รวบแล้วโชเฟอร์แท็กซี่ ปาหินใส่รถเพื่อนร่วมอาชีพ อ้างเครียดจึงก่อเหตุ

จากกรณี เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 18 มีนาคม 2567 นายพรสวรรค์ อายุ 58 ปี คนขับรถแท็กซี่ เข้าร้องต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ ว่าถูกคนขับแท็กซี่สีชมพู ปาก้อนหินใส่รถ ทำให้กระจกประตูหลังซ้าย มีรอยแตกเป็นรูโบ๋

เบื้องต้นทางผู้เสียหาย ให้การว่า ขณะขับรถขึ้นทางด่วนพระราม 2 ช่วงถนนสุขุมวิท ก่อนถึงช้างสามเศียร จากนั้นมีรถแท็กซี่สีชมพู ขับตามมา แล้วตะโกนเฮ้ย ก่อนจะยิงมาที่รถตนจนกระจกแตก ซึ่งตนไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร ตนไม่มีศัตรูที่ไหน และมั่นใจว่าไม่ได้ขับรถไปปาดหน้าใคร หลังเกิดเหตุตรวจสอบพบเพียงก้อนหิน 1 ก้อน ตกอยู่ที่ใต้เบาะนั่งด้านหน้าฝั่งผู้โดยสาร จึงเชื่อว่ากระจกไม่น่าจะเกิดจากรอยกระสุน

พ.ต.ท.ยอดรัก กิตติลัภนะรัตน์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองสมุทรปราการ สั่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง เพื่อติดตามรถแท็กซี่สีชมพู มาดำเนินคดี จนกระทั่งไปพบรถแท็กซี่สีชมพูคันดังกล่าว ขับไปลงด่านสุขสวัสดิ์ ก่อนจะไปจอดทิ้งไว้ภายในซอยหมองบาง ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ติดตามไปคุมตัวคนขับเอาไว้ได้ ทราบชื่อ นายสุทธิพงศ์ อายุ 56 ปี ตรวจค้นในรถ พบก้อนหินขนาดประมาณเท่าฝาเบียร์ เกือบ 30 ก้อน ซ่อนอยู่ช่องเก็บของบริเวณที่พักแขน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ต่อมาระหว่าง เจ้าหน้าที่คุมตัว นายสุทธิพงศ์ ลงจากรถ เพื่อมาสอบสวนที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ ระหว่างนั้น นายสุทธิพงศ์ เห็นผู้สื่อข่าวมาดักรอถึงกับหน้าเสีย ไม่ยอมลงจากรถ เจ้าหน้าที่จึงได้คุมตัวลงมา และปฏิเสธให้สัมภาษณ์ ก่อนใช้มือปัดกล้องของผู้สื่อข่าวอีกด้วย

จากการสอบปากคำ ยังให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ก่อเหตุใช้หินปาใส่รถใคร และบอกว่ารู้ได้ยังไงว่าเป็นตนเองทำ กระทั่งผู้เสียหายนำรูปที่ถ่ายได้ขณะที่ นายสุทธิพงศ์ หลบหนี มาให้ดู จน นายสิทธิพงศ์ จำนนต่อหลักฐาน จึงยอมยกมือกล่าวขอโทษผู้เสียหาย และยอมรับว่าตนเป็นคนก่อเหตุ

นายสุทธิพงศ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ตนเองมาประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับรถตู้นำเที่ยว ที่ จ.สุพรรณบุรี จากนั้นธุรกิจเจ้งหมดตัว หันมาประกอบอาชีพขับแท็กซี่ได้ 3 ปี ระหว่างนี้เกิดเครียด จึงก่อเหตุปาหินใส่รถแท็กซี่ ส่วนก้อนหินในรถ จริงๆ แล้วเป็นแร่ชนิดหายาก ต้องพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น