นายทุนลอบขุดทรายในแม่น้ำปาย ชาวบ้านโวยเกือบ 10 ปีไม่เคยถูกจับ ทำน้ำกัดเซาะตลิ่ง

นายทุนลอบขุดทรายกลางแม่น้ำปาย เคยร้องเรียนไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่มีหนังสือตอบให้ไปร้องศูนย์ดำรงธรรม เผยทำมา 10 ปี ไม่เคยถูกจับ ชาวบ้านเดือดร้อน น้ำกัดเซาะตลิ่งทำให้ที่ดินพัง

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2568 นายสุวิทย์ บุญหล้า ราษฎรบ้านสบแพม หมู่ 4 ต.ทุ่งยาว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่า ขณะนี้มีการลักลอบขุดทรายในแม่น้ำปาย พื้นที่บ้านสบแพม โดยลักลอบขุดตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.2568 เริ่มขุดเวลา 15.00 น.ต่อเนื่องจนมาถึงวันนี้ (9 มี.ค. 2568) การลักลอบขุดทรายบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ได้มีการลักลอบขุดมาเกือบ 10 ปีแล้ว และเมื่อต้นเดือนมกราคม 2568 ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ทางสำนักฯกลับทำหนังตอบกลับมาว่าให้ไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งตนเองก็ได้ร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรม จ.แม่ฮ่องสอน แต่เรื่องก็เงียบหายไป จนต้องร้องไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี

นายสุวิทย์ กล่าวต่อไปว่า กลุ่มขบวนการลักลอบขุดทรายในแม่น้ำปาย พื้นที่บ้านสบแพม นับว่าเส้นใหญ่มาก การลอบขุดทรายกลางน้ำซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมาย แต่ไม่เคยถูกจับกุมแต่อย่างใด และทรายที่ขุดไปนั้น ได้ถูกส่งไปขายให้กับนักธุรกิจ ใน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ อ.ปางมะผ้า และ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งส่งผลให้น้ำในแม่น้ำเปลี่ยนสายและกระแสน้ำได้พุ่งไปกัดเซาะตลิ่งของราษฎรในบ้านสบแพม รวมถึงที่ดินของตนด้วย ทำให้ที่ดินพังลงไปกับสายน้ำและที่ดินต้องสูญหายไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ จึงได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเพื่อขอให้เป็นกระบอกเสียงไปถึงผู้บริหารระดับสูงของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมเจ้าท่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย ที่ดินอำเภอปาย และ อบต.ทุ่งยาว ให้เข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับราษฎรในพื้นที่ด้วย

สำหรับการลักลอบขุดหินทรายในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในทุกอำเภอถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่เป็นที่น่าสงสัยว่า ทุกหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกลับเพิกเฉย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อย่างชัดเจน เมื่อมีการร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหรือจังหวัด ก็ไม่มีการแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนแต่อย่างใด