSI ฟัน “ซินเคอหยวน” เป็นคดีพิเศษ ลุยเก็บตัวอย่างเหล็กตึก สตง.เพิ่ม

ก.อุตสาหกรรม ชง DSI ฟัน “ซินเคอหยวน” เป็นคดีพิเศษ ลุยเก็บตัวอย่างเหล็กตึก สตง.ถล่มเพิ่มพรุ่งนี้ (11 เม.ย.)

วันที่ 10 เม.ย.68 นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะบูรณาการแลกเปลี่ยนและสนับสนุนข้อมูลร่วมกันเพื่อเอาผิดกับโรงงานของบริษัท ซินเคอหยวน สตีล จำกัด ตามกฎหมายของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งในวันนี้ นายสุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้ลงนามหนังสือเพื่อยื่นต่อ DSI เพื่อให้รับเป็นคดีพิเศษ

เบื้องต้นเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ซึ่งอยู่ในบัญชีแนบท้ายของ DSI มั่นใจว่า สามารถบรรจุเป็นคดีพิเศษของDSI ได้ โดยความผิดที่เข้าข่ายที่ DSI สามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงอุตสาหกรรม คือ ความผิดตาม พ.ร.บ. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 ที่มีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านบาท และความผิดตาม พ.ร.บ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ปริมาณมากกว่า 50 ตัน

เนื่องจากก่อนหน้านี้ทีมสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ตรวจพบการลักลอบจัดเก็บฝุ่นแดง ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายไว้ภายในบริเวณโรงงาน จำนวนมากกว่า 43,000 ตัน โดยเบื้องต้นบริษัทฯ แจ้งการกักเก็บฝุ่นแดงที่เกิดจากเตาหลอมเหล็กก่อนถูกสั่งปิด เพียงปีละ 2,245 ตันเท่านั้น อีกทั้งในปี 2567 บริษัทฯ ไม่มีการแจ้งหรือรายงานการกักเก็บฝุ่นแดงแต่อย่างใด

กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้สั่งการให้บริษัทฯ ชี้แจงภายใน 7 วัน หากมีการแจ้งข้อมูลเท็จจะต้องโดนโทษนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ในระบบคอมพิวเตอร์ต่อไป ซึ่งวันนี้ (10 เม.ย.) ครบกำหนดที่บริษัทจะต้องชี้แจงแล้วแต่ทางกระทรวงยังไม่ได้คำตอบจากบริษัทซินเคอหยวน ทั้งนี้ หากบริษัทจะแจ้งความจำนงขอเลื่อนเวลาในการให้ข้อมูลก็จะต้องแจ้งผ่าน อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งโรงงานของบริษัท

อีกทั้ง สมอ.ได้มีหนังสือถึงบริษัทฯ เกี่ยวกับเหล็กข้ออ้อยขนาด 32 และ 20 มิลลิเมตร ที่ตกค่ามาตรฐานที่ได้ตรวจพบในตึกสตง.ที่ถล่ม ว่าได้จำหน่ายแจกจ่ายไปกับใครบ้าง แต่โรงงานตอบกลับมาเมื่อวันที่ 7 เม.ย. ว่า “ทางบริษัทฯไม่ได้เป็นผู้จำหน่ายเหล็กดังกล่าวให้กับบริษัทโครงการก่อสร้างแต่ประการใด รายละเอียดในประเด็นอื่นๆจึงไม่อยู่ในฐานะที่จะให้ข้อมูลได้ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการปิดดำเนินการ“ ซึ่งกระทรวงฯ และสมอ.มองว่า ไม่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทั้งที่เป็นความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งที่จริงบริษัทควรจะแจกแจงได้ว่า เป็นล็อตการผลิตใด และส่งจำหน่ายยังที่ไหนบ้าง

ทั้งนี้กระทรวง อุตสาหกรรมจะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อส่งมอบให้ DSI ดำเนินการ เพราะ DSI มีอำนาจสืบสวนข้อมูลและตรวจสอบเชิงลึกได้มากกว่า

โดยในวันพรุ่งนี้ (11 เม.ย.) กระทรวงอุตสาหกรรมโดยทีมสุดซอย นำโดยนางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย สมอ. และเจ้าหน้าที่ DSI จะเข้าเก็บตัวอย่างเหล็ก เพิ่มเติมที่อาคาร สตง.ถล่ม 4 จุด นับเป็นครั้งแรก ที่บูรณาการตรวจสอบร่วมกัน หลังจากนั้นจะส่งตรวจสอบที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย เชื่อว่าจะได้หลักฐานข้อมูลเพิ่มเติม

หลังจากที่เมื่อวานนี้ (9 เม.ย.) นางสาวฐิติภัสร์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เข้าพบ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน , กรมสอบสวนคดีพิเศษ, กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ร่วมหารือกันเพื่อวางแนวทางในการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเข้าที่เกิดเหตุอย่างเป็นระบบ และกำหนดหน้างานให้ชัดเจน เพื่อให้ใช้เวลาน้อยในการทำงาน ได้ตามวัตถุประสงค์ให้มากที่สุด ซึ่งหลังจากที่ได้แบ่งหน้าที่กันและเข้าไปดูหน้างานจริงในที่เกิดเหตุ จึงได้กำหนดเรียงลำดับหน่วยงานต่างๆ ที่จะเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยคิวแรกเป็นของกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่ง สมอ. มีกำหนดจะเข้าไปเก็บตัวอย่างเหล็กในที่เกิดเหตุเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้