สังคม

สอบสวนกลางเปิดปฏิบัติการรื้อระบบสยบจีนดำ ล่าขบวนการทำบัตรปชช.เถื่อน ชี้เป้าให้ตำรวจแล้วรีดเงิน 5 ล้าน

โดย chutikan_o

6 มี.ค. 2568

494 views

ตำรวจสอบสวนกลางเปิดปฏิบัติการ “CIB Game on” รื้อระบบสยบจีนดำ ล่าผู้ต้องหาหมายแดงคดียักยอกทรัพย์ในจีน พร้อมขบวนการทำบัตรประชาชนเถื่อน ชี้เป้าให้ตำรวจแล้วรีดเงิน 5 ล้านแลกไม่ดำเนินคดี


ตำรวจสอบสวนกลางร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาจำนวน 6 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ต้องหา 4 ราย อยู่ระหว่างจำคุกในคดีอื่น ได้แก่ 1. MR.LI (นายลี) สัญชาติจีน อายุ 43 ปี 2. Ms.Aye (นางเอ้) สัญชาติเมียนมา อายุ 30 ปี


ผู้ต้องหาที่ 1-2 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม, ร่วมกันสนับสนุนพนักงานเจ้าหน้าที่ปลอมบัตรประชาชน, ร่วมกันสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ร่วมกันสนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่”


3. นายจิรภัทร อายุ 32 ปี 4. นายสุริยะ อายุ 57 ปี 5. นายพีระศักดิ์ อายุ 51 ปี และ 6. นายประวิต อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาที่ 3-6 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่”


ตรวจยึดของกลาง จำนวน 190 รายการ

1. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 14 เล่ม

2. เงินสด จำนวน 8,500 หยวน

3. บัตร ATM จำนวน 5  ใบ

4. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 14 เครื่อง

5. แท็บเล็ต จำนวน 1 เครื่อง

6. คอมพิวเตอร์ จำนวน 9 เครื่อง

7. บัตรขาว จำนวน 2 ใบ

8. หนังสือเดินทาง/บัตรประชาชน/เอกสารที่เกี่ยวข้อง 14 รายการ

9. รถยนต์ จำนวน 2 คัน

10. วัตถุคล้ายทองคำ 5 รายการ และ เอกสารอื่นๆ จำนวน 125 รายการ


สืบเนื่องจากเมื่อช่วงปลายปี 2566 ได้มีผู้เสียหายซึ่งเป็นชายชาวจีน เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อร้องขอความเป็นธรรม ในกรณีที่ผู้เสียหายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรีดทรัพย์ เรียกเงินเป็นจำนวน 5 ล้าน เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี


มูลเหตุในคดีนี้ สืบเนื่องมาจากในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2565 ผู้เสียหายได้เข้าไปยังกลุ่มเฟซบุ๊กของคนจีน โดยพบเฟซบุ๊กประกาศแจ้งว่าสามารถจัดทำบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และเอกสารอื่นๆ ของไทยให้กับคนจีนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยคิดค่าดำเนินการประมาณ 1 ล้านบาท ต่อมาผู้เสียหายหลงเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทำบัตรและเอกสารประจำตัวที่ถูกต้องตามกฎหมายจริง ผู้เสียหายจึงได้ติดต่อเข้าไปพูดคุยและตกลงทำบัตรประชาชน จากนั้นจึงมีการนัดหมายให้ผู้เสียหายเดินทางไปทำบัตรประชาชนที่สำนักงานเทศบาลจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสาน ต่อมาเมื่อถึงวันนัดหมาย ผู้เสียหายได้เดินทางไปที่สำนักงานเทศบาลดังกล่าว และได้พบนายลี พร้อมกับนางเอ้ (แฟนสาว) โดยนายลี ได้พาผู้เสียหายไปทำบัตรประชาชนที่สำนักงานเทศบาลดังกล่าว โดยมีขั้นตอนการถ่ายรูป และสแกนรอยนิ้วมือเหมือนกับการทำบัตรประชาชนทั่วไป แต่จะไม่มีการให้กรอกข้อมูลเอกสารใดๆ ซึ่งภายหลังจากที่ผู้เสียหายทำตามขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อยแล้ว นายลีจึงได้นำบัตรประชาชนที่ปรากฎรูปหน้าผู้เสียหายมามอบให้กับผู้เสียหายพร้อมกับสำเนาทะเบียนบ้านอีก 1 ฉบับ (ซึ่งข้อมูลตามบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านดังกล่าวปรากฎชื่อคนไทยคนเดียวกัน) หลังจากนั้นผู้เสียหายจึงชำระค่าดำเนินการ โดยมอบเงินสด จำนวน 1.1 ล้านบาท ให้กับนายลี  


ต่อมาในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2565 ผู้เสียหายได้ตกลงให้นายลี ช่วยทำหนังสือเดินทางให้กับผู้เสียหาย โดยนายลีนัดหมายให้ผู้เสียหายมาทำหนังสือเดินทางที่กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ซึ่งเมื่อผู้เสียหายเดินทางมาถึงที่นัดหมาย ได้มีกลุ่มชายไม่ทราบชื่อพาผู้เสียหายไปนั่งรอที่ร้านกาแฟภายในกรมการกงสุล จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย เข้ามาควบคุมตัวผู้เสียหาย และนำตัวผู้เสียหายไปที่ทำการแห่งหนึ่ง โดยกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มนี้ได้แจ้งกับผู้เสียหายให้ทราบว่าจะต้องถูกดำเนินคดีเนื่องจากปลอมเอกสาร ซึ่งหากผู้เสียหายไม่อยากถูกดำเนินคดี ให้ผู้เสียหายนำเงินมาจ่ายจำนวน 5 ล้านบาท ต่อมาผู้เสียหายจึงได้ต่อรองราคาจนกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจตกลงให้จ่ายเงินจำนวน 2 ล้านบาท จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ให้ผู้เสียหายโอนเงินเป็นสกุลเงินดิจิทัล USDT จำนวน 55,555 USDT (ประมาณ 2 ล้านบาท) เข้ากระเป๋าเงินดิจิทัลตามหมายเลขที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งไว้ ก่อนจะปล่อยตัวผู้เสียหายไป และหลังจากเกิดเหตุผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายกลุ่มดังกล่าว


จากการสืบสวนของคณะทำงาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าในส่วนของการหลอกลวงผู้เสียหายให้ไปทำบัตรประชาชนนั้น มีกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันก่อเหตุหลายกลุ่ม ดังนี้ 1.กลุ่มผู้ชักชวนและดำเนินการพาผู้เสียหายไปทำบัตรประชาชน โดยกลุ่มนี้มีนายลี และนางเอ้ เป็นผู้ร่วมขบวนการ 2.กลุ่มจัดหาบัตรประชาชนที่จะนำมาสวมสิทธิให้กับผู้เสียหาย โดยจากการตรวจสอบพบว่า เจ้าของบัตรประชาชนเป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง และพบว่ามีการไปขอทำบัตรประชาชนใหม่หลังจากขายบัตรเพียงไม่กี่วัน จึงน่าเชื่อว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำในครั้งนี้ และ 3.เจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่ทำบัตรประชาชน โดยเชื่อว่าน่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนให้ความช่วยเหลือในการกระทำผิดของขบวนการดังกล่าว


ในส่วนของกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจรีดเอาทรัพย์ผู้เสียหายนั้น พบว่ามีกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันก่อเหตุหลายคน ดังนี้ 1.คนชี้เป้า มีหน้าที่ระบุตำแหน่งและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวผู้เสียหาย 2.กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รีดเอาทรัพย์ผู้เสียหาย และ 3.เส้นทางการเงินจากการประทุษร้าย พบมีการผ่องถ่ายกันหลายทอด และถอนเงินออกที่บริษัทนอมินี จากการสืบสวนน่าเชื่อว่าคนในขบวนการเป็นผู้ชี้เป้าให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบและเข้ารีดทรัพย์ผู้เสียหายอีกทอดนึง


และจากการสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบข้อมูลประวัตินายลี โดยพบว่ามีหมายแดงติดตัว ในความผิดเกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์ชาวจีน มูลค่าความเสียหาย 3,000 ล้านหยวน (ประมาณ 14,000 ล้านบาท) โดยนายลี ได้ก่อเหตุที่ประเทศจีนในช่วงปี พ.ศ.2558-2562 ก่อนจะหลบหนีเข้ามาในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2564 ซึ่งในระหว่างที่นายลี อาศัยอยู่ในประเทศไทย นายลีได้สวมบัตรหัวศูนย์หรือบัตรบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ระบุชื่อเป็นนายจิน ไทยลื้อ เพื่อให้ตนเองมีสิทธิต่างๆ เทียบเท่ากับคนไทย จากนั้นจึงได้นำรูปแบบวิธีการที่ตนเองเคยสวมบัตร มาใช้ในการเปิดเพจพาคนจีนไปทำเอกสาร และบัตรประจำตัวต่างๆ ในคดีนี้ นอกจากนี้ยังพบว่านายลีประกอบธุรกิจให้บริการต่อวีซ่า ที่บริษัท อันเจีย อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ อีกด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลบริษัทฯ ดังกล่าว พบว่าจดทะเบียนสถานที่จัดตั้งซ้ำกับบริษัทอื่นอีก 14 บริษัท โดยบริษัทเหล่านี้มีกลุ่มคนไทยเป็นนอมินี ถือหุ้นบริษัทโดยไม่ได้มีการลงทุนหุ้นจริง


ในส่วนของกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รีดเอาทรัพย์ผู้เสียหายนั้น มีการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจนทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในกลุ่มดังกล่าวจำนวน 4 นาย ถูกจับกุมดำเนินคดีกรณีเรียกรับเงินสินบนจากชาวจีนจำนวน 10 ล้านบาท เมื่อปี 2566 ซึ่งรูปแบบพฤติการณ์ในการก่อเหตุคล้ายกับคดีของผู้เสียหายรายนี้ด้วยเช่นกัน


ในส่วนของกลุ่มจัดหาบัตรประชาชน พบว่ามีนายหน้าทำหน้าที่จัดหาบัตรประชาชนของคนไทยมาเพื่อใช้ในการสวมบัตร ซึ่งผู้ที่ขายบัตรประชาชนจะได้รับค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 5,000 บาท


เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการหลอกลวงผู้เสียหายทำบัตรประชาชน และกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รีดเอาทรัพย์ผู้เสียหาย โดยศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาจำนวนทั้งสิ้น 6 หมายจับ


ในวันที่ 5 มี.ค. 2568 ตำรวจสอบสวนกลางจึงได้เปิดปฏิบัติการ “CIB Game on รื้อระบบสยบจีนดำ ล่าผู้ต้องหาหมายแดง พร้อมขบวนการทำบัตรประชาชนเถื่อน” โดยนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 70 นาย ลงพื้นที่ตรวจค้น 11 จุด ในพื้นที่ 7 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ นครราชสีมา, ร้อยเอ็ด, กาฬสินธุ์, เชียงใหม่, นนทบุรี, ชลบุรี และกรุงเทพฯ โดยเป็นการตรวจค้นจับกุมเป้าหมาย 26 เป้าหมาย (บุคคล 24 ราย และบริษัท 2 บริษัท) ซึ่งในส่วนของเป้าหมายที่เป็นตัวบุคคลทั้ง 24 เป้าหมาย แบ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ 6 ราย และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่จะต้องเชิญตัวมาเพื่อซักถามปากคำจำนวน 18 ราย


ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 2 ราย คือ นายลี และนางเอ้ พร้อมตรวจยึดของกลางตามรายการดังกล่าวนำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ในส่วนของผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 4 ราย ซึ่งปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ พนักงานสอบสวนจะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาตามกฎหมายต่อไป จากการสอบสวนเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา



คุณอาจสนใจ

Related News