แม่โวยครูทำโทษลูก ป.3 ผลัดกันกับเพื่อนร่วมชั้น หยิกหูจนอักเสบ

หัวอกคนเป็นแม่ โพสต์ภาพลูกชายชั้น ป.3 ถูกครูทำโทษโดยการให้เปลี่ยนกันกับเพื่อนหยิกหูจนเขียวช้ำ ถามการลงโทษแบบนี้ทำเกิดกว่าเหตุหรือไม่ พาลูกไปหมอพบใบหูอักเสบ สุดทนเข้า สภ.แจ้งความทันที

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้มีการโพสต์ภาพเด็กชายที่ใบหูเขียวช้ำทั้งสองข้าง โดยมีข้อความว่า “ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งในหางดง สั่งสอนเด็กด้วยการชี้แนะให้เด็กทำร้ายร่างกายกันเอง ซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชาย ให้ดึงหูกันถ้าไม่ร้องห้ามหยุด”

หลังโพสต์นี้ถูกแชร์ในกลุ่มหนองควายมาร์เก็ตเพลสV2 ทำให้มีผู้เข้าไปแสดงคงวามคิดเห็นกันจำนวนมากของการลงโทษที่ครูทำกับเด็กนักเรียนชั้น ป.3 ว่าทำรุนแรงเกินไปไหม

ล่าสุดวันนี้ (1 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พูดคุยกับ นางสาวธนัญชนก อายุ 30 ปี เจ้าของโพสต์ดังกล่าว เธอเล่าว่า เด็กชายที่อยู่ในภาพนั้นคือลูกชายอายุ 9 ขวบเด็กนักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ถูกครูผู้ชายทำโทษจนหูอักเสบ

นางสาว ธนัญชนก เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 โดยช่วงวันนั้นลูกชายไปทัศนศึกษากลับมาช่วงเย็น คุณพ่อก็ไปรับปกติเหมือนทุกวัน พอกลับมาที่บ้าน คุณน้าเห็นว่าทำไมน้องหูแดงมาก แดงเป็นเลือดพอถามลูกชายก็จะบ่ายเบี่ยงว่าไม่เป็นไรเล่นกับเพื่อนมา ซึ่งในส่วนตัวเธอคิดว่าเด็กน่าจะกลัวความผิดส่วนหนึ่ง เลยไม่กล้าพูด

ซึ่งวันนั้นเธอไม่อยู่ร้านไปเฝ้าย่าทวดที่โรงพยาบาล กลับมาถึงบ้านประมาณสองทุ่ม น้องก็หลับไปแล้วเธอจึงไปเรียกลูกชายตื่นขึ้นมาถาม ว่าใบหูของน้องไปโดนอะไรมาเล่าความจริงมาให้แม่ฟัง ตอนแรกน้องก็ยังไม่กล้าบอกๆ ว่าเล่นกับเพื่อนมา แต่แม่ก็บอกว่าไม่น่าใช่ เพราะถ้าเล่นแรงแบบนี้ครูก็น่าจะแจ้งแม่แล้ว

ให้น้องบอกความจริงกับแม่มา หนูไปทำอะไรมา

กระทั่งน้องยอมบอกความจริงว่า ครูสั่งให้เพื่อนหยิกหู สาเหตุมาจากอะไร แต่น้องก็ไม่ยอมตอบ แม่จึงได้ไลน์ไปถามครูประจำชั้นแต่ครูก็ไม่ทราบว่าเกิดเหตุอะไรหูเป็นแผลแต่เดียวครูจะถามครูผู้ชายให้นะว่าเกิดอะไรก็ทราบว่าน้องถูกทำโทษเนื่องจากไปขู่เอาเงินเพื่อน ครูผู้ชายจึงได้ลงโทษโดยที่ให้ลูกชายกับเด็กผู้หญิงเปลี่ยนกันหยิกหูทั้งสองข้าง จนกว่าจะมีคนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะร้องออกมา

ตอนแรกแม่ก็ไม่ว่าอะไรแต่พอตอนเช้าอีกวันที่ 31 ม.ค.68 น้องตื่นมามีอาการเหมือนไม่สบาย หลังเลิกเรียนกลับมาใบหูเขียวช้ำกว่าเดิม แม่จึงตัดสินโทรหาครูประจำชั้นอีกครั้ง ซึ่งครูประจำจึงได้ให้ครูผู้ชายที่ลงโทษเด็กโทรกลับมาหาแม่และพูดคุยถึงเรื่องราวดังกล่าว

โดยครูบอกว่าครูได้ให้เด็กหญิงหยิกหูกัน 10 ครั้งถ้าใครไม่ร้องไม่ให้หยุด ดังนั้นน้องผู้หญิงจึงหยิกหูแม่อย่างแรงเพื่อให้ร้องครูถึงจะหยุดทำโทษ ดังนั้นเธอจึงถามครูผู้ชายที่ลงโทษกลับไปว่าครูลงโทษเด็กแบบนี้มันเกินกว่าเหตุไปหรือไม่ ซึ่งครูคนดังกล่าวตอบกลับมาว่าปกติครูก็ลงโทษเด็กแบบนี้อยู่แล้วแต่ไม่ถึงขั้นนี้ พึ่งมาเป็นหนักที่ลูกคุณแม่ เธอจึงย้อนถามกลับไปว่าครูมีพฤติกรรมรุนแรงกับเด็กแบบนี้เหรอคะ

ทำไมถ้าเด็กมีพฤติกรรมไม่ดีครูไม่ลงโทษแบบอื่น หรือว่าแจ้งผู้ปกครองให้ทราบก่อน ไม่น่าให้เด็กสองคนที่เป็นเด็กผู้ชายและผู้หญิงมาหยิกหูกันเพื่อทำโทษ ซึ่งเธอมองว่าการลงโทษดังกล่าวนั้นเป็นการสร้างพฤติกรรมรุนแรงให้กับเด็ก และเป็นการปลูกฝังความก้าวร้าว ให้เด็กผู้ชายรังแกผู้หญิงได้

หลังเกิดเหตุเธอได้พาลูกชายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาล แพทย์วินิจฉัยว่า น้องหูอักเสบให้ยามาทาและรับประทาน ก่อนที่พ่อของน้องจะเข้าแจ้งความกับ ตำรวจ สภ.หางดงเพื่อเอาผิดครูที่ลงโทษเด็ก โดยยืนยันจะดำเนินคดีให้ถูกที่สุดเพื่อเป็นคดีตัวอย่างและไม่ต้องการให้ครูคนนี้ไปลงโทษเด็กคนอื่นแบบนี้อีก

ขณะที่เด็กชายที่ถูกทำโทษบอกว่า ตอนนี้ตนเองก็รู้สึกกลัว ยอมรับว่าไม่กล้าพูดความจริงกับแม่ เพราะกลัวแม่ไปเอาเรื่องครูตนเองได้ไปขู่เอาเงินเพื่อนจริง แต่ทำเล่นๆ หลังจากนี้จะไม่ทำอีกแล้วและเข็ดแล้วที่ถูกครูทำโทษ ส่วนอาการเจ็บหูนั้นขณะนี้ก็ยังเจ็บบริเวณใบหูอยู่ นอนตะแคงไม่ได้ ส่วนเพื่อนนั้นที่ไม่เจ็บเยอะนั้น เพราะตนไม่ได้หยิกแรง เพราะแม่สอนว่าไม่ให้รังแกผู้หญิงตนจึงไม่กล้าหยิกเพื่อนแรง

ล่าสุดเช้านี้ 1 กพ. 68 ผู้อำนวยการโรงเรียนที่น้องเรียนอยู่ได้โทรมาหาคุณแม่และนัดไปพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยในวันจันทร์ ที่ 3 ก.พ.68