รวบ ตร.พร้อมพวก ขนยาบ้า 2 ล้านเม็ด กำลังลำเลียงไปส่งลูกค้าในภาคกลาง

รวบ พ.ต.ต.พร้อมพวก ขนยาบ้า 2 ล้านเม็ด กำลังลำเลียงไปส่งลูกค้าในภาคกลาง เจ้าตัวพยายามเจรจาต่อรองเพื่อให้ตนเองพ้นผิด ก่อนถูกส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย

วันนี้ (31 มี.ค. 2568) ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พลตำรวจโท วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วย พลตำรวจตรี สนธยา แต่แดงเพชร ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 นายสมเกียรติ วิริยะกุลอนันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค 3 ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด พร้อมของกลางยาบ้า 2 ล้านเม็ด

ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ได้นำกำลังไล่ล่าจับกุมขบวนการขนยาเสพติดรายใหญ่ หลังสืบทราบว่ามีการลำเลียงยาบ้ามาพื้นที่ชายแดนด้าน จ.มุกดาหาร ผ่านมาตามเส้นทางถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม เข้ามาในเขตพื้นที่ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา เพื่อไปส่งลูกค้ายังพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย โดยเจ้าหน้าที่พบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ขับผ่านมายังเส้นทางดังกล่าวเมื่อช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงได้ขับติดตาม และสกัดจับกุมรถยนต์ทั้งสองคัน ได้แก่ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อฟอร์ด เรนเจอร์ สีดำ ทำหน้าที่ขับนำเป็นสเก๊าท์หน้า และรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า แอนติส สีขาว ที่บรรทุกยาเสพติดขับตามหลัง

จากการตรวจสอบในรถยนต์เก๋ง คนขับคือ นายอัมพล อายุ 35 ปี บริเวณกระโปรงท้ายรถพบของกลางเป็นยาบ้า บรรจุถุงพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ จำนวน 3 ถุง และยาบ้าบรรจุถุงขนาดเล็ก ซุกซ่อนอยู่ภายในเบาะที่นั่งในรถอีก 2 ถุง รวมจำนวนยาบ้าที่ยึดได้ จำนวน 2 ล้านเม็ด

ในขณะที่รถยนต์กระบะ ยี่ห้อฟอร์ด เรนเจอร์ สีดำ ตรวจสอบพบคนขับ คือ นายทนงศักดิ์ อายุ 34 ปี และภายในที่นั่งผู้โดยสารข้างคนขับมี พ.ต.ต.ชัยยะ อายุ 49 ปี ตำแหน่งสารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู ลักษณะแต่งกายครึ่งท่อนนั่งมาด้วยกัน เจ้าหน้าที่จึงตรวจค้นตัวและตรวจค้นภายในรถยนต์ พบของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง 1 เครื่อง เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดไว้ตรวจสอบ

เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางไปยังกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 โดยระหว่างทาง พ.ต.ต.ชัยยะ พยายามเจรจาต่อรองเพื่อให้ตนเองพ้นผิด แต่ไม่เป็นผล ชุดจับกุมได้รายงานให้ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 รับทราบ ก่อนส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นทราบว่า เครือข่ายยาเสพติดดังกล่าวเป็นของเครือข่าย “ท้าวหิน” ชาวลาว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลต่อไป