อธิบดีอุทยานฯแจงดรามา นั่งเฮลิคอปเตอร์ไล่ช้างภูกระดึง ชี้เป็นการผลักดันช้างป่า

อธิบดีกรมอุทยานฯแจงดรามา ไล่ช้างภูกระดึง หลังถูกวิจารณ์ นั่งเฮลิคอปเตอร์ไล่ช้างหนีกระเจิง ยืนยันเป็นการผลักดัน ต้องทำให้ช้างรู้ว่าเป็นพื้นที่ที่ไม่ควรเข้ามา

จากกรณีที่นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช โพสต์คลิปในเฟซบุ๊กส่วนตัว  เป็นคลิปขณะนั่งเฮลิคอปเตอร์ติดตามดูพฤติกรรมของช้างป่าในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย เพื่อตรวจความเรียบร้อย ก่อนจะเปิดภูกระดึงรองรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งในวันที่ 23 ธ.ค.นี้  

โดยจากคลิปจะเห็นว่า เฮลิคอปเตอร์บินวนรอบตัวช้าง ที่อยู่ตรงพื้นที่โล่งบนอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จนช้างสีดอดำมีท่าทางกระวนกระวาย เดินวนหันมองตามเฮลิคอปเตอร์ ก่อนจะวิ่งหนีเข้าป่าจนฝุ่นตลบ

หลังคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ทำให้เกิดดรามาทันที เพราะชาวเน็ตส่วนใหญ่มองว่าไม่เหมาะสม  อย่างเช่น  “ช้างอยู่ของเค้าดีๆ บินวนทำไม  ไปทำให้พฤติกรรมเขาเปลี่ยน ดุขึ้น เพราะความระแวง”  

“คุณทำอะไร หัวใจของกรมคือ อนุรักษ์ รักษาทรัพยากรธรรมชาติ ช้างไม่ใช่ทรัพยากรธรรมชาติหรืออย่างไร เสียดายที่ผ่านตำแหน่งอธิบดีมาหลายกรม”  “แล้วบินเพื่ออะไรเหรอคะ เห็นพูดว่า ยังๆ แต่ก็บินวนรอบตัวเขาต่ออีก เหมือนตั้งใจกวนเลยคะ”   “ที่ผ่านมาเคยชื่นชม แต่ปัจจุบันขอเปลี่ยนใจ เพราะหลายๆอย่างไม่ดีเหมือนเดิม แทนที่จะเข้มงวดกับนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามระเบียบแต่กลับไปขับไล่ช้าง ทั้งๆที่ผืนป่าก็แทบจะไม่เหลือแล้ว..ช่วงนี้สัตว์ป่าเดือดร้อนทุกที่”

แต่ก็มีความเห็นจากอีกฝั่งว่า เป็นการบินวนสำรวจพื้นที่ก่อนจะลงจอดและจุดที่ช้างยืน น่าจะเป็นลานสำหรับลงจอดเฮลิคอปเตอร์หรือไม่ แต่พอมีช้างมายืนอยู่ ก็เลยต้องบินวนเพื่อรอลงจอด ช้างอาจจะตกใจแต่ไม่น่ามีอะไรมาก  และอีกหลายคอมเมนต์ที่เข้ามาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ที่กำลังทำงานสำรวจพื้นที่และลาดตระเวน เพื่อความปลอดภัยของคนและช้าง  เพราะการปิดแหล่งท่องเที่ยวนานๆ ในฤดูท่องเที่ยวด้วย ทางอุทยานฯก็ต้องถูกกดดันแน่นอน เพราะร้านค้าข้างบนต้องปิดขาดรายได้ เขาทำงานก็ควรให้กำลังใจ และควรอ่านคิดวิเคราะห์ไปด้วย ไม่ใช่เห็นแค่คลิปแล้วคิดไปเอง

ทีมข่าวสอบถาม นายอรรถพล เจริญชันษา  อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ชี้แจงว่า  คลิปดังกล่าว เป็นคลิปขณะบินสำรวจช้างที่อยู่ในรัศมี 1-2 กิโลเมตร จากจุดบริการนักท่องเที่ยวภูกระดึง เป็นปฏิบัติการตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ให้ลงไปจัดระเบียบและแก้ปัญหาช้างป่าทำร้ายนักท่องเที่ยว หลังเกิดเหตุการณ์ช้างป่าทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึงจนเสียชีวิต

คลิปดังกล่าว เป็นคลิปขณะบินสำรวจพื้นที่  เมื่อบินสำรวจออกมาห่างจากจุดบริการนักท่องเที่ยวในรัศมี 1 กิโลเมตร  พบช้างป่า 1 ตัว ชื่อว่า “พลายสีดอดำ” เข้ามาอยู่ในจุดทิ้งขยะของแหล่งท่องเที่ยวภูกระดึง ที่มีการฝังกลบแล้ว แต่อาจจะมีเศษอาหาร หรือมีกลิ่นที่ดึงดูดให้ช้างป่าเข้ามา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องผลักดันช้างป่า ให้ถอยออกไปไกลจากแหล่งท่องเที่ยว มากกว่า 2 กิโลเมตร เพื่อความปลอดภัย  ต้องทำให้ช้างป่ารับรู้ว่า จุดดังกล่าวเป็นจุดที่ช้างป่า ไม่ควรเข้ามาในพื้นที่ และหลังจากนี้ จะมีมาตรการเข้มข้นด้านการจัดการขยะและเศษอาหารในพื้นที่ภูกระดึง  จะไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวนำขยะไปทิ้งในจุดต่างๆ บนอุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้  จะทิ้งได้เฉพาะเศษอาหารที่ย่อยสลายได้ ในจุดบริการบริการหรือร้านค้าเท่านั้น  ส่วนจุดต่างๆบนภูกระดึง จะไม่มีถังขยะไว้บริการนักท่องเที่ยว ดังนั้นขยะที่ไม่ย่อยสลาย นักท่องเที่ยวนำอะไรขึ้นไปบนภูกระดึง ก็จะต้องนำกลับลงมาทิ้งด้านล่างทุกชิ้น

อธิบดีกรมอุทยาน ฯ ยังระบุว่า  จากนี้ไปเจ้าหน้าที่จะปฏิบัติงานอย่างเข้มข้น หรือเรียกง่ายๆว่า เจ้าหน้าที่จะ “ดุ” มากกว่าปกติ  เพราะจะต้องคัดกรองนักท่องเที่ยวที่ทีคุณภาพ  ต้องเป็นนักท่องเที่ยวที่เชื่อฟังคำแนะนำเจ้าหน้าที่  หากนักท่องเที่ยวคนใดไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ หรือฝ่าฝืนระเบียบของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จะไม่อนุญาตให้อยู่ในพื้นที่

สาเหตุสำคัญที่ต้องมีการเข้มงวดในการผลักดันช้างให้ออกไปไกลจากจุดบริการนักท่องเที่ยวหรือแหล่งท่องเที่ยวบนอุทยานแห่งชาติภูกระดึง มากกว่า 2 กิโลเมตร  เนื่องจากการสำรวจอุทยานแห่งชาติภูกระดึง พบว่าในรัศมี 1 - 2 กิโลเมตร มีช้างป่าวนเวียนเข้ามาใกล้พื้นที่จุดบริการนักท่องเที่ยวทั้งหมด 3 ตัว ประกอบด้วยพลายบิด พลายงาเดียว และพลายสีดอดำ ทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้ว่า หากพบนักท่องเที่ยวจะเกิดอาการตกมันหรือทำร้ายนักท่องเที่ยวหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้มีข้อมูลว่าตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน เกิดกรณีช้างป่าทำร้ายร่างกายชาวบ้านและนักท่องเที่ยวไปแล้วมากกว่า 330 คน และในช่วง 8 ปี  มีผู้เสียชีวิตจากการถูกช้างป่าทำร้ายร่างกายไปแล้ว มากถึง 180 คน

ขณะเดียวกันหลังจากนี้ไป จะปิดแหล่งท่องเที่ยวบางจุดที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวเชื่อฟังคำแนะนำของเจ้าหน้าที่  ดังนั้นวันที่ 23 ธันวาคมที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวบนภูกระดึงได้นั้น มั่นใจได้ว่าจะมีความปลอดภัยแน่นอน เนื่องจากได้วางมาตรการเพื่อความปลอดภัยไว้ทั้งหมดแล้ว และจะมีการอบรมนักเที่ยวทุกคนเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวก่อนขึ้นไปบนภูกระดึงด้วย

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/0cKj5F8FqQo