ผู้ประกอบการท่าข้าม ร้องรัฐบาลอย่ากดดันฝั่งเมียนมามากไป หากจะแก้ปัญหาทุนเทา

ผู้ประกอบการท่าข้าม ร้องรัฐบาลอย่ากดดันฝั่ง “เมียนมา” มากไป หากจะแก้ปัญหาทุนเทา ให้แก้เป็นจุดๆ ไม่เหมารวม รับ “จีนเทา” ซื้อสินค้าตรงจากแผ่นดินใหญ่ ผู้ประกอบการไทยเสียโอกาสการค้า

นายอุดม สุขสด กรรมการผู้จัดการแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ประกอบการท่าข้ามศาลเจ้าที่ 34 เป็นจุดท่าข้ามฝั่งตรงข้ามจังหวัดเมียวดี ให้สัมภาษณ์ว่า สินค้าที่ส่งข้ามแดนจากฝั่งไทยไปฝั่งเมียนมา 95%เป็นสินค้าที่มาจากจีน ซึ่งส่วนของบริษัทตนเองขายสินค้าได้ค่าปูนซีเมนต์กับเหล็กเส้นคิดเป็นมูลค่า 1% ของการค้าขาย โดยทุนจีนส่วนใหญ่สั่งนำสินค้าเกือบทุกอย่างมาจากประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง รวมถึงสินค่าอุปโภคทุกชนิด ส่วนสินค่าบริโภคของสดบางส่วนซื้อห้างสรรพสินค้าในไทย แต่สินค้าบริโภค ทั้งน้ำและอาหารแห้งนำเข้ามาจากจีน

โดยสินค้าฝั่งไทยที่ขายได้ ขายให้คนกระเหรี่ยง และคนพื้นที่ที่ปล่อยที่หรือขายที่ให้คนจีนสร้างบ้าน ที่พักคนงานหรือโรงแรม ส่วนตนเป็นนักธุรกิจค้าขายการขายสินค้าก่อสร้างให้ฝั่งเมียนมาเราไม่รู้ว่าเขาเอาไปก่อสร้างอะไร ไม่รู้ว่าเอาไปทำคอลเซ็นเตอร์ เพราะเป็นเอเจนซี่มาซื้อ ลูกค้าของตนถ้าเป็นกลุ่มจีนส่วนใหญ่อยู่กทม.แต่มาทำธุรกิจถูกกฎหมายที่นี่ ซึ่งหากรัฐบาลปิดด่าน จะเป็นการเสียโอกาสให้ประเทศจีน เพราะจีนจะสามารถนำสินค้าเข้าโดยตรงมาจากจีนไม่ผ่านไทย ส่วนใหญ่จะพบปัญหาแรงงานฝั่งเมียนาทะลักข้ามแดนเป็นแสนคน เพราะโรงงานที่ถูกกฎหมายจะไม่สามารถเปิดธุรกิจได้

ส่วนธุรกิจสีเทาในเมืองชเวก๊กโกนั้น หากเข้าไปจริงจะพบว่า มีเพียง 1-2%ที่แฝงตามอาคารตึกต่างๆ ไม่ใช่ทั้งหมดของเมือง หากรัฐบาลไทยจะแก้ปัญหาควรเช็กสัญญาณอินเตอร์เน็ตและไฟฟ้าแต่ละจุด จุดไหนมีการใช้ปริมาณ ให้ตัดเป็นจุดๆ แต่ไม่ใช่ตัดทั้งหมด อยากให้รัฐบาลไทยผูกสัมพันธ์ ขอความร่วมมือกับฝั่งนู้น รัฐบาลไทยไม่ควรบีบเค้นมากไป ให้เขาได้ทำธุรกิจอื่นเป็นคู่ขนานแม่น้ำเมยไป เปรียบเสมือนโคลนในมือ บีบมากก็เล็ดลอดออกจากมือ