สังคม

เจ้าของบ้านเข่าแทบทรุด ให้ "ครูปรีชา" เช่าบ้าน ทำบ้านพังเละ ไม่จ่ายค่าเช่า-ด้านครูปรีชา จ่อฟ้องกลับ

โดย nutda_t

17 ก.พ. 2568

1.2K views

ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจาก นางพิมลวรรณ อายุ 57 ปี ว่าถูก นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา เข้ามาขอเช่าบ้านเพื่อเปิดเป็นร้านอาหาร แต่สุดท้ายพอหมดสัญญากลับไม่ยอมจ่ายค่าเช่า แถมค้างค่าน้ำค่าไฟฟ้า จนถูกตัดไฟ อีกทั้งทรัพย์สินเดิมที่เคยอยู่ภายในบ้านก็หายเกลี้ยง แถมสภาพบ้านพังเละเทะไม่มีชิ้นดี


โดย นางพิมลวรรณ บอกว่า ครูปรีชา ติดต่อขอเช่าบ้าน ในพื้นที่หมู่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นบ้านสวนขนาดใหญ่ เนื้อที่ 2 ไร่เศษ โดยเริ่มทำสัญญาเช่ากันตั้งแต่ปี 2560 ในราคาเดือนละ 5,000 บาท แรกเริ่มทำสัญญากันครั้งละ 3 ปี ซึ่งมีการต่อสัญญากันเรื่อยมา กระทั่งเมื่อปี 66 ตนเห็นว่าการทำสัญญา 3 ปี นานเกินไป จึงเปลี่ยนมาทำสัญญาเช่าแบบปีต่อปี กระทั่งสัญญาเช่าจะหมดอายุลงในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 นี้ ซึ่งได้มีการพูดคุยกับครูปรีชา และครูปรีชา ขอเวลาย้ายของออกจากบ้าน

จนถึงช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่เมื่อครูปรีชา ย้ายของออกไป และตนได้เข้ามาดูสภาพบ้านถึงกับตกใจเข่าแทบทรุด พบว่าสภาพบ้านชำรุดทรุดโทรมและสกปรกอย่างมาก บริเวณด้านหน้าบ้านที่เคยเป็นลานจอดรถเนื้อที่กว้างขวาง มีการมาขุดพื้นที่เพื่อทำเป็นบ่อปลาขนาดเล็ก แต่พอครูปรีชา ย้ายออก ก็ไม่ได้นำดินมาถมกลับให้ในสภาพเดิม แถมยังมีการนำเอาเศษขยะต่างๆ มากองทิ้งไว้ในบ่อดังกล่าวจนมีสภาพสกปรก พื้นที่ด้านข้างบ้านที่เคยเป็นพื้นที่เดินเล่นพักผ่อน ก็ถูกขุดเพื่อทำเป็นร่องน้ำขนาดใหญ่ แถมยังมีการนำเอาเศษใบไม้ซากกิ่งไม้แห้งมากองทิ้งไว้จำนวนมาก และไม่มีการนำดินมาถมกลับให้เป็นสภาพเดิม สภาพห้องครัวก็อยู่ในสภาพสกปรก คล้ายกับไม่เคยทำความสะอาดดูดควัน



ที่สำคัญ บ้านหลังนี้ยังถูกค้างค่าเช่าอีก 1 เดือน รวมถึงยังค้างค่าไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอีก 2 เดือน รวมเป็นจำนวนเงินกว่า 4,000 บาท จนถูกตัดไฟไปในที่สุด ตอนที่ครูปรีชา มาติดต่อขอเช่าบ้าน ตนบอกกับครูปรีชาไว้ว่าขอแบ่งห้องไว้ 1 ห้อง เพื่อไว้เก็บทรัพย์สินของตนเองที่ไม่ได้ขนออกไป โดยตนได้เก็บห้องดังกล่าวไว้สำหรับใช้เก็บเสื้อผ้า จานชาม พัดลม และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ โดยตนได้ล็อกกุญแจเอาไว้อย่างดี แต่ปรากฏว่าเมื่อครูปรีชา ย้ายออกไป ห้องดังกล่าวกลับถูกงัดประตูจนพัง และข้าวของที่อยู่ภายในห้องก็ถูกขนออกไปจนหมด

ที่ผ่านมา ตนพยายามติดต่อเพื่อขอพูดคุยกับครูปรีชา แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด จนตนเองตัดสินใจเดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามขอให้ครูปรีชา มาพูดคุยตกลงกับตนเองที่สถานีตำรวจ แต่ครูปรีชา ก็ไม่ยอมมา โดยอ้างติดธุระต่างๆ ทำให้ตนเองเครียดไม่รู้จะหาทางออกกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร จึงตัดสินใจนำเรื่องดังกล่าวร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าว เพื่อหวังให้ครูปรีชา ออกมารับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น



นางพิมลวรรณ ยอมรับว่า ตอนที่ให้ครูปรีชา เช่าบ้านหลังดังกล่าว ยอมให้เช่าด้วยความไว้ใจ เพราะครูปรีชา พูดกับตนด้วยคำว่าเพื่อนทุกคำ และรับปากว่าจะดูแลบ้านของตนอย่างดี แต่สุดท้าย กลับเหมือนกันฝากแมวไว้กับปลาย่าง บ้านของตนพังเสียหาย ครูปรีชาก็ไม่เคยออกมารับผิดชอบใดๆ ตนจึงอยากเรียกร้องให้ครูปรีชา ออกมารับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นและมาเจรจาตกลงกับตนให้เรียบร้อย

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อหาครูปรีชา เพื่อสอบถามถึงประเด็นดังกล่าว โดย ครูปรีชา อ้างว่าไม่อยู่ในพื้นที่ เนื่องจากกำลังเดินทางไปติดต่อธุระที่กรุงเทพฯ ทั้งนี้ยอมรับว่า ได้มีการเช่าบ้านหลังดังกล่าวกับนางพิมลวรรณจริง แต่ตนเองไม่ได้ขโมยเอาทรัพย์สินที่อยู่ในห้องอย่างที่ถูกกล่าวอ้าง อีกทั้งในสัญญาเช่าบ้าน ก็ไม่ได้มีระบุไว้ว่านางพิมลวรรณ เก็บรักษาทรัพย์สินรายการใดๆ เอาไว้ในห้องดังกล่าว ส่วนเรื่องของสภาพบ้านที่ชำรุดทรุดโทรมนั้น ยืนยันว่าที่ผ่านมา มีการซ่อมแซมมาอย่างต่อเนื่อง แต่อยู่อาศัยมานาน บ้านก็ต้องทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ส่วนที่ไม่ยอมถมบ่อปลา เพราะนางพิมลวรรณ นำกุญแจมาล็อกประตูบ้าน จนตนไม่สามารถเข้าไปดำเนินการใดๆ ได้ ยืนยันไม่ได้ทำผิดสัญญาเช่าใดๆ และหากนางพิมลวรรณ จะแจ้งความดำเนินคดีกับตน ตนเองก็พร้อมต่อสู้คดีในชั้นศาล และจะฟ้องกลับด้วย

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ครูปรีชา ,ค้างค่าเช่าบ้าน

คุณอาจสนใจ

Related News