สังคม

‘หม่องชิตตู’ ร่อนแถลงการณ์ถึง ‘ภูมิธรรม’ พร้อมร่วมมือปราบแก๊งคอลฯ - เผยแค่ 1% ถูกหลอก ที่เหลือเต็มใจทำ

โดย petchpawee_k

14 ก.พ. 2568

29 views

วานนี้ (13 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก อ.แม่สอด จ.ตาก ว่า พลตรีหม่องซอร์ชิตตู่ ออกแถลงการณ์ถึง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุออกมา 2 ข้อหลักๆ ว่า 1 กองกำลังป้องกันชายแดน (รัฐกะเหรี่ยง) หรือ บีจีเอฟ จะดำเนินการจับกุม และปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์และแก๊งหลอกลวงกลุ่มคอลเซ็นเตอร์กับสแกมเมอร์ ที่กระทำการการอย่างผิดกฎหมาย ในโครงการลงทุนในภูมิภาคพื้นที่เขตการปกครองของ บีจีเอฟ นอกจากนี้ เรายืนยันที่จะอำนวยความสะดวกในการส่งเหยื่อการค้ามนุษย์และชาวต่างชาติกลับประเทศบ้านเกิดของพวกเขาอีกด้วย

2. ในการดำเนินการครั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป จะมีการขนส่งชาวต่างชาติจำนวนมากผ่านสะพานมิตรภาพไทยเมียนมาร์แห่งที่ 2 จากพื้นที่เขตเมืองเมียวดี เพื่อดำรงไว้ถึงความร่วมมือระหว่างรัฐบาลเมียนมาร์และรัฐบาลไทย

ทั้งนี้ เพื่อให้ความร่วมมือในการปราบปรามการก่ออาชญกรรมผิดกฎหมายข้ามชาติ และการส่งตัวเหยื่อการค้ามนุษย์กลับประเทศให้มีความราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ขอให้รัฐบาลไทยให้คำชี้แนะและให้ความช่วยเหลือตามความจำเป็นอีกด้วย ขอแสดงความนับถือ พลตรี หม่องซอร์ชิดตู่

ในเวลาเดียวกันได้ออกหนังสือแถลงการณ์ถึง ผบ.ฉก.ราชมนูอีก 1 ฉบับ ในข้อความที่เหมือนกัน

สอดคล้องกับเมื่อช่วงเที่ยงวันเดียวกัน รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงชายแดนจังหวัดตากว่า จะมีการปล่อยตัวผู้บริสุทธิ์และผู้ที่ถูกหลอก ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา จำนวน 261 คน และยังมีอีกประมาณ 7,000 คน ที่กำลังรออยู่ โดยย้ำว่า มาตรการของไทย จะประสานประเทศปลายทาง ให้มารับตัวกลับได้โดยตรง ไม่ต้องตกค้างอยู่ที่จังหวัดตาก และได้รับรายงานเพิ่มเติม จากการประสานกับกลุ่มกองกำลังต่างๆ กรณีตามล่ากลุ่มหลอกลวงนักแสดงชาวจีน ที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ ให้ไปทำงานให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถจับกุมตัวหัวหน้าแก๊งได้ทั้งหมดแล้ว และ จะส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย


ส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศตคม.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) เปิดเผย มาตรการป้องกัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ได้เริ่มใช้จนกระทั่งเริ่มมีการส่งคืนกลุ่มผู้เสียหาย(เหยื่อ) จำนวนหลายร้อยคน ณ วันนี้


พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า เป็นที่น่าพอใจ จากการรวบรวมข้อมูลที่ผ่านมาของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองพบว่ามีคนหลายชาติใช้เส้นทางอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ทั้งแบบถูกต้องและเส้นทางธรรมชาติในการข้ามพรมแดนมีกลุ่มคนที่ไม่มีแผนการท่องเที่ยวหรือ ที่พัก จำนวนมาก


ส่วนนี้ตำรวจได้ทำการสืบค้นย้อนหลัง เพื่อตามหาว่ามีการข้ามไปและมีการกลับออกมาแล้วหรือไม่ ต้องยอมรับว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ของผู้ที่เดินทางข้ามพรมแดนสมัครใจเดินทางไปเอง และยืนยันว่าไม่มีการถูกหลอกในประเทศไทย


สำหรับผู้ที่ถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์อาจเป็นการหลอกให้ไปทำงาน โดยแจ้งว่าเป็นงานอีกประเภท โดยผู้ที่ไปเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา นอกจากไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้วยังไปทำงานอื่นๆอีก ทั้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โรงแรม ร้านอาหาร และบ่อนพนันออนไลน์


“สำหรับคนที่ถูกหลอกข้ามประเทศไปจริงๆมีสัดส่วนที่น้อยมากเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ เช่นกรณีของดาราจีน นอกนั้นการเดินทางไปด้วยความเต็มใจ”


ช่วงเวลาที่ผ่านมาได้มีการจับกุมชาวญี่ปุ่น 4 รายที่แม้จะมีแผนการเดินทางท่องเที่ยวชัดเจนในประเทศไทยแต่มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยง เช่น ใช้ช่องทางธรรมชาติข้ามไปพรมแดนเพื่อนบ้านด้วยกระเป๋าหนึ่งใบไปกลับหลายครั้ง ต่อมาจากการสืบสวนกลุ่มดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ามนุษย์


พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวต่อว่า การหลอกลวงให้ไปทำงานในฝั่งเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา พบว่ามีกลุ่มผู้เสียหายหลายเชื้อชาติทั่วโลกโดยเริ่มต้นจากคนจีนหลอกคนในชาตินั้นๆ เพื่อไปกระทำการหลอกคนในชาติตัวเอง คนไทยจะเกี่ยวข้องในเรื่องของการไปรับจ้างเปิดบัญชีม้า แต่คนไทยที่จะถูกหลอกไปทำงานจริงๆส่วนมากจะถูกหลอกไปฝั่งประเทศกัมพูชา และลาว


จากนี้ในการรับตัวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้ามาในประเทศไทยคาดว่าศูนย์สั่งการชายแดนมีการดูแลอย่างเต็มที่แล้ วในส่วนของตนเองก็จะเข้าไปเพิ่มเติมในส่วนของความเรียบร้อยและวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ จะมีการเชิญทูตประเทศต่าง ๆ มาเตรียมความพร้อมในการรับประชากรในชาติตัวเองกลับไป

ส่วนการคัดกรองเหยื่อกับมิจฉาชีพปัจจุบันได้มีการใช้แบบสอบถามและขั้นตอนของกลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism) หรือ NRM รวมทั้งใช้มาตรการสืบสวนสอบสวนเข้ามาร่วมด้วยโดยใช้ฐานข้อมูลจากระบบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ข้อมูลจากแต่ละสถานทูต มาเชื่อมโยงกันเพื่อคัดแยกกลุ่มบุคคล โดยล่าสุดในกลุ่ม 260 คน ที่ทางการไทยเพิ่งรับมาทางประเทศฟิลิปปินส์ได้ให้ข้อมูลมาว่ามีหนึ่งบุคคลเป็นผู้ต้องหาในกระบวนการค้ามนุษย์แต่มาแอบอ้างว่าเป็นเหยื่อ เชื่อว่าระบบของประเทศไทยเป็นไปด้วยดีทำให้สามารถคัดแยกผู้เสียหายตัวจริงกับกลุ่มมิจฉาชีพที่มาแฝงตัวได้ เราไม่อยากเห็นคนที่ไปหลอกคนอื่นแล้วพอตอนกลับก็มาแสดงตัวเองเป็นเหยื่อมันเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม


พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวยืนยันว่า ไม่ใช่ทุกรายที่กลับเข้ามาในประเทศไทยจะถูกบรรจุว่าเป็นเหยื่อ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะคัดกรองโดยละเอียดไม่ให้มีการปะปนกัน และในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ใช่เป็นการทำเฉพาะฝั่งเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา แต่จะปราบปรามฝั่งประเทศลาวและกัมพูชาด้วย


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/2hemjdt0goM

คุณอาจสนใจ

Related News