สังคม
พ่อแม่เปิดใจทั้งน้ำตา สูญเสียลูกวัย 3 ขวบ หลังติดเชื้อไวรัสแล้วลามไปที่หัวใจ
โดย gamonthip_s
8 ม.ค. 2568
164 views
จากกรณีเฟซบุ๊กชื่อ "Aphichaya Thanasri " ระบุว่า มีผู้ป่วยเป็นเด็กผู้หญิงอยู่ในพื้นที่ จ.ชุมพร ชื่อน้องไดอาน่า อายุ 3 ขวบ ไม่มีสัญญาณบอกเตือนใดๆ มีเพียงไข้อ่อนๆ แต่จู่ๆน้องมีอาการชักเกร็ง แม่พาไปโรงพยาบาลทันที หมอช่วยปั้มหัวใจ ใส่ท่อเครื่องช่วยหายใจ แต่ช่วยไม่ได้ น้องเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว โดยผู้โพสต์ระบุบอกด้วยว่า "หมอได้แจ้งว่า น้องไดอาน่า ติดเชื้อไวรัส ที่อยู่ในอากาศ แล้วมันลงที่หัวใจ เลยทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน มันไวมาก ไม่มีสัญญาณอะไรมาก่อน
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้าน ม.10 ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร โดยบริเวณซุ้มประตูรั้วหน้าบ้าน ระบุชื่อ บ้านน้องไดอาน่า ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายแยกดอนรัก-ศูนย์ราชการ จ.ชุมพร พบว่ากำลังจัดสถานที่เพื่อตั้งบำเพ็ญกุศลศพน้องไดอาน่า อายุ 3 ขวบ โดยมีนายภูวนาท อายุ 30 ปี และ น.ส.อภิชญา อายุ 29 ปี ขุนชัย ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของน้องไดอาน่า และ น.ส.สุกัญญา อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นยาย และ น.ส.จิระพร ศรีสิน อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นย่า พร้อมกับบรรดาญาติและเพื่อน กำลังอยู่ในความเศร้าโศกนั่งปลอบใจให้กันและกันอยู่
โดยพ่อและแม่ เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตาว่า ตั้งแต่น้องไดอาน่าเกิดมา ตนเองและครอบครัว ทะนุถนอมปานแก้วในหิน น้องเป็นอะไรไม่สบายทุกคนก็จะมาทันที และส่วนใหญ่ที่ผ่านมานั้นน้องไดอาน่าก็จะเพียงเป็นไข้ไม่สบายเท่านั้น ไม่มีอาการอะไรบ่งบอกว่ามีโรคร้ายหรือเชื้ออะไรแฝงตัวอยู่ในตัวน้องไดอาน่า จะมีเพียงเมื่อตอนอายุ 9 เดือน น้องเป็นไข้และชัก และถึงมือหมออย่างทันถ่วงที และหลังจากนั้นตนเองและคนอื่นก็จะคอยเฝ้าระวังอยู่ตลอดเพราะกลังว่าน้องไดอาน่าจะเกิดอาการชักอีกหากเป็นไข้สบาย
พ่อและแม่ กล่าวว่า หลังจากที่เคยชักมาแล้ว ก็ไม่เคยมีอาการในลักษณะนั้นอีกเลย จนกระทั่งเมื่อปลายปี 2566 ตนเองได้พาครอบครัวไปท่องเที่ยวทางภาคเหนือ และเมื่อกลับมา น้องไดอาน่าก็เป็นไข้ ซึ่งตนก็ดูแลเช็คตัว ให้กินยา ตามที่หมอเคยบอกวิธีการดูแลเด็กเล็กทุกประการ แต่หากหนักเกินมือพ่อแม่ ก็จะรีบพาน้องไดอาน่าส่งรพ.เอกชนทันที และครั้งนี้ถือว่าหนักเอาการ น้องรักษาอยู่หลายวัน และเมื่อหลังจากที่รักษาจนหาย ก็กลับมาอยู่บ้านและไปนอสเซอรีปกติ แต่จะไม่ปกติก็เพราะน้องจะเป็นไข้ง่าย เหมือนภูมิแพ้ อากาศเปลี่ยนก็จะเป็น
พ่อและแม่ กล่าวต่อว่า ครั้งนี้ก่อนจะเสียน้องไดอาน่า เป็นไข้ และวัดปรอทมีไข้สูงเพียง 37.4 เท่านั้น และได้เช็ดเนื้อเช็ดตัวจนไข้ลดลง จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าของวันอาทิตย์ ขณะที่ตนเองกำลังจัดเตรียมของกินให้น้องไดอาน่าได้วิ่งมาหาตนพร้อมกรีดร้อง ตนเองตกใจมาก จึงได้อุ้มมาที่หน้าบ้านและน้องมีอาการแน่นิ่งและก็ฉี่แตกใส่ แต่ก็พยายามเช็ดตัวนวดตัวจนอาการดีขึ้น ท่ามกลางความโล่งอกของทุกคน แต่ไม่นาน น้องก็เกิดอาการขึ้นมาอีก ครั้งนี้ก็รุนแรง ทุกคนจึงรีบพาขึ้นรถขับไปรพ.เอกชน ที่รักษาน้องทุกครั้ง แต่ระหว่างทางก่อนถึงรพ.น้องไดอาน่าขี้แตกและฉี่แตก ตาเหม่อลอย และเมื่อถึงรพ. แพทย์ก็ได้นำเข้าห้องฉุกเฉิน และใส่ท่อหายใจทันที
พ่อและแม่ กล่าวต่ออีกว่า ขณะที่นำตัวน้องไดอาน่าขึ้นรถพยาบาล ส่งรพ. น้องยกมือยกไม้ ตนก็พยายามปลุกลูกตลอดจนถึงรพ.ชุมพร แพทย์ได้ปั๊มหัวใจน้องหลายครั้ง และแพทย์ก็มาบอกให้ทำใจ แต่หมอจะช่วยให้ถึงที่สุด แต่ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง ไม่ถึงชั่วโมง แพทย์ก็ออกมาบอกว่า น้องไดอาน่าได้จากไปแล้ว จากภาวะติดเชื้อไวรัสที่มาจากอากาศทำให้หัวใจน้องหยุดเต้นเฉียบพลัน
ด้าน นายแพทย์อนุ ทองแดง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า ขอประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนกตกใจ สำหรับเด็กหญิงอายุ 3 ขวบ ที่เสียชีวิตดังกล่าวนั้น อาจจะมาจากการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน เนื่องจากผู้ปกครองที่อยู่ในอาการช็อกเสียใจกับการสูญเสียลูกสาว ความจริงแล้วไวรัสชนิดดังกล่าวมีอยู่ทั่วๆไป หรือที่เรียกว่า Nnterrovirus (เอนเทอโรไวรัส) ซึ่งมีมานานแล้ว เป็นเชื้อไวรัสตัวเก่าไม่ใช่ตัวใหม่ เชื้อสามารถอยู่ได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมง ก็จะถูกทำลายไปกับแสงแดด ความร้อน ความแห้ง และสภาพอากาศ
นายแพทย์อนุ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ป่วยรายนี้ ซึ่งมีอาการป่วยก่อนเข้าโรงพยาบาล 2 วัน มีอาการไข้ คลื่นไส้ และต่อมามีชักเกร็ง จากนั้นผู้ปกครองพาเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแล้วเสียชีวิต ซึ่งข้อมูลจากผลเลือดทราบว่า ผู้ป่วยรายนี้ติดเชื้อไวรัสปกติ ทั่วไปในกลุ่มของ Nnterrovirus (เอนเทอโรไวรัส) แต่เชื้อได้ลงสู่หัวใจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบรุนแรงเฉียบพลันจนเสียชีวิต โดยทั่วไปแทบจะไม่มีผู้เสียชีวิตเลย ครั้งนี้ถือว่าอยู่ในอัตรา 0.01 % ซึ่งที่ผ่านมาใน จ.ชุมพร มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ มีทั้งหมด 8 ราย ไม่มีใครเสียชีวิต แต่รายใหม่นี้เสียชีวิต
นายแพทย์อนุ กล่าวต่ออีกว่า ขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนก เพราะไวรัสชนิดนี้ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพแวดล้อมและสังคมทั่วๆไปอยู่แล้ว ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดอันตรายรุนแรงและเสียชีวิต ถ้าเราป้องกันดูแลตัวเองเช่น กินร้อนช้อนกลาง ทำความสะอาดพื้นผิว ล้างมือบ่อยๆ ก็สามารถป้องกันไวรัสชนิดนี้ได้อยู่แล้ว
หลังเกิดเหตุนี้ขึ้นมาทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ลงพื้นที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่น้องไปเรียน และบ้านที่อยู่อาศัยของน้อง เพื่อสอบสวนโรค และให้คำแนะนำ ทำความเข้าใจ และการดูแลสภาพแวดล้อมต่างๆ ซึ่งขอยืนยันว่าไวรัสชนิดนี้ไม่ใช่ไวรัสตัวใหม่เหมือนที่เข้าใจกันในสื่อออนไลน์ จึงขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนกตกใจ ให้ใช้ชีวิตตามปกติและดูแลสุขภาพปฏิบัติตนเองตามที่หมอแนะนำ