ไล่เรียงเหตุการณ์ ลูกชายร้านขายผ้าดังหัวร้อน ขับเก๋งไล่ชนไรเดอร์ดับ เมียปล่อยโฮ "แล้วลูกจะอยู่ยังไง"

หนุ่มลูกเจ้าของร้านขายผ้า ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์อัดเสากล้องวงจรปิดดับ หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ยอมลงมาเจรจา เมียแทบขาดใจใช้มือจับร่างสามีปล่อยโฮ "แล้วลูกจะอยู่ยังไง" ลั่นทำไมใจร้ายขนาดนี้ มันหนักหนาต้องฆ่าแกงกันเลยหรอ ขณะที่ลูกโพสต์เศร้า "ทำไมใจร้ายกับพ่อหนู"


เมื่อวันที่ 21 ม.ค.68 เวลา 11.50 น. ตำรวจ สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุรถเก๋งไล่ชนคนขี่รถจยย. เสียชีวิต บริเวณหน้าโครงการก่อสร้างเท็นท์ อเวนิว ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาฯ และอาสาฯมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง


ที่เกิดเหตุบนฟุตบาทข้างเสาเหล็กติดตั้งกล้องวงจรปิดของ กทม. พบศพ นายฤทธิศักดิ์ อายุ 48 ปี อาชีพไรเดอร์ นอนหงายจมกองเลือดในชุดเสื้อยืดฟู้ดแพนด้า แขนยาวสีชมพู กางเกงยีนส์ ใกล้กันพบกล่องเก็บพัสดุของฟู้ดแพนด้า และหมวกกันน็อคของคนตาย ห่างไป 10 เมตร บนถนนชิดขอบฟุตบาทพบรถจยย.ฮอนด้า อีวี เดลิเวอรี่ สีน้ำเงินขาว ล้มตะแคงสภาพด้านซ้ายพังยับ


ถัดไปพบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีทอง สภาพกระจกมองข้างด้านขวาหัก กันชนหน้ามีรอยเฉี่ยวชน ส่วนคนขับทราบชื่อคือ นายเสรี อายุ 30 ปี ลูกชายเจ้าของร้านขายผ้าแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ปากซอยสุขุมวิท 7/1 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.ลุมพินี จับกุมตัวไว้ได้ที่แยกนานา ขณะขับรถหลบหนี ซึ่งนายเสรีไม่ยอมให้การใด ๆ จึงได้นำตัวไปควบคุมที่ สน.ลุมพินี    


ทั้งนี้ ทีมข่าวได้คลิปจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ ซึ่งคนละแวกนั้นถ่ายไว้ ในคลิปจะเห็นว่ารถยนต์ของผู้ก่อเหตุ กับรถจยย.ของไรเดอร์ผู้เสียชีวิต ได้มีการเฉี่ยวชนกัน จากนั้นไรเดอร์ได้ลงจากรถจยย. และพยายามใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพรถยนต์ไว้ และบอกให้คู่กรณีลงมาเคลียร์ แต่รถยนต์คันก่อเหตุพยายามขับถอย ส่วนไรเดอร์ที่เสียชีวิตก็ยังยืนขวางอยู่บริเวณหน้ารถยนต์คันดังกล่าว


ในคลิปจะเห็นว่ารถยนต์พยายามเบี่ยงออกด้านซ้าย พยายามขับหนีและเบียดรถจยย.ของไรเดอร์ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเปิดประตูลงมาจากรถยนต์ และชกต่อยไปที่ไรเดอร์ จนรถจยย.ล้มลง ซ้ำยังใช้เท้าถีบไปที่รถจยย.ของไรเดอร์หลายครั้ง จากนั้นไรเดอร์ได้ยกรถจยย.ขึ้น และพยายามขับรถหนีจากผู้ก่อเหตุ แต่ผู้ก่อเหตุก็ยังขับรถเก๋งไล่ตาม และพุ่งชนรถจยย.ของไรเดอร์จนเสียชีวิต


ขณะที่กล้องวงจรปิดตรงจุดเกิดเหตุ เวลา 11.50 น. จับภาพอีกมุมซึ่งลักษณะเหตุการณ์แบบเดียวกันกับที่มีผู้ถ่ายคลิปไว้ข้างต้น และหลังจากที่รถจยย.ของผู้ตายพยายามขี่หนี รถยนต์ของผู้ก่อเหตุก็ขับไล่ตาม โดยกล้องวงจรปิดอีกมุมจับภาพวินาทีที่รถจยย.ของผู้ตายขับหนีอยู่ในเลนขวา ซึ่งในคลิปจะเห็นรถยนต์ผู้ก่อเหตุขับไล่ตาม พอรถจยย.ผู้ตายขี่เข้าเลนกลาง รถยนต์ผู้ก่อเหตุก็ขับไล่ตามเข้าเลนกลาง แล้วพุ่งชนรถจยย.ของผู้ตายอัดกับเสากล้องวงจรปิด


ภายหลังเกิดเหตุ นางสายใจ อายุ 39 ปี พร้อมด้วย ด.ญ.แอน ภรรยาและบุตรสาวของนายฤทธิศักดิ์ ทราบเรื่องจึงได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ เมื่อเห็นสภาพศพสามีถึงกับร่ำไห้อย่างน่าเวทนา โดยภรรยาใช้มือจับไปที่ร่างของสามี แล้วว่า "แล้วลูกจะอยู่ยังไง" ก่อนเป็นลมทรุดลงกับพื้น เจ้าหน้าที่จึงได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นจนได้สติ


ทีมข่าวได้คุยกับนางสาวสายใจ ภรรยาของไรเดอร์ที่เสียชีวิต เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าตนยังคุยกับสามีอยู่เลย เรื่องค่าชุดของลูก โดยสามีบอกว่าเดี๋ยวจะไปจ่ายเงินให้ ตนคบหากับสามีมา 24 ปี และมีลูกด้วยกัน 4 คน แต่ละคนก็ยังศึกษาเล่าเรียนอยู่ โดยคนโตเพิ่งจะจบ ม.6 กำลังจะเตรียมเข้ามหาลัย สามีจึงต้องเร่งหาเงินเพื่อมาจุนเจือค่าใช้จ่ายในบ้านและค่าเทอมของลูก กระทั่งมาเกิดเหตุสลด ตนรู้สึกช็อกมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


ทั้งนี้ ตนก็ยังไม่รู้ว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไปเมื่อสูญเสียเสาหลัก เพราะว่าตนก็ไม่ได้มีรายได้ สามีเป็นคนเดียวที่หาเลี้ยงครอบครัว อยากฝากบอกไปถึงคนที่ขับชนว่าทำไมถึงใจร้ายขนาดนี้ ไม่คิดบ้างหรอว่าคนอื่นต้องมีครอบครัวที่ต้องดูแล และมีครอบครัวที่รอเขา มันหนักหนาถึงกับต้องฆ่าแกงกันเลยหรอ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด


นายกิตติภูมิ อายุ 48 ปี ไรเดอร์ ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนเห็นไรเดอร์และรถเก๋งจอดอยู่เลนขวา มีปากเสียงกันอยู่ คาดว่าน่าจะมีปัญหาการเฉี่ยวชนกันเกิดขึ้น ขณะนั้นรถเก๋งได้พยายามหลบหนี ไรเดอร์ได้ยืนขวางรถไว้ แต่รถเก๋งพยายามจะขับหนี ไรเดอร์จึงได้ทุบรถ และคนขับรถเก๋งคันดังกล่าวได้เปิดประตูรถออกมา และทำร้ายไรเดอร์ ก่อนที่ไรเดอร์จะขึ้นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าขับรถหนี โดยมีรถเก๋งคันดังกล่าวขับไล่ตามไปชนจากเลนขวาไปถึงเลนซ้ายสุด ทำให้ร่างของไรเดอร์คนดังกล่าวกระเด็นลอยไปกระแทกกับเสาไฟ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา


ขณะที่ ร.ต.ท.จรินทร์ รัตนสุวรรณชัย รองสารวัตรสอบสวน สน.ลุมพินี เผยว่า จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายเสรีขับรถเก๋งคันก่อเหตุมาจากทางแยกอโศก มุ่งหน้าแยกเพลินจิต แล้วได้เกิดเฉี่ยวชนกับรถจยย.ของนายฤทธิศักดิ์ ผู้ตาย แล้วไม่ยอมลงมาเจรจาค่าเสียหาย แต่ได้ขับรถออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้นายฤทธิศักดิ์ ขี่รถจยย.ตามมา จนถึงหน้าร้านสยาม 2 นวดเพื่อสุขภาพ


โดยนายฤทธิศักดิ์ ได้ขี่จยย.จอดขวางหน้ารถของนายเสรี ในช่องทางขวาสุด แล้วนายฤทธิศักดิ์ก็ลงมาจากรถจยย. ยืนขวางหน้ารถของนายเสรี แล้วเรียกให้นายเสรีลงมาเจรจาเรื่องค่าเสียหาย แต่นายเสรีพยายามขับรถเดินหน้าเพื่อชนนายฤทธิศักดิ์ แล้วเบี่ยงหน้ารถไปทางเลนกลางเพื่อหลบหนี นายฤทธิศักดิ์จึงใช้มือทุบกระจกที่ด้านคนขับ 2-3 ครั้ง


ซึ่งนายฤทธิศักดิ์ คิดว่านายเสรีจะหลบหนีไปได้ จึงขึ้นคร่อมรถจยย. เพื่อจะขี่ตาม แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร นายเสรีกลับเปิดประตูลงมาชกหน้านายฤทธิศักดิ์ จนล้มลงพื้นพร้อมรถจยย. และนายเสรีได้กระทืบร่างของนายฤทธิศักดิ์ ซึ่งนายฤทธิศักดิ์คิดว่าสู้ไม่ได้ จึงได้ขี่รถจยย.พยายามหลบหนี ซึ่งนายเสรียังไม่หายแค้นขับรถตามไปในเลนขวา


ส่วนนายฤทธิศักดิ์ขี่รถอยู่เลนซ้าย มาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ได้ขับรถปาดจากเลนขวาเข้ามาชนรถจยย.ของนายฤทธิศักดิ์ ร่างของนายฤทธิศักดิ์กระเด็นไปฟาดกับเสาเหล็กกล้องวงจรปิดของ กทม. จนตัวหักงอเสียชีวิตทันที เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา ฆ่าคนตายโดยเจตนา และขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย นำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ขณะที่ผู้ก่อเหตุให้การปฏิเสธ


อย่างไรก็ตาม ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ได้กำชับสั่งการให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดกับผู้ที่กระทำความผิด เบื้องต้นได้มีการตรวจหาแอลกอฮอล์และสารเสพติดในร่างกายแล้วไม่พบแต่อย่างใด ทั้งนี้ทางตำรวจดำเนินการสอบปากคำประจักษ์พยาน 2 ปาก สอบปากคำแม่ผู้เสียชีวิต 1 ปาก พร้อมยึดรถคันก่อเหตุไว้เป็นของกลางในคดีแล้ว มีรวบรวมพยานหลักฐานกล้องวงจรปิด CCTV บริเวณที่เกิดเหตุทั้งหมดอย่างรอบคอบและรัดกุมเพื่อดำเนินคดีต่อไป


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงหัวค่ำ กลุ่มไรเดอร์ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้เสียชีวิต ได้ไปรวมตัวกันเรียกร้องอยู่ที่หน้า สน.ลุมพินี เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยนายอรรถพล ตัวแทนไรเดอร์ กล่าวว่า พวกตนไม่ได้รู้จักกับคนตายเป็นการส่วนตัว แต่พวกตนมาในฐานะเพื่อนร่วมอาชีพที่ต้องการมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้ตาย กลัวว่าผู้ตายจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะดูจากคลิปเหตุการณ์แล้ว ผู้ก่อเหตุทำเกินกว่าเหตุไปมากถึงขั้นเอาชีวิตและยังหลบหนี


เบื้องต้นได้รับกับยืนยันจาก ผกก.สน.ลุมพินี รับปากว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด นอกจากนี้ทางกลุ่มไรเดอร์ของตนก็จะช่วยเหลือในเรื่องค่างานศพต่าง ๆ กับครอบครัวของผู้ตายอีกด้วย แต่หากว่าทางครอบครัวของผู้ตายไม่ได้รับความเป็นธรรม พวกตนก็จะรวมตัวกันไปร้องเรียนตามหน่วยงานต่าง ๆ ต่อไป


ต่อมา 19.20 น. พ่อของนายเสรี ผู้ก่อเหตุได้เดินลงมาจากบนโรงพัก หลังจากได้ไปขึ้นพูดคุยและขอโทษครอบครัวของผู้เสียชีวิต ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่ามีการพูดคุยอะไรกันบ้าง รวมถึงจะมีการเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างไรบ้าง แต่พ่อของผู้ตายไม่พูดอะไรและพยายามเดินหนีนักข่าว


ต่อมา นางสายใจ ภรรยาของผู้ตาย เดินออกมาจากโรงพัก ก่อนจะเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า พ่อของนายเสรี ผู้ก่อเหตุ ได้มาแสดงความเสียใจ บอกว่าตัวเองก็เสียใจเหมือนกัน พร้อมก้มกราบขอโทษแทนลูกชายตัวเอง รายละเอียดอื่น ๆ ตนก็ยังไม่ได้พูดคุยรวมถึงเรื่องการรับผิดชอบ เพราะตนขอจัดงานศพของสามีให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งทางพ่อของผู้ก่อเหตุบอกจะรับผิดชอบทุกอย่าง และขอไปงานศพเพื่อเข้ามากราบศพ ตนก็อนุญาตให้มาได้ เพราะพ่อของผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้ผิดอะไร ตนก็ยังไม่ได้เรียกร้องอะไรไป


ต่อมา 19.30 น. ตำรวจด้วยคุมตัวนายเสรี ผู้ก่อเหตุ ใส่กุญแจมือ ออกมาจากห้องสืบสวน ขึ้นไปยังชั้นสองของโรงพัก ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวพยายามยื่นไมค์สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และชนวนเหตุของการก่อเหตุครั้งนี้ แต่นายเสรีไม่ได้ตอบ เมื่อถามว่าจะเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างไร หรืออยากจะขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือไม่ นายเสรีทำหน้านิ่งไม่พูดอะไร ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะคุมตัวเข้าไปภายในห้องสอบสวน โดยมีพ่อและญาติของผู้ก่อเหตุเดินเข้าไปด้านในด้วย


ขณะเดียวกัน ลูกสาวของผู้เสียชีวิต ได้โพสต์ข้อความว่า "ทำไมพี่ทำกับพ่อหนูแบบนี้" และมีอิโมจิร้องไห้ นอกจากนี้ยังได้โพสต์ภาพพ่อถ่ายรูปกับลูก ๆ ตอนไปเที่ยวสมัยเด็ก ๆ พร้อมเขียนข้อความระบุว่า "ไม่เหนื่อยแล้วนะป๋า ขอโทษที่พูดไรก็ไม่เคยฟัง ป๋าไม่ต้องห่วงนะ มีความสุขบนนั้นเยอะ ๆ เหนื่อยมากแล้วขอบคุณที่เลี้ยงหนูจนโตมาได้ขนาดนี้ หนูจะเข้มแข็งนะ หนูรักป๋าตลอดรักทุกวันเลย ป๋าคือฮีโร่ของหนูนะ" และมีอิโมจิรูปนกและหัวใจสีดำ


ส่วนลูกอีกคนโพสต์อาลัยพ่อว่า "ป๋าหนีหนูไปไกลจังอ่ะ หนูจะตามป๋ากลับมาได้จากที่ไหนบ้าง" ต่อมาได้โพสต์อีกว่า "ทำไมใจร้ายกับพ่อหนูจังเลย"

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/6AINyGL5mBE