“อี้ แทนคุณ” แฉแหลก ดาราดังเข้าข่ายตบทรัพย์ มีหลักฐาน “ดีเจแมน-ใบเตย” ถูกเรียก 14 ล้าน

หลักฐานล้นมือ! “อี้ แทนคุณ” แฉแหลก พบอัยการสูงสุดตรวจสอบ “ดาราดัง” ปมเงินลงทุน 60 จ.ตรัง อ้างสนิทอัยการ ลั่น มีหลักฐาน “ดีเจแมน-ใบเตย” ถูกเรียก 14 ล้าน เผยอีกมีคดีที่เกี่ยวกับนักแสดงรายนี้อยู่ในมืออีก 7 คดี ท้า อยากฟ้องก็ฟ้องเลยจะได้เปิดหลักฐาน

ดร.แทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม เดินทางเข้ารองอัยการสูงสุดเพื่อหารือในสำนวนคดีที่มี พี่ชายของดาราดัง กรณีลงทุน 60 ล้านบาท ในฐานะผู้บริหารบริษัทแห่งหนึ่งเดินทางโดยเครื่องบินส่วนตัวไปรับเงินสดกว่า 33 ล้านบาท โดยระบุว่า วันนี้ได้นำหนังสือรวมถึงหลักฐานในคดีที่จังหวัดตรัง มอบให้กับอัยการสูงสุด โดยมี นายอดิศร รองอัยการสูงสุด เป็นผู้รับหนังสือ ซึ่งต้องการให้พิจารณาเรื่องมีผู้เสียหายออกมาร้องขอความเป็นธรรมกับนายแทนคุณ ซึ่งเป็นเรื่องที่นายแทนคุณออกมาเปิดเผยก่อนหน้านี้ที่ดาราดังพร้อมพวกรวมเป็น 7 คน ให้มาร่วมลงทุนในธุรกิจ โดยผู้เสียหายลงทุนไปเป็นเงินที่โอนทั้งหมด 60 ล้านบาท และเงินสด 33 ล้านบาท ซึ่งพอผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกฉ้อโกงจึงได้เดินทางไปแจ้งความวันที่ 18 มกราคม 2563

แต่ทางด้านคู่กรณีต่อสู้เรื่องอายุความว่าคดีนี้ขาดอายุความไปแล้ว เลยมองว่าคู่กรณีน่าจะตัวอยู่แล้ว ซึ่งคดีดังกล่าวได้ส่งไปที่ตำรวจ และอัยการก็ได้สั่งให้ยุตติแต่ไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้จะจบ จึงต้องเดินทางมาที่สำนักงานอัยการสูงสุดให้เป็นผู้ชี้ขาดว่าสามารถสอบเพิ่มได้หรือไม่ เพื่อที่ให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรมรวมถึงสามารถที่จะขยายผลไปถึงบุคคลอีกได้หรือไม่

คดีดังกล่าวมีพิรุธในหลายส่วน และคิดว่าน่าจะมีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะตนเคยเปิดคลิปเสียงหนึ่งที่มีการพูดว่า“อัยการในประเทศสนิทกับผมหมด ผมไม่กลัวหรอก” มีความน่าสงสัยหลายอย่างทำไมถึงไม่ช่วยเหลือผู้เสียหาย หรือทั้งตำรวจ เจ้าหน้าที่ส่วนอื่นไม่แปลกใจกันหรือว่ามีการไปขนเงิน 30,000,000 เงินนี้เอาไปลงทุนอะไร และถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และเชื่อมโยงไปถึงธุรกิจอื่นได้หรือไม่ ซึ่งทุกอย่างตนมีหลักฐานทั้งหมดเป็นหลักฐานการโอนเงินทุกอย่าง อ้างว่าแค่ขึ้นไปนั่งบนเครื่องบินส่วนตัวเฉยๆ และบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไร แต่ตนมีข้อมูลว่าดาราดังไปยืนรอรับเงินตอนที่ผู้เสียหายไปเบิกเงินออกมาจากธนาคาร พร้อมว่าครอบครัวของดาราดังดูเป็นพี่น้องรักกันดี ตอนนั่งเครื่องบินส่วนตัวก็ไปด้วยกัน แต่พอเกิดเรื่องดาราดังกลับมาบอกว่าไม่รู้ไม่เห็น จึงตั้งคำถามว่าพี่น้องเช่นนี้รักกันในลักษณะแบบใด

ที่จริงแล้วตนมีคดีเกี่ยวกับ ดาราดัง อยู่ในมือทั้งหมดตอนแรก 7 คดี พร้อมบอกว่าคดีนี้เป็นคดีที่ 8 ที่ตนต้องการออกมาเปิดเผยให้สังคมได้รับรู้ หลังดีเจแมนได้ออกมาเปิดเผยว่ามีการพยายามกรรโชกทรัพย์ระหว่างดีเจแมน และใบเตยคนละ 7,000,000 บาทรวมกันเป็นเงิน 14 ล้านบาท เพื่อช่วยคดีของทั้งคู่ ซึ่งทั้งคู่ได้ให้ข้อมูลกับตนไว้นานแล้ว แต่เป็นการให้เกียรติทั้งคู่ก็ต้องรอให้ ทั้งคู่พร้อมเมื่อไหร่ที่จะมาเปิดเผยเรื่องนี้ด้วยตนเอง ซึ่งทั้งคู่มีหลักฐานชัดเจนมาก ซึ่งเป็นรายละเอียดเส้นทางการเงินที่ละเอียด ยืนยันว่าตนเองได้เห็นหลักฐานดังกล่าวแล้ว เพราะฉะนั้นตนยืนยันว่ากรณีเรียกรับผลประโยชน์ 14,000,000 บาทนั้นเป็นเรื่องจริง ตอนนี้ตนรอให้ทั้งคู่พร้อมดำเนินการ ส่วนหลักฐานจะเป็นอะไรนั้นยังไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้จะต้องรอทั้งคู่ออกมาเปิดเผยด้วยตนเอง และเรื่องนี้เชื่อว่ายังมีหลายคนใน แวดวงวงการบันเทิงก็โดนพฤติกรรมเช่นนี้เหมือนกันจึงอยากจะฝากไปทางสื่อมวลชนว่าหากใครที่โดนในลักษณะนี้ให้ติดต่อเข้ามาที่ตน ตนพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกคน เพื่อที่จะดูว่าพฤติกรรมของคนเหล่านี้มีการกระทำแบบเป็นปกติธุระหรือไม่

นอกจากนี้ยังพบว่าดาราดังมีการกล่าวอ้างถึงนักการเมืองชั้นผู้ใหญ่ที่ดีเจแมน เปิดเผยว่าใหญ่กว่านักการเมืองตนยืนยันว่าบุคคลที่ถูกแอบอ้างนั้นเป็นแค่นักการเมือง แต่อยู่ในตำแหน่งที่สูง บุคคลดังกล่าวตนก็รู้จักเป็นอย่างดีจึงเชื่อว่าไม่มีส่วนรู้เห็นที่ถูกเอาชื่อไปใช้ ตอนนั้นนักการเมื่อคนดังกล่าว กับดาราดังนั่งอยู่ด้วยกันก็ถูกดาราดังเอากล้องแพลนไปหาโดยที่ไม่รู้ว่ากำลังคุยกับใครหรือคุยเรื่องอะไร แต่ดาราดังไปแอบอ้างว่านั่งอยู่กับท่านนี้สามารถช่วยให้รอดหรือไม่รอดในเรื่องของคดีได้ และเมื่อนักการเมืองคนดังกล่าวกลายเป็นผู้เสียหายที่ถูกแอบอ้างชื่อแล้วก็อยากจะให้นำข้อมูล และมาเป็นโจทก์ ว่าอดีตสมาชิกของท่าน ที่ไว้วางใจให้เป็นตัวแทนพรรค กระทำการอะไรเอาไว้บ้าง อย่ามองว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพรรคเนื่องจากบุคคลดังกล่าวไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแล้ว ในช่วงเวลาที่มีความเสียหายนั้นยังเป็นสมาชิกของพรรคอยู่ที่ทำให้ประชาชนได้รับความเสียหาย

รวมถึงมีการแอบอ้างว่าสามารถช่วยให้ทั้งคู่ไม่ถูกดำเนินคดีได้ จึงอยากให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ และตนรู้สึกดีใจที่ทางพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จะมีการดำเนินการโดยการเรียกดีเจแมนและใบเตยเข้ามาให้ข้อมูลในกรณีดังกล่าว เนื่องจากยังมีคดีเก่าของดาราดังอยู่เกี่ยวกับการ พยายามกรรโชกทรัพย์ หากมีพยานมายืนยันพฤติกรรมของดาราดังได้ จะสามารถสาวไปถึงขบวนการเบื้องหลัง ตนเชื่อว่าอาจจะมีการทำงานเป็นขบวนการ เพราะเห็นดาราดังกล่าวอ้างถึงหลายบุคคลทั้งพี่ชายและบุคคลอื่น

และหากเอาเรื่องนี้มาฟ้องแพ่งว่าตนไปทำให้เขาเสียหาย ไม่มีใครเข้ามาจ้างงาน ทำให้ไม่มีงานทำเป็นเรื่องดีฟ้องมาเลยตนจะไปตรวจสอบบริษัท ว่าบริษัทดังกล่าวมีการรับงานของดาราดังจริงหรือไม่ และได้เสียภาษีถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้ตนยังมีข้อมูลว่าปี 61-66 มีความเกี่ยวข้องกับคดีที่จังหวัดตรัง 60 ล้านบาท แต่คดีอื่นๆนั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ต้องไปตรวจสอบด้วย โดยบริษัทดังกล่าวทำธุรกิจเกี่ยวกับแอพพลิเคชั่น ที่เป็นตัวกลางในการชำระเงิน ค่าสินค้าและค่าบริการต่างๆ และในปี 2562-2563 ดาราดังถูก สคบ.และธนาคารแห่งประเทศไทยรับรองทุกกล่าวโทษกรณีที่ไปทำแอปพลิเคชัน ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยแล้วก็แล้วก็มีลักษณะที่ทำผิดกฎหมายในการขายตรงและการตลาดแบบขายตรงซึ่งตอนนั้นมีการตัดสินลงทุน 1 ปีและรอลงอาญา 2 ปี

พร้อมบอกว่าตอนนี้ตนกลัวจนตัวสั่นยิ่งกลัวก็ยิ่งต้องต่อสู้ยิ่งทำให้ตนรู้สึกกลัวมากเท่าไหร่ตนก็จะยิ่งไปขุดคุ้ยข้อมูลก็จะจะยิ่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ ตนพร้อมสู้ทุกรูปแบบยืนยันว่าไม่ได้เป็นความโกรธแค้นส่วนตัวแต่อยากช่วยเหลือผู้เสียหายเพราะถ้าถือเป็นเรื่องส่วนตัวจะกลายเป็นอคติแต่พอเห็นข้อมูลก็ทำให้ตนรู้สึกอยู่เฉยเฉยไม่ได้ซึ่งมิตรไมตรีระหว่างตนและดาราดังนั้นขาดไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 มกราคมที่เขาเข้าไปแจ้งความดำเนินคดีกับตนแล้วและ เขาก็ไม่สำนึกผิดตนก็จะเดินหน้าสู้ต่อไป